ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 33
ตอนที่ 33 โอกาส
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะเหวี่ยงดาบไปทางหลินเซวียนผ่านความมืด ขณะลงดาบ ประกายแสงสีทองอันงดงามได้ระเบิดออกมาด้วย
นี่คือพลังของผู้เปิดชีพจรระดับหก มันทรงพลังและยังตรงไปยังจุดตาย
“ตาย!” ใบหน้าชายหนุ่มเผยถึงความดุร้าย
“เจ้าทึ่ม ระวังด้วย!” ถังอวี้ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ทัน ดังนั้นนางจึงตะโกนขึ้นเพื่อเตือนหลินเซวียน
กลุ่มของทหารรับจ้างโลหิตทำได้เพียงสิ้นหวังเมื่อเห็นฉากนี้ ด้วยเสียงคำรามอันดุเดือด ตู่ปิงพยายามสลัดคู่ต่อสู้เพื่อจะเข้าไปช่วย
“น้องหลิน หนีไปก่อน!”
“ฮึ่ม คิดว่าจะออกไปได้ง่าย ๆ งั้นหรือ? ข้าอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก ตู่ปิง เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ผู้ที่จะตายต่อจากนี้คือกลุ่มทหารรับจ้างโลหิตของเจ้า!”
ทันใดนั้นประกายแสงดาบอันทรงพลังพุ่งได้ไปทางหลินเซวียน
ในความมืด หลินเซวียนยังคงสงบนิ่ง เขาใช้ก้าวเท้าเงาจนทำให้ร่างเคลื่อนไหวราวกับวิญญาณ เขาหลบเบี่ยงประมาณสี่นิ้วเพื่อหลบคมดาบที่เข้ามา
ตู้ม!
พื้นแผ่นดินที่หลินเซวียนยืนอยู่จมลงพร้อมรอยแตก ‘การโจมตีของขั้นเปิดชีพจรระดับหกนั้นน่าสะพรึงอย่างแท้จริง!’
“ฮืม? เจ้าสามรถหลบได้งั้นหรือ?” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเบา “น่าสนใจไม่น้อยนี่หว่าเจ้าหนู นับว่าวิชาตัวเบาไม่เลว ข้าไม่ทราบเลยว่าเจ้าหลบได้ยังไง?” ชายหนุ่มหัวเราะขณะเริ่มโจมตีอีกครั้ง
ฟิ้ว!
เข็มเงินสามเล่มได้พุ่งตัดอากาศไปยังหลังศีรษะของชายหนุ่มคนนั้นทันที
“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มอุทานเสียงเย็นเยือกก่อนจะหันไปจับเข็มเงินทั้งสามเล่มไว้
ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะหันไปหยอกเหย้าถังอวี้ “คนสวย อีกเดียวข้าจะทำให้เจ้าพอใจแน่นอน!”
ดวงตาหลินเซวียนเปิดกว้างขณะมองชายหนุ่มคนนั้นหันหลัง
ตอนนี้แหละ!
เขาเพ่งกระแสจิตทั้งหมดไปยังดาบก่อนยกมันขึ้นภายใต้ม่านฟ้าสีดำ
“วิชาดาบดาวตก!”
ประกายแสงดาบปรากฏขึ้น มันตัดผ่านอากาศรอบด้านไปยังคอของชายหนุ่มตรงหน้า
ใบหน้าชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความกลัว เขายกมือขึ้นและพยายามจะกล่าวบางอย่าง แต่ก็ไม่อาจทำได้ทัน
ชิ้ง!
ร่างของเขากระตุกพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากคออย่างต่อเนื่อง
“เจ้า… เจ้า…” ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะมาตายด้วยน้ำมือของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสี่แบบนี้
ตุบ! ร่างของเขาล้มลงกับพื้นพร้อมเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว
ถังอวี่เปิดปากอันงดงามอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “วิชาดาบงดงามมาก!”
“หัว… หัวหน้า หัวหน้าตายแล้ว!” เสียงร้องอันประหลาดใจดังขึ้นใต้ราตรีอันมืดมิดและสะท้อนจนดึงกึกก้องกับภูเขาตรงหน้า
“อะไรนะ? มันเป็นไปได้ยังไง?” กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษถึงกับตกอยู่ในภวังค์ รองหัวหน้าของพวกเขาอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก ใครจะสามารถสังหารเขาได้?
แต่ร่างกายที่สิ้นลมบนพื้นก็ทำให้พวกเขาต้องยอมรับความจริง เวลานี้ การต่อสู้ได้เข้าสู่ช่วงดุเดือด ต่างฝ่ายต่างก็บาดเจ็บ แต่การตายของหัวหน้าพวกเขาได้ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษเสียขวัญกว่าเดิม
ตู่ปิงและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันตกตะลึงไม่น้อย การเคลื่อนไหวของหลินเซวียนนั้นรวดเร็วอย่างมาก มันรวดเร็วเกินกว่าคนธรรมดาจะตอบสนองได้ทัน
“น้องหลิน เยี่ยมมาก!” ใบหน้าของตู่ปิงเต็มไปด้วยเลือดศัตรู แต่ดวงตาของเขายังเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน เมื่อชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าตาย พวกเขาก็ปลอดภัยแล้ว
ตู้ม! ชายร่างใหญ่ที่มีหนวดเคราสะบัดตู่ปิงออกและรีบวิ่งไปยังศพของชายหนุ่ม
“เจ้าสังหารหัวหน้าหนุ่มของพวกเรา กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” ชายวัยกลางคนผู้นี้เผยหน้าตาดุร้ายทันที เมื่อหัวหน้าหนุ่มของพวกเขาตาย หากกลับไปต้องได้รับการลงโทษแน่นอน อีกทั้งหัวหน้าใหญ่ของเขาจะต้องคลุ้มคลั่ง!
“หัวหน้าสาม พวกเราควรทำไงดี?” กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษเอ่ยถามจากอีกฝั่ง
บรู๊ว!
เสียงจากการต่อสู้ได้ทำให้สัตว์ป่ารอบด้านตื่นตัว ตอนนี้กลิ่นเลือดคละคลุ้งอยู่เต็มพื้นที่ กล่าวได้ว่ามันยิ่งเป็นตัวเรียกสัตว์ป่าเข้ามา ทันใดนั้น ประกายแสงสีเขียวคู่หนึ่งได้ปรากฏขึ้นด้านนอก มันเคลื่อนที่ไปมาราวกับดวงวิญญาณ
“บัดซบ นั่นหมาป่าปีศาจดำ!” ตู่ปิงพยุงพี่น้องของตนที่บาดเจ็บพร้อมใบหน้าวิตกกังวล คนของกลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษเองก็เผยใบหน้าที่ตื่นตระหกราวกับเจออะไรที่น่าสะพรึง
“น้องหลิน ไม่ต้องสนคนพวกนี้แล้ว รีบหนีกันก่อน หมาป่าปีศาจดำนั้นกระหายเลือดอย่างมาก มันจะคลุ้มคลั่งทันทีที่ได้กลิ่นเลือด นอกจากนั้น พวกมันยังมากันเป็นฝูง ผู้ใช้พลังวิญญาณธรรมดาไม่สามารถต้านมันได้แน่นอน“
ตู่ปิงกล่าวขณะวิ่งไปหยิบกระเป๋าเดินทาง เขาหันไปมองหลินเซวียนพร้อมกล่าว “น้องหลิน รีบหนีกันเถอะ!”
“ฮึ่ม! พวกเราจะจำวันนี้ไว้!” หัวหน้าสามกัดฟันแน่นขณะมองไปที่หลินเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยวโดยไม่สนใจศพอีก
“หัวหน้าสาม ศพของพวกเรากับหัวหน้า…”
“หุบปาก! ตอนนี้พวกเราถูกล้อมโดยฝูงหมาป่าปีศาจดำ พวกเราจะรอดหรือเปล่ายังไม่รู้ แล้วยังจะมาห่วงศพอีกหรือ?”
“รวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดแล้วหนีทันที!” หัวหน้าสามตะโกนขึ้น จากนั้นได้พุ่งออกไปตามทางอย่างรวดเร็ว
“น้องหลิน ไปกันเถอะ!” ตู่ปิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
หลินเซวียนหันไปมองกลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษ เมื่อได้สังหารรองหัวหน้าของพวกเขาไปแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แต่การปรากฏตัวของหมาป่าปีศาจดำนั้นได้ทำให้พวกเขาต้องถอยไปก่อน
“ไป!” หลินเซวียนดึงถังอวี้วิ่งตามกลุ่มทหารรับจ้างโลหิตออกไป
บรู๊ว!
หลินเซวียนและคนอื่น ๆ เริ่มออกวิ่ง ขณะที่ฝูงหมาป่ากระโจนเข้ามาไล่ตามทันที หมาป่าปีศาจทมิฬเกือบร้อยตัวได้พุ่งไปที่ศพบนพื้น แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่ไล่ตามพวกของหลินเซวียน
ฟุบ! ฟุบ!
ดาบในมือหลินเซวียนอาบไปด้วยเลือด ทุกครั้งที่เขาฟัน หมาป่าปีศาจดำจะร่วงลงพื้นทันที คนของทหารรับจ้างโลหิตต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็นหลินเซวียน พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้เปิดชีพจรระดับสี่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
อีกฝั่งหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างอสรพิษได้ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดูเหมือนพวกเขาจะหนีไปได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
หลินเซวียนพยายามเปิดทางโดยใช้วิชาดาบอัสนีอย่างรวดเร็ว
…..
เวลานี้พวกเขาไม่ทราบว่าวิ่งหนีมาเป็นเวลากี่ชั่วยาม แต่ก็สามารถสลัดฝูงหมาป่าได้แล้ว
“ขอบคุณน้องหลินมากครั้งนี้” ตู่ปิงปาดเหงื่อบนใบหน้า “หากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา ในอนาคตเช่นนั้นขอบอกมา!”
“พี่ตู่กล่าวเกินไปแล้ว” หลินเซวียนหัวเราะ ท่าทีเคร่งขรึมและเย็นชาของเขาได้หายอย่างสมบูรณ์
“พวกเราควรจะพักผ่อนกันก่อนดีกว่า“
“มันใกล้จะสว่างแล้ว พวกเราน่าจะรอดแล้วล่ะ” กลุ่มพวกเขาเริ่มมองไปรอบ ๆ ขณะกล่าว
คนทั้งเจ็ดทำความสะอาดเนื้อตัวและพื้นที่ก่อนจะพักผ่อน เพียงไม่นานแสงแดดรุ่งอรุณได้ส่องขึ้นทางทิศตะวันออก
ในเช้าวันถัดมา หลินเซวียนและถังอวี้ได้แยกกับกลุ่มของทหารรับจ้างโลหิต พวกเขารีบรุดไปยังหลุมพิสดารกันต่อจนมาถึงในช่วงเย็น
เวลานี้มีร่างของคนอยู่รอบด้าน หลินเซวียนเองก็พบศิษย์สำนักซวนเทียนอยู่ด้วย
“พวกเขาอยู่ที่นั่น” หลินเซวียนชี้ไปทางพรรคเทพสงครามพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วเจ้าล่ะ?” ถังอวี้หันไปถาม
“ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ” หลินเซวียนขยับมือไปหลังศีรษะ “ข้าจะไปตามหาของ ส่วนเจ้าก็ไปหาพี่ชายได้แล้ว“
หลินเซวียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะกระโดดออกไปตามทางอย่างรวดเร็ว
“เจ้าทึ่มนั้นวิ่งได้รวดเร็วนัก!” ถังอวี้กระทืบพื้นด้วยความไม่พอใจ
……
ณ มุมด้านนอกของหลุมพิสดาร กลุ่มคนในเกราะสีเงินได้รวมตัวกันอยู่ ท่ามกลางพวกเขามีชายหัวโล้นร่างโตกำลังนั่งลับมีดสีทอง เขานั่งพลางบ่นพึม “ทำไมพวกนั้นยังไม่มากันอีก? เหตุใดถึงช้าเป็นเต่าไปได้?”