ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 54
ตอนที่ 54 แค่สามกระบวนท่า
ทั้งสองประลองสายตากันจนคนรอบด้านรู้สึกกดดันถึงขั้นหายใจไม่ออก
“เจ้ามีคุณสมบัติพอที่ทำให้ข้าสนใจ!” นี่คือครั้งแรกที่หลิวหยุนพูด น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำราวกับเสียงฟ้าร้องอ่อน ๆ บนปลายเมฆ
หลิวหยุนกล่าวเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หลังจากกล่าวจบเขาก็เงียบไปอีกครั้ง สายตาสีม่วงที่ปกคลุมลานประลองอยู่ได้หายไปทันที
“สู้เลย! สู้เลย! สู้เลย!”
จากนั้นไม่นาน ศิษย์ชั้นนอกต่างพากันโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องการให้ทั้งสองคนนี้ประลองกัน การประลองของยอดอัจฉริยะคู่นี้คงจะไม่ได้เห็นง่าย ๆ นอกจากจะเข้าไปในสำนักชั้นใน
แต่พวกเขาก็ทราบดีว่าต้องรอไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างพากันข่มความตื่นเต้นไว้ในใจและรอดูการประลองต่อไป
“หลินเซวียนพบกับฮัวหยางปิง!”
ฮัวหยางปิงนั้นเป็นศิษย์อันดับห้าของสำนักชั้นนอก เขาเป็นรองแค่สี่ยอดคนเท่านั้น และยังเป็นถึงหัวหน้าผู้คุ้มกฎของสำนักชั้นนอก หรือก็คือคนที่เคยมีเรื่องครั้งก่อนกับหลินเซวียน บางคนยังคิดว่าความแข็งแกร่งของฮัวหยางปิงนั้นอาจจะทัดเทียมได้กับสี่ยอดคนด้วยซ้ำ
ส่วนหลินเซวียนผู้เป็นม้ามืดของการทดสอบครั้งนี้ เขาไต่ระดับขึ้นมาจนสามารถเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ ความสามารถของเขาก็ได้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนแล้วเช่นกัน อีกทั้งยังดูเหมือนจะเป็นที่หลงใหลในบรรดาศิษย์ไร้สังกัดด้วย
“ฮึ่ม ไอ้หนู ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอเจ้า ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ออมมือแน่นอน!” เสียงของฮัวหยางปิงเต็มไปด้วยความดูแคลน ตั้งแต่แรกที่เจอกับหลินเซวียน นอกจากจะจับหลินเซวียนไม่ได้ เขายังต้องเสียหน้าอีก
“ไม่ต้องออมมือ เจ้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก!” เสียงของหลินเซวียนเย็นเยือกเช่นกัน
สำหรับคนผู้นี้ หลินเซวียนไม่มีความรู้สึกดีด้วยแม้แต่น้อย ตั้งแต่แรก ฮัวหยางปิงคิดจะจับตัวเขาตามอำเภอใจ เป็นผลให้หลินเซวียนได้ขึ้นบัญชีดำเขาตั้งแต่ตอนนั้น
เมื่อสิ้นสุดคำของผู้ตัดสิน หลินเซวียนได้ชักดาบเพลิงโลหิตด้านหลังออกมา เงาของภูผาเดียวดายได้ปรากฏขึ้น น้ำหนักที่หนักอึ้งถึงหนึ่งหมื่นชั่ง และตามมาด้วยเสียงตัดอากาศอันดังก้อง
“เฮอะ! ข้าสงสัยว่าดาบนั้นแข็งแกร่งจริงหรือเปล่า?” ฮัวหยางปิงยิ้มอย่างเย้ยเยาะ เขาชักดาบของตนออกมาก่อนจะแทงลงไปที่พื้น
ด้วยการกระตุกนิ้ว เขตอาคมสีดำได้ปรากฏขึ้นบนพื้นทันที มันราวกับก้นบึ้งของหุบเหว
“ดาบอาคมงั้นหรือ?” หลินเซวียนชะงัก เขาไม่คาดคิดว่าฮัวหยางปิงจะเป็นผู้ใช้ดาบเช่นกัน หลังจากประหลาดใจเล็กน้อย หลินเซวียนก็สงบลงอีกครั้ง ‘ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรก็ตาม ดาบในมือข้าจะสะบั้นให้ขาดเอง’
ภายในอาคมดาบสีดำ ฮัวหยางปิงได้เผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง เขาค่อนข้างมั่นใจในเขตอาคมดาบนี้มาก นอกจากสี่ยอดคนของสำนักชั้นนอก มันไม่มีใครสามารถทำลายการป้องกันนี้ได้แน่นอน ด้วยสิ่งนี้ กล่าวได้ว่าเขาไร้เทียมทานอย่างมาก
“หลินเซวียน หลินเซวียน ข้าอยากจะบอกเจ้าว่ามีคนบางประเภทที่ไม่ควรไปยั่วยุ ถึงแม้เจ้าจะมีผู้อาวุโสฟ่างหนุนหลังอยู่ ข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้ในลานประลองนี้!” ฮัวหยางปิงมองหลินเซวียนที่แสดงท่าทีฉงน เขาคิดว่าหลินเซวียนรู้สึกกลัวจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
ในที่พักของผู้ประลอง
ใบหน้าของหยินฉิงอี้ตึงเครียดเล็กน้อย มืออันเรียวเล็กของนางกำลังจิกเสื้อผ้าแน่น ร่องรอยของความวิตกกังวลปรากฏบนใบหน้าขาวซีด นางเองก็เป็นผู้ใช้ดาบอาคมเช่นกัน มันจึงทำให้นางรู้สึกถึงความน่ากลัวของเขตอาคมนั้น
“หลินเซวียน เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ!” หยินฉิงอี้กล่าวกับตัวเอง
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น เมื่อดาบเพลิงโลหิตอยู่ห่างจากหัวของฮัวหยางปิงเพียงไม่กี่นิ้ว เขตอาคมได้เผยประกายแสงสีดำขึ้นป้องกันทันที
ตู้ม!
ดาบใหญ่ของหลินเซวียนนั้นราวกับภูผาของจริง มันส่งเสียงดังสนั่นไปรอบด้านราวกับภูผาที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
แรงกระแทกจากตัวดาบและพลังจากเขตอาคมสีดำ มันทำให้พื้นดินแตกออกจนเป็นหลุมน้อยใหญ่
“เพียงแค่การโจมตีเดียวยังหนักหน่วงถึงเพียงนี้… แต่เขตอาคมสีดำนั่นกลับป้องกันได้!” เสียงของผู้ชมดังขึ้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หลินเซวียน นี่คือการโจมตีที่ดีที่สุดของเจ้าแล้วหรือ? มันช่างกระจอกเสียจริง!” ฮัวหยางปิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“หัวหน้าฮัวผู้เก่งกาจ!”
บนอัฒจันทร์ กลุ่มของศิษย์ผู้คุ้มกฎได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“สั่งสอนไอ้เด็กตามืดบอดคนนี้!”
“ฆ่ามันเลย!”
ศิษย์ของกลุ่มผู้คุ้มกฎหัวเราะอย่างเพลิดเพลินขณะที่คนอื่น ๆ ถอนหายใจ
“เฮ้อ ถึงแม้จะเป็นม้ามืด มันก็ยังห่างจากศิษย์ที่มีพรสวรรค์รุ่นพี่“
“ใช่ หากไม่มีไพ่ตายอื่น เช่นนั้นหลินเซวียนคงจะแพ้แน่“
……
“เจ้าจะพึ่งพาแค่สิ่งนั้นสินะ?” หลินเซวียนเอ่ยถามเบา ๆ
เขาไม่ได้แสดงอารมณ์หัวเสียแต่อย่างใด การโจมตีก่อนหน้านั้นเป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น เขาแทบไม่ได้ใช้พลังแม้แต่น้อย
“โจมตีมาให้สุดฝีมือ จากนั้นข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตาภายหลัง” ฮัวหยางปิงไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะสงบนิ่งขนาดนี้
“จะล้มเจ้าใช้แค่สามกระบวนท่าก็พอ” หลินเซวียนกำดาบแน่นอีกครั้ง “กระบวนท่าที่หนึ่งได้ใช้ไปแล้ว ตอนนี้จะเป็นกระบวนท่าที่สอง!”
เสียงของหลินเซวียนดังก้องไปทั่วลานประลอง
“อะไรนะ ข้าได้ยินถูกใช่หรือไม่? เขาจะเอาชนะหัวหน้าฮัวเพียงแค่สามกระบวนท่า?”
“เจ้าโง่นั่น! นอกจากจะทำลายเขตอาคมไม่ได้แล้วยังจะเอาชนะด้วยสามกระบวนท่าอีก?” ศิษย์ในกลุ่มผู้คุ้มกฎเริ่มมองอย่างเย้ยหยัน
แม้แต่ศิษย์ที่มีฝีมือยังสงสัยเช่นกัน กล่าวตามตรง พวกเขาไม่ได้เห็นหลินเซวียนอยู่ในสายตาเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าพวกเขาเองย่อมไม่เชื่อที่หลินเซวียนจะจัดการคู่ต่อสู้ได้ในสามกระบวนท่า
แม้แต่เจียงอู่หลงยังมองด้วยดวงตาเย้ยหยัน
“โง่เง่า!” ทันใดนั้นเสียงของหลิวหยุนได้กระซิบผ่านอากาศ มีเพียงไม่กี่คนอย่างเจียงอู่หลง ต้วนเฟ่ย และศิษย์ที่มีฝีมือเท่านั้นจะได้ยิน
ดวงตาของเฉินเซี่ยเอ๋อเองก็เผยถึงความประหลาดใจ นางไม่คาดคิดว่าหลิวหยุนที่นั่งเงียบมานานจะยอมปริปากกับสิ่งนี้ แม้แต่ต้วนเฟ่ยยังส่ายหัว แต่เขาก็ไม่ทราบว่าหลิวหยุนเอ่ยถึงใคร
บนลานประลอง หลินเซวียนได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง
ดาบเพลิงโลหิตนั้นมีสนิมเขรอะ แต่ภายใต้สนิมนั้นมันมีประกายสีแดงซ่อนอยู่ หลินเซวียนผสานวิชาดาบอัสนีเข้ากับวิชาดาบภูผาเดียวดาย และใช้ทักษะของวิชาดาบอัสนีในการกระตุ้นความเร็ว
ตู้ม!
หลินเซวียนฟันลงไปยังเขตอาคมสีดำอีกครั้งราวกับอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้า
“ฮ่า ฮ่า อย่าพยายามอีกเลย…” ฮัวหยางปิงคิดจะหัวเราะเยาะ แต่ก่อนที่จะกล่าวจบ เขตอาคมสีดำก็ได้เปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินเสียงแกร๊กดังขึ้น เขตอาคมสีดำของเขาก็ได้เผยรอยแตกออกราวกับผังของใยแมงมุม
“เป็นไปได้ยังไง? เขาทำลายมันได้ยังไง?” ใบหน้าฮัวหยางปิงเปลี่ยนไปทันที “เขามีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับสี่ยอดคนงั้นหรือ?”
ฮัวหยางปิงไม่รอช้าที่จะโคจรพลังไปยังเขตอาคมเพื่อที่จะสร้างขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะทำได้ กระบวนท่าที่สามก็ได้ตามมาแล้ว
“ดาบภูผาเดียวดาย!”
การโจมตีครั้งนี้ทำให้อาคมดาบสีดำแตกสลายออกไปหมดสิ้น คลื่นพลังสีดำจากเขตอาคมได้พุ่งกระจายไปรอบด้าน สำหรับฮัวหยางปิงนั้น เขากำลังจมอยู่ใต้คลื่นกระแทกของภูผา เขาแทบจะไม่มีแรงต่อต้านได้แม้แต่น้อย
และเพียงนาน เขาก็ได้กระเด็นออกนอกลานประลองไป