ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 51
ตอนที่ 51 พลังดาบแฝงเร้น
เร็ว! รวดเร็วอย่างมาก!
การก้าวเท้าของหลัวอี้นั้นอยู่ในจุดที่ไร้คำบรรยายใด และมันมาถึงตรงหน้าหลินเซวียนเพียงไม่กี่ลมหายใจ
บรรดาศิษย์บนอัฒจันทร์ต่างส่งเสียงกันอย่างอึกทึก พวกเขาไม่เห็นการกระทำของหลัวอี้ได้ชัดเจนนัก แต่มันก็ทำให้พวกเขาชื่นชมในสิ่งนี้อย่างมาก
“ฮืม? การก้าวเท้าของเขาได้รับการขัดเกลาอีกแล้ว!” ในที่พักของศิษย์ ต้วนเฟ่ยมองหลัวอี้ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเกรงว่าคงจะมีไม่กี่คนที่สู้กับหลัวอี้ได้ ยกเว้นแค่ต้วนเฟ่ย!” ฮัวหยางปิงที่นั่งด้านข้างได้กล่าวขึ้น
“ฮึ่ม!” ใบหน้าหยานกงมืดดำ เพราะบนลานประลองนั้นไม่มีใครที่เขาชอบสักคน “แพ้ไปทั้งสองได้ก็ดี!”
…
ขณะเดียวกัน ความเงียบได้เข้าปกคลุมลานประลอง
หลัวอี้อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก วิชาเหยียบลมขั้นสีเหลืองระดับสูงของเขาถูกขัดเกลามาอย่างดี ในแง่ของการก้าวเท้า นอกจากต้วนเฟ่ย เขาไม่เกรงกลัวใครอีก!
“คลื่นดาบไร้เงา!”
ดาบอันคมกริบของหลัวอี้นั้นนอกจากจะเงียบจนไร้เสียงแล้ว มันยังแทบจะไม่เห็นเงาของดาบขณะโจมตี
มันราวกับดาบได้หายไปอย่างสมบูรณ์แบบ มันมีเพียงปราณดาบเท่านั้นที่ลอยตัดอากาศมาอย่างต่อเนื่อง
‘วิชาดาบน่าสะพรึงนัก!’
‘วิชาดาบนี้อยู่เหนือกว่าขั้นเปิดชีพจรระดับหกทั่วไป พรรคเทพสงครามเต็มไปด้วยยอดฝีมืออย่างแท้จริง’
ปราณดาบของหลัวอี้นั้นแทบมองไม่เห็นขณะพุ่งออกไป มันมีเพียงพื้นของลานประลองเท่านั้นทีถูกเฉือนจากความคมของมัน หลินเซวียนที่ยืนสงบนิ่งอยู่กำลังจะถูกปราณดาบตรงหน้าฟัน
ทันใดนั้นเขาได้เริ่มขยับ
ดาบเพลิงโลหิตถูกชักออกมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว มันกวาดพื้นที่ตรงหน้าเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
ปราณดาบที่พุ่งมาในแต่ละทิศทางถูกป้องกันโดยดาบขนาดมหึมา ขณะเดียวกัน บนตัวดาบเพลิงโลหิตได้มีประกายแสงรูปภูผาอยู่
“วิชาดาบภูผาเดียวดาย!”
หลินเซวียนตวัดดาบลงอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้มิติรอบด้านรวมถึงปราณดาบตรงหน้าแหลกเป็นชิ้น ๆ
ฟูม!
หลัวอี้ไม่คาดคิดว่าวิชาดาบของหลินเซวียนจะทรงพลังขนาดนี้ มันทำให้เขาถอยหลังไปไกล ขณะเดียวกัน เขารู้สึกว่าได้เจอคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจเข้าแล้ว
“ดาบนั้นมีเงาแห่งภูผาอยู่! มันคือพลังดาบแฝงเร้น เขาสามารถใช้พลังดาบแฝงเร้นได้!” ทุกคนมองหลินเซวียนอย่างประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าศิษย์ที่ขั้นพลังต่ำอย่างเขาจะมีพลังดาบแฝงเร้นอยู่
“บัดซบเอ้ย ทำไมไอ้หนูนั้นถึงแข็งแกร่งนัก!” ใบหน้าหยานกงเต็มไปด้วยความมืดดำ ฮัวหยางปิงที่อยู่ด้านข้างก็เงียบไปเช่นกัน
แม้แต่เจียงอู่หลงและคนอื่น ๆ ยังประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ สำหรับต้วนเฟ่ยและคนอื่น ๆ ไม่ได้ประหลาดใจมากนัก แต่ดวงตาของเจียงอู่หลงนั้นเต็มไปด้วยความเย็นเยือก
“เจ้าหนูอวดดีนั่น ไม่คาดคิดเลยว่าจะโตได้เร็วขนาดนี้! ข้าจะต้องจัดการด้วยตัวเอง ต่อให้เจ้าจะเชี่ยวชาญวิชาดาบมากแค่ไหน มันก็แค่ขยะสำหรับข้าอยู่ดี!” เจียงอู่หลงสบถในใจ
บนอัฒจันทร์สีทอง บรรดาผู้อาวุโสค่อนข้างประหลาดใจกันเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสฟ่างได้ลูบหนวดเคราพร้อมเผยรอยยิ้มราวกับว่าทราบสิ่งนี้อยู่แล้ว
พลังดาบแฝงเร้นนั้น มันคือพลังเสริมของวิชาดาบ หลังจากฝึกฝนวิชาดาบจนถึงขั้นสมบูรณ์ มันจะสามารถดึงแก่นแท้ของวิชาดาบออกมาใช้ได้
เห็นได้ชัดว่าวิชาดาบภูผาเดียวดายของหลินเซวียนนั้นอยู่ในระดับสมบูรณ์แล้ว!
ปราณดาบที่พุ่งเข้ามาถูกปัดออกจนพื้นลานประลองพังไปหลายส่วน หลัวอี้ยังคงเดินไปตรงหน้าอย่างหนักแน่น
“คลื่นดาบไร้เงา!”
ประกายแสงจากดาบราวกับคลื่นของน้ำที่กระเพื่อม อากาศรอบด้านเกิดความผันผวน รูปแบบความคมของดาบได้พุ่งไปทางหลินเซวียนอีกครั้ง
หลินเซวียนยังคงสงบนิ่ง เขาไม่รีบร้อนในการยกดาบเพลิงโลหิตขึ้น เงาสะท้อนรูปภูผาปรากฏขึ้นบางเบาบนตัวดาบ มันราวกับว่าดาบนั้นหนักถึงพันชั่ง เขายังไม่คิดจะโจมตี แต่คิดจะแสดงพลังป้องกันวิชาดาบของหลัวอี้อีกครั้ง
เหนือลานประลอง ประกายแสงจากดาบส่องสว่างขึ้นพร้อมเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด
ตอนนี้ วิชาดาบของหลัวอี้ยิ่งเสถียรและทรงพลังมากขึ้น เขาไม่เคยใช้วิชาดาบคลื่นไร้เงาอย่างหนักหน่วงแบบตอนนี้มาก่อน ดาบที่อยู่บนฟ้าได้ปล่อยปราณดาบลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ท่วงท่าและการเคลื่อนไหวของเขาเองก็เริ่มรวมเป็นหนึ่งกับดาบ อันที่จริงวิชาดาบของเขาอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยบรรลุขั้นสมบูรณ์ ตอนนี้ความดื้อรั้นในการปลดเปลื้องพลังได้เริ่มกระตุ้นมันได้เล็กน้อย
หากเขาถูกโจมตีกลับมา หรือหลินเซวียนถูกโจมตีจนล้ม เช่นนั้นกระบวนการในการบรรลุวิชาดาบระดับสมบูรณ์ก็จะถูกขัดขวาง
อย่างไรก็ตาม ปราณดาบมากมายที่ถูกฟันออกไปนั้นกลับไม่สามารถโจมตีหลินเซวียนได้ และถูกป้องกันทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นการเคลื่อนไหวของหลินเซวียนยังเห็นได้ชัดว่าเขาให้ความร่วมมืออยู่ มันจึงทำให้วิชาดาบของหลัวอี้ใช้ต่อได้อย่างราบรื่น
การรุกหนึ่งครั้งต่อการตั้งรับหนึ่งครั้ง การโจมตีของหลัวอี้ดุดันและแพรวพราวอย่างมาก การป้องกันของหลินเซวียนเองก็ไม่มีรั่วไหลราวกับภูผาสูงตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
ศิษย์บางคนถึงกับหลงใหลในฉากนี้ไปชั่วขณะ
พวกเขามองดูอย่างเข้าใจและเผยรอยยิ้มราวกับว่าเพลิดเพลินไปกับสิ่งนี้ด้วย
แต่ก็ยังมีศิษย์มากมายที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ศิษย์บางคนของพรรคเทพสงครามได้แสดงความดีใจขึ้น
“ศิษย์พี่หลัวช่างแข็งแกร่งนัก ชายคนนั้นแทบจะตอบโต้กลับไม่ได้เลย!”
“ศิษย์พี่หลัว เอาเลย เอาชนะเขาตอนนี้เลย!”
ขณะที่ศิษย์เหล่านี้กำลังส่งเสียง เหตุการณ์บนลานประลองก็ได้เปลี่ยนไป
หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ดาบในมือหลัวอี้ได้เปล่งประกายครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของลานประลอง เสียงของดาบได้กู่ร้องออกมาจนดังก้อง
“ศิษย์… ศิษย์พี่หลัวคงคิดจะเอาจริงแล้ว!” ศิษย์บางคนของพรรคเทพสงครามเอ่ยออกมาโดยไม่ค่อยมั่นใจนัก
ทันใดนั้น ประกายแสงอันเย็นเยียบได้ปรากฏขึ้นบนตัวดาบ มันราวกับกำลังฉายเงาของฤดูใบไม้ร่วงในคลื่นทะเลสาบอันเงียบสงบ
บนตัวดาบของหลัวอี้ ดูเหมือนมันจะควบแน่นไปด้วยพลังแฝงบางอย่างจนทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า
“พลังดาบแฝงเร้น! พลังดาบแฝงเร้นอีกคนแล้ว!”
ศิษย์รอบด้านต่างพากันประหลาดใจ “หลัวอี้มีพลังดาบแฝงเร้นได้ยังไง? เขาใช้มันจนสมบูรณ์แบบแล้วหรือ?”
อันที่จริง มีเพียงศิษย์ที่มีฝีมือบางคนเท่านั้นที่ทราบ อย่างเช่นสิบศิษย์ที่อยู่ในอันดับแรก บรรดาผู้อาวุโส และกรรมการตัดสิน
“บัดซบ หลินเซวียนช่วยหลัวอี้บรรลุวิชาดาบ ทำไมมันถึงใจดีนัก?” เสียงกัดฟันดังขึ้น
ใบหน้าเจียงอู่หลงดูไม่สู้ดีอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้ อีกทั้งยังทำให้ศัตรูอย่างพรรคเทพสงครามแข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นจะให้เขารู้สึกยินดีได้ยังไง?
สิ่งนี้ทำให้ต้วนเฟ่ยอารมณ์ดีไม่น้อยจนหัวเราะออกมา แม้แต่เทพธิดาเฉินเซี่ยเอ๋อยังมองหลินเซวียนอยู่หลายครั้งราวกับสนใจในตัวเขา
หลังจากเงาดาบปรากฏขึ้น หลัวอี้รู้สึกตื่นเต้นจนร้องอุทานออกมา มันนานจนเขาจำไม่ได้แล้วที่วิชาดาบของเขาไม่สามารถพัฒนาไปได้ แต่ตอนนี้มันสามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์! เช่นนั้นจะไม่ให้เขามีความสุขได้ยังไง?
แต่เขาก็ทราบว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า
“น้องหลิน ขอบคุณเจ้ามาก! ข้า หลัวอี้รู้สึกซาบซึ้งอย่างแท้จริง!”
หลินเซวียนยิ้ม “วิชาดาบของท่านงดงามและร้ายกาจอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วมันก็คงบรรลุได้อยู่ดี”
ความจริงคือหลินเซวียนไม่ได้คิดจะประลองอย่างจริงจังกับหลัวอี้ แต่เขาเลือกจะช่วยหลัวอี้แทน เขาคิดว่าหลัวอี้เป็นคนนิสัยดีและไม่เย่อหยิ่งเหมือนคนอื่น
ตอนนี้หลินเซวียนจึงช่วยเขา มันไม่มีอะไรมากมาย ยิ่งกว่านั้นเขายังสัมผัสได้ถึงความความแตกต่างในวิชาดาบ และได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มด้วย
“ข้าจะสู้กับเจ้าอีกครั้งเมื่อเข้าใจในดาบได้ดีกว่านี้!” หลัวอี้กล่าวอย่างสุภาพ “ศิษย์สิบอันดับแรกนั้นแข็งแกร่งมาก เจ้าจะต้องระวังให้ดี!”
หลัวอี้หัวเราะก่อนจะกระโดดลงจากลานประลอง
ผู้ตัดสินเองก็รู้สึกประทับใจในควาใจกว้างของหลินเซวียน เขาไม่เคยเห็นใครช่วยคู่ต่อสู้บรรลุขั้นพลังมาก่อน ด้วยสิ่งนี้ มันทำให้พวกเขามองหลินเซวียนกันใหม่
“หมายเลข ‘135’ ชนะ!”