ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 47
ตอนที่ 47 สายฟ้าสีทอง
ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้คนก็เริ่มก้าวไปยังขั้นที่สูงขึ้น
ผู้ที่นำอยู่สูงสุดตอนนี้คือหลิวหยุนเช่นเดิม เขาอยู่ขั้นที่แปดสิบห้า มือของเขาไม่ได้ไขว้อยู่ด้านหลังแล้ว และมันเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ แต่ละขั้นสำหรับเขาในแรงกดดันแปดเท่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ผู้ที่ตามมาด้านหลังอีกคนคือต้วนเฟ่ย เขาอยู่ขั้นที่เจ็ดสิบเอ็ด ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขากัดฟันแน่นขณะมองเงาของหลิวหยุนก้าวขึ้นไปเร็วกว่าตน
เจียงอู่หลงที่อยู่ห่างกับเขาเพียงเล็กน้อยได้เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ข้าจะขึ้นไปให้ถึงก่อนเจ้า!”
……
หลินเซวียนยืนอยู่บนขั้นที่ห้าสิบห้า เขากำลังดูดซับพลังสายฟ้าอยู่ตอนนี้ กล่าวได้ว่า พลังวิญญาณในตัวของเขากลายเป็นสีฟ้าอมทองไปแล้ว
เปรี๊ยะ!
เสียงปะจุไฟฟ้าในมือของหลินเซวียนระเบิดออก เป็นผลให้เขาชาไปทั่วทั้งแขน
“หนึ่งในขุมพลังที่น่าสะพรึงที่สุดในโลก!” หลินเซวียนลูบแขนของตน เขาเองก็ยอมรับว่าตนยังควบคุมมันไม่ได้เต็มที่
“เมื่อเราไปถึงยังขั้นที่เก้าสิบเก้า เราน่าจะเปลี่ยนพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างให้เป็นพลังงานสายฟ้าได้” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอันล้นหลาม
“หลิน หลินเซวียน…” ขณะที่กำลังจะขึ้นไปยังขั้นที่ห้าสิบหก เสียงอันอ่อนแรงได้ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เหตุใดถึงเป็นเจ้า!” เมื่อหลินเซวียนหันไปมองคนผู้นั้น ปรากฏว่านางคือหยินฉิงอี้ สตรีขี้อายก่อนหน้านี้
หยินฉิงอี้ปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยหลังมือก่อนจะกล่าว “เจ้าขึ้นไปก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า“
หลินเซวียนยิ้ม “มาเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตามข้าทันในไม่ช้านี้!” หลังจากนั้นเขาได้ก้าวขึ้นยังขั้นที่ห้าสิบหกและปิดตาลงเช่นเดิม
เมื่อเปิดตามองอีกครั้ง เขาพบว่าหยินฉิงอี้กำลังยืนอยู่มองเขาอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ
“อ๊ะ! เจ้าตื่นแล้ว!” หยินฉิงอี้กล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ใช่ ไปกันเถอะ” หลินเซวียนก้าวขึ้นไปอีกขั้น และหยินฉิงอี้ก็ก้าวขึ้นตาม
หลายขั้นผ่านไป หลินเซวียนพบว่าหยินฉิงอี้จะคอยอยู่ข้าง ๆ ไปพร้อมกับเขา ถึงแม้หลินเซวียนจะเดินขึ้นไปอย่างเชื่องช้าก็ตา เมื่อกลั่นพลังซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง เขาก็สามารถกลั่นพลังสายฟ้าได้เร็วขึ้น ความเร็วของเขาเริ่มทิ้งศิษย์คนอื่นด้านหลังห่างออกไปทุกที แต่หยินฉิงอี้ยังก็สามารถตามเขาทัน
หลินเซวียนเผยรอยยิ้มขณะก้าวขึ้นไปแต่ละขั้นกับนาง เมื่อขึ้นไปถึงยังขั้นที่เจ็ดสิบเก้า พลังวิญญาณในจุดชีพจรทั้งเก้าของเขาได้กลายเป็นสายฟ้าหมดแล้ว ขณะเดียวกันผู้คนที่อยู่ก่อนเขาก็ต่างพากันผ่านบททดสอบกันหมด
เมื่อมีคนแรกผ่านบททดสอบนี้ เวลาก็เริ่มนับถอยหลังสู่ครึ่งชั่วยามสุดท้าย ศิษย์ที่ผ่านกันช่วงแรกต่างพากันนั่งพักเหนื่อยอยู่บนสุดของภูเขา จากนั้นชั่วครู่ บรรดาศิษย์ที่ผ่านก็ได้มองลงไปยังศิษย์ที่เหลืออยู่
“ดูสิ นั้นหลินเซวียนคนที่กล้าท้าประลองกับศิษย์พี่เจียงอู่หลง!” ในบรรดาศิษย์ที่เหลืออยู่ หลินเซวียนคือผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
“ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ขั้นเจ็ดสิบเก้า ดูเหมือนความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เลวนะ?” ผู้คนเริ่มพากันสับสน
หลินเซวียนไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นขณะก้าวไปยังขั้นที่แปดสิบ
ทันใดนั้นร่างของเขาได้สะดุ้งขึ้นมาโดยพลัน ประกายสายฟ้าสีทองได้ไหลเขาสู่ร่างกายเขาโดยตรง เป็นผลให้ร่างกายของเขากระตุก
“ไม่นะ!” ขณะที่ใบหน้าของเขากำลังเริ่มเปลี่ยนสี เขาสัมผัสได้ว่าพลังงานสายฟ้าในขั้นนี้แข็งแกร่งกว่าพลังงานสายฟ้าสีน้ำเงินด้านล่าง
‘หากไม่ระวังให้ดี เราอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!’
“ดูหน้าของไอ้ขยะนั่นสิ ฮ่า ฮ่า ข้าอยากจะขำให้ตาย!” ศิษย์ของพรรคปราณเทวะชี้ไปยังหลินเซวียนขณะหัวเราะเยาะ
“แค่ขั้นที่แปดสิบยังทำหน้าเจ็บปวดถึงขนาดนี้ ดูเหมือนเขาคงไม่อาจผ่านขั้นที่เหลือได้แล้วกระมั้ง?” ศิษย์หลายคนต่างพากันส่ายหัว
บนยอดเขา นอกจากหลิวหยุนที่นั่งปิดตาทำสมาธิอยู่คนเดียว คนอื่น ๆ ต่างพากันมองลงไปดูศิษย์ด้านล่าง เจียงอู่หลงมองหลินเซวียนอย่างเหยียดหยาม ‘ขยะจริง ๆ มันไม่มีคุณสมบัติจะมาสู้กับเราด้วยซ้ำ’
ถังอวี้มองลงไปด้วยแววตาสงสัย “เจ้าทึ่มนี้ไม่น่าจะอ่อนแอแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”
ฮึ!
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหยินฉิงอี้อยู่ข้างหลินเซวียน นางได้จิกปากพร้อมส่งเสียงไม่พอใจ
“เจ้า… เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หยินฉิงอี้เห็นใบหน้าของหลินเซวียนซีดเผือด นางจึงดึงแขนของหลินเซวียนเบา ๆ ทันใดนั้น พลังงานสายฟ้าสีทองได้แล่นเข้ามืออันงดงามของนาง
“อ๊ะ!” หยินฉิงอี้อุทานออกมาดังก่อนจะเปลี่ยนปลายดาบให้ชี้ลงพื้นทันที จากนั้นอักขระแปลกประหลาดได้ปรากฏขึ้นรอบตัวนาง ส่งผลให้พลังงานสายฟ้าเหล่านั้นวิ่งออกไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ศิษย์คนอื่นไม่ทันเห็นแม้แต่น้อย แต่ถึงจะเห็น พวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจ ใครจะสนใจศิษย์ที่ยืนทื่ออยู่ในชั้นที่แปดสิบนานขนาดนี้กัน?
เหนือท้องนภาบนก้อนเมฆ มันมีร่างของมนุษย์อยู่หลายคนอยู่ และยังรวมถึงชายวัยกลางคนชุดคลุมสีม่วงด้วย เขาเปิดตากว้างก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนพลังสายฟ้าในภูเขาเมฆาอัสนีจะเกิดการปั่นป่วนเล็กน้อย?”
“ปั่นป่วน? ปั่นป่วนยังไง? เหล่ยหยุนจือ เจ้าอ่อนไหวเกินไป พวกเด็กตัวแค่นั้นจะทำให้ภูเขาเมฆาอัสนีมีผลกระทบอะไรได้?” ร่างหนึ่งด้านข้างชายวัยกลางคนกล่าว เขามีหนวดยาวอยู่สองข้างบนปาก
เหล่ยหยุนจือใช้สัมผัสเทวะกวาดออกไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถคลายความสงสัยในใจได้
ด้านล่าง หลินเซวียนพยายามควบคุมกระแสไฟฟ้าสีทองในร่างกาย มันอันตรายและรุนแรงอย่างมาก สายฟ้าสีทองนี้เกือบจะระเบิดในร่างของเขาแล้ว แต่มันก็สามารถถูกปราบได้สำเร็จ
“พลังงานสายฟ้านับจากขั้นนี้ไปจะรุนแรงขึ้นอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันตอนนี้ เจ้าอย่าเพิ่งดูดซับมันจะดีกว่า” เซียนสุราเอ่ยเตือน
“ตกลง” หลินเซวียนพยักหน้าแบบเงียบ ๆ พลังวิญญาณในร่างของเขาได้กลายเป็นสายฟ้าเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นสีทองซึ่งมันทรงพลังกว่าเดิมถึงสองเท่า
“ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บใช่หรือไม่?” หลินเซวียนมองหยินฉิงอี้พร้อมกล่าวขอโทษ
หยินฉิงอี้ส่ายหัว ทันใดนั้นใบหน้าของนางได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “โอ๊ะ เวลาใกล้จะหมดแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” หลินเซวียนกล่าว
พวกเขาเริ่มเดินขึ้นปีนขึ้นไดกันต่อ หลินเซวียนที่ได้รวมตัวกับพลังงานสายฟ้าในภูเขานี้แล้ว แรงกดดันทั้งหมดแทบจะไม่มีผลอะไรกับเขาอีก แต่หยินฉิงอี้กลับเดินช้าลงเรื่อย ๆ
“เจ้าใช้วิชาดาบงั้นหรือ?” หลินเซวียนมองดาบที่แปลกประหลาดของหยินฉิงอี้และถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว” หยินฉิงอี้ยังคงถือดาบไว้และชี้ปลายดาบลงพื้น มันมีประกายแสงจากอักขระอาคมส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา
“มันคือการถ่ายโอนแรงดันของภูเขานี้กลับไปยังพื้นดิน” หยินฉิงอี้อธิบาย
จากนั้นพวกเขาค่อย ๆ เดินขึ้นไปพร้อมกันและไม่กล่าวสิ่งใดอีก มันดูไม่เหมือนการทดสอบของพวกเขาแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนคู่รักที่กำลังเดินด้วยกัน
ท้ายที่สุดก็มาถึงยังขั้นที่เก้าสิบเจ็ด… เก้าสิบแปด… เก้าสิบเก้า… และในที่สุดก็ผ่านการทดสอบ
“เฮอะ! ใช้เวลาเยอะอะไแบบนี้” ศิษย์บางคนของพรรคปราณเทวะยังคงดูหมิ่นอยู่
“ข้าแนะนำให้คนที่ไม่ไหวยอมแพ้เสียตอนนี้ เพราะเกรงว่าจะทนรับการทดสอบที่สองไม่ได้เอา”
“หากพวกเจ้าไม่อยากจะเจ็บตัว ข้าแนะนำว่าให้นั่งลงเงียบ ๆ เสียที!” รอยยิ้มเย้ยเยาะปรากฏขึ้นตรงมุมปากหลินเซวียน “เชื่อหรือไม่ข้าสามารถเตะพวกเจ้าลงไปยังยอดเขาได้ตอนนี้!”