ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 41
ในวันธรรมดาของช่วงเวลากลางวัน หลินเซวียนจะเข้าไปฝึกบนภูเขา และบ่มเพาะพลังคงกระพันในตอนเย็น บางเวลาก็เข้าไปยังหอภารกิจเพื่อรับดาบมาซ่อมและเก็บสะสมแต้มไว้
ชีวิตประจำวันเช่นนี้ของเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
บรรยากาศโดยรอบของสำนักชั้นนอกค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ ศิษย์หลายคนกลับมาจากภูเขาไท่หังเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าสำนักชั้นใน เมื่อเข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในแล้ว เช่นนั้นถึงจะถูกยอมรับว่าเป็นศิษย์ของสำนักซวนเทียนที่แท้จริง ภายในนั้น ไม่เพียงแต่จะได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์ชั้นสูง ศิษย์ชั้นในยังจะได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสด้วย และเมื่อรวมกับทรัพยากรบ่มเพาะพลังอันล้มหลามที่จะได้ มันก็ไม่ต่างจากการบีบให้ศิษย์ชั้นนอกมุมานะฝึกฝน
ขณะเดียวกัน เทียบอันดับศิษย์ชั้นนอกได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ รายชื่อทั้งหมดได้ถูกจัดไว้อีกครั้ง ในวันนี้ศิษย์หลายคนพูดคุยกันเรื่องเทียบอันดับที่ถูกเปลี่ยนตลอดทั้งวัน
มีเพียงห้าร้อยคนที่จะอยู่ในรายชื่อศิษย์มีฝีมือ มันจะขึ้นอยู่กับขั้นพลัง การฝึกฝน และประสิทธิภาพ จากนั้นพวกเขาจะถูกคัดรายชื่อส่งไป
ไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นคนทำสิ่งนี้ บางคนไม่พอใจในอันดับของตัวเอง พวกเขาจึงไปท้าประลองกับศิษย์อันดับสูง แต่ผลออกมาคือต้องพ่ายแพ้กลับบ้าน กล่าวคือ ผลของเทียบอันดับนี้เป็นของจริง
มันจึงทำให้บรรดาศิษย์ชั้นนอกยอมรับในรายชื่อนี้มาช้านาน และเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของอันดับผู้อื่น
มีแผ่นพับในมือของชายหนุ่มนามเหอเชาปิง เขากำลังมองด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง แผ่นพับนี้คือรายชื่อของผู้ที่อยู่ในเทียบอันดับสำนักชั้นนอก ถึงแม้มันจะประดับอย่างสวยงาม แต่ก็หาได้ดึงดูดความสนใจของเขาไม่
“ฮึ่ม!” เขาบีบแผ่นพับในมือก่อนจะขยี้อย่างฉุนเฉียว เพียงไม่นานกระดาษในมือเขาได้กลายเป็นเพียงผงฝุ่น
“เกินไปหน่อยแล้ว! กล้าดียังไงมาลดอันดับของข้า!” ไฟแห่งความโกรธได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แต่เดิมเขาอยู่อันดับที่หนึ่งร้อย ซึ่งเป็นอันดับของศิษย์ระดับต้น ๆ ของสำนักชั้นนอก แต่ตอนนี้อันดับเขากลายเป็นอันดับที่ร้อยหนึ่ง
ถึงแม้มันจะห่างเพียงหนึ่งตัวเลข ความหมายมันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ในศิษย์นับหมื่นแสนคน การได้เป็นร้อยอันดับแรกนั้นนับว่าน่าภาคภูมิใจอย่างมาก พรสวรรค์ของคนระดับนี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษเมื่อเข้าร่วมสำนักชั้นใน ตอนนี้เขาได้กลายเป็นอันดับที่หนึ่งร้อยหนึ่ง สถานะของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาถูกแทนที่ด้วยศิษย์ใหม่ที่มี่นามว่า หลินเซวียน
“ไอ้ศิษย์หน้าใหม่คนนั้นเพิ่งเข้าร่วมสำนัก แต่กลับได้อันดับที่หนึ่งร้อย! ข้ายอมรับไม่ได้!” เหอเชาปิงกำดาบในมือแน่น
“เชาปิง ใจเย็นก่อน” ศิษย์ที่มีร่างกายอวบอ้วนด้านข้างเขากล่าว “ข้าได้ยินเกี่ยวกับหลินเซวียนมา เขามีเรื่องมากมายกับพรรคปราณเทวะ ว่ากันว่า เขาสามารถล้มศิษย์พรรคปราณเทวะได้ไม่น้อย ดังนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งจริง ๆ แน่นอน“
“แล้วไง? เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้งั้นหรือ?” เหอเชาปิงกล่าว
สำนักซวนเทียนชั้นนอกนั้นกว้างใหญ่และมีศิษย์มากมาย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักหลินเซวียน หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วันพวกเขาย่อมหลงลืมไปตามกาลเวลา
“ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าจะแพ้ แต่มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แค่เอาชนะเขาในการทดสอบคัดเลือกศิษย์ชั้นในก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
เหอเชาปิงเงียบไปเมื่อได้ยิน แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
……
ลานกว้าง ณ มุมตะวันออกเฉียงเหนือ
หลินเซวียนกำลังถือดาบเพลิงโลหิตและฝึกฝนอย่างพิถีพิถัน นี่คือวิชาดาบใหม่ที่เขาได้ร่ำเรียน วิชาดาบภูผาเดียวดาย มันคือวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูง
วิชาดาบนี้แตกต่างจากวิชาดาบของเขาอันก่อน ๆ มันไม่ได้เน้นไปที่ความเร็ว แต่เน้นไปเรื่องของพลัง กล่าวได้ว่าความเร็วของมันนั้นต่ำมาก
ฮู่! ฮู่! ฮู่!
หลินเซวียนเปิดปากและแขนอย่างกว้าง เขาเคยแต่ฝึกฝนในเรื่องของความเร็ว ตอนนี้เขากำลังทำความเข้าใจในการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าอยู่
วิชาดาบภูผาเดียวดายนั้นจะเน้นไปที่ความรุนแรง ความแม่นยำและความเสถียร ถึงแม้ความเร็วจะต่ำ แต่หากมีโอกาส เช่นนั้นมันสามารถใช้สังหารได้ในครั้งเดียว จากการฝึกฝนดาบอย่างเชื่องช้านี้ตลอดทั้งวัน มันทำให้เขาเข้าใจโอกาสที่จะเกิดระหว่างการต่อสู้มากขึ้น
ดาบเร็วใช้ในการสร้างโอกาสและให้ความสำคัญในการควบคุมคู่ต่อสู้ ส่วนดาบช้าใช้จากการจับข้อผิดพลาดหรือจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ การผสานทั้งดาบช้าและเร็วนั้น ทำให้ทักษะการใช้ดาบของหลินเซวียนก้าวหน้ากว่าเดิมมาก
ขณะที่หลินเซวียนกำลังฝึกฝนดาบอยู่ ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
รูปร่างของเขาผอมเพรียว ดวงตาโตและฉายแววเย็นเยือก
“เจ้าคือหลินเซวียนงั้นหรือ?” น้ำเสียงของชายคนนี้ไม่ค่อยญาติดีนัก
“ใช่แล้ว” หลินเซวียนหันไปพร้อมยืนจับดาบขณะตอบ “มีอะไรงั้นหรือ?”
“ข้าจะล้มเจ้าแล้วเอาอันดับคืน!” ชายหนุ่มผู้นี้คือเหอเชาปิง
หลินเซวียนงุนงงเล็กน้อย “อันดับอะไร?”
“อย่าเสแสร้ง เจ้าแค่บอกข้ามาว่าจะรับคำท้าหรือไม่!” เหอเชาปิงตะโกนขึ้นดัง
เสียงของเหอเชาปิงทำให้ศิษย์รอบด้านหันไปมอง ขณะเดียวกัน ชายร่างอ้วนได้วิ่งตามมาด้านหลัง เขาจับมือเชาปิงก่อนจะกล่าว “เชาปิง ไปกันเถอะ!”
“เสี่ยวเหว่ย ไม่ต้องห่วงข้า ข้าต้องล้มเขาวันนี้ให้ได้!” เหอเชาปิงกล่าวเสียงดัง “คนอ่อนแอไม่สมควรได้รับอันดับแบบนั้น!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงใครบางคนดังมากจากกลุ่มคน
“เจ้าไม่ทราบหรือ? อันดับของเหอเชาปิงถูกเขี่ยตกเพราะเจ้าหนูคนนั้น!” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังตามมา
“ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดเขาถึงโกรธจนมาหาเจ้าหนูนั่นถึงที่ เพราะเจ้าหนูนั่นเพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่นาน หากข้าเป็นเขา ข้าเองก็คงเป็นกังวลเหมือนกัน!”
เสียงเหล่านั้นดังเข้าหูของหลินเซวียนและทำให้เขาเข้าใจทันที
“เมื่อเจ้าอยากประลอง เช่นนั้นก็เข้ามาได้เลย!” หลินเซวียนอยากจะลองวิชาดาบภูผาเดียวดายเช่นกัน
“ฮึ่ม!” เสียงกัดฟันดังขึ้น “เจ้าควรจะทำให้ดีที่สุด มิเช่นนั้นจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช!”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาได้พลิกฝ่ามือ จากนั้นแผ่นอาคมได้ปรากฏขึ้น หลังจากโคจรพลังลงไปในแผ่นอาคมนั้น มันได้ขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะถูกวางลงบนพื้น
สนามประลอง!
หลินเซวียนรู้จักสนามประลองอาคมดี ครั้งหนึ่งเขาเคยประลองบนเวทีนี้กับพรรคปราณเทวะมาก่อน เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาจึงชักดาบเพลิงโลหิตออกมาพร้อมเผยรอยยิ้มขณะเดินขึ้นลานประลอง
เหอเชาปิงเองก็เดินขึ้นไปบนลานประลองอย่างไม่พอใจ
ศิษย์รอบด้านต่างหยุดมือในสิ่งที่กำลังจะทำ ศิษย์นามว่าเสี่ยวเหว่ยเองก็มองดูด้วยแววตาวิตกกังวล
“เข้ามา!” หลินเซวียนยกดาบเพลิงโลหิตขึ้นตั้งขณะกล่าว
ฟู่ม!
สัมผัสของความเย็นและเสียงตัดอากาศได้ดังขึ้น
ร่างของเหอเชาปิงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ดาบยาวในมือของเขาได้เผยรังสีเย็นเยือกออกมา เพียงชั่วพริบตา เขาได้มาอยู่ด้านข้างของหลินเซวียน ด้วยการสั่นข้อมือ ดาบยาวของเขาได้เลื้อยออกไปราวกับอสรพิษ
ความเร็วนั้นทำให้ผู้คนรอบด้านถึงกับผงะ!
“ดาบเร็ว…” หลินเซวียนขมวดคิ้วก่อนจะขยับไปด้านข้าง ขณะเดียวกันเขาได้ขยับดาบใหญ่ในมืออย่างช้า ๆ เพื่อปัดการโจมตีของเหอเชาปิง
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
ดาบของเหอเชาปิงฟันกระทบกับดาบเพลิงโลหิตจนเกิดเสียงขึ้นดัง เมื่อเห็นว่ามันไม่สามารถทำอะไรได้ เหอเชาปิงจึงยกดาบของตนขึ้น จากนั้นได้เล็งปลายดาบไปยังศีรษะของหลินเซวียน
ขณะเดียวกัน หลินเซวียนได้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวของแขนเป็นแนวแทยง จากนั้นดาบเพลิงโลหิตได้ฟันกวาดออกไป ด้วยพลังอันหนักหน่วงของดาบนั้น มันทำให้เหอเชาปิงต้องหยุดการโจมตีและหันมาป้องกัน ทันทีที่กำลังถอย เหอเชาปิงได้เผยจุดอ่อนออกมาชัดเจน เป็นผลให้ดาบของหลินเซวียนสั่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะแทงออกไปตรงนั้น