ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 66
ตอนที่ 66 ฝูงหมาป่า!
เวลานี้ หมาป่าขนเพลิงกำลังล้อมรอบศิษย์สำนักซวนเทียน หากใช้สายตามองกวาดไปจะเห็นเป็นสีแดงเพลิงเต็มไปหมด
“ไม่นะ ถอยเร็ว!”
ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนสีทันทีก่อนจะถอยอย่างหวาดผวา หากพวกเขาถูกล้อมอยู่ที่นี่ ผลที่ตามมาย่อมไม่ต้องจินตนาการ
อีกด้านหนึ่ง หลินเซวียนและหยินฉิงอี้เองก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน หมาป่าขนเพลิงนับร้อยตัวกำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างดุดัน
“แย่ล่ะ พวกเราประมาทเกินไป!” ใบหน้าหลินเซวียนมืดดำ เขาพิงหลังกับหยินฉิงอี้ขณะค่อย ๆ เดินถอยหลัง
บรู๊ว!
ทันใดนั้นหมาป่าขนเพลิงนับสิบตัวได้กระโจนเข้ามาทุกทิศทางตั้งแต่หัวยันปลายเท้า
“ตายซะ!” หลินเซวียนกวาดดาบเพลิงโลหิตออกไป จากนั้นสายฟ้าได้พุ่งตามออกมา เป็นผลให้มันพุ่งทะลุร่างของพวกหมาป่าขนเพลิงในทันที
พลังของสายฟ้านั้นรุนแรงจนทำให้พวกหมาป่าถึงกับตัวชาและหยุดอยู่กับที่
หลังจากนั้นเสียงของสายฟ้าดังเปรี๊ยะได้ตามมา มันทำให้ฝูงหมาป่าที่โดนนั้นล้มตายลงกับพื้นทันที หลินเซวียนปัดดาบของตนไปมาก่อนจะพาหยินฉิงอี้กระโดดหนีออกไป
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
แน่นอนว่าฝูงหมาป่าขนเพลิงได้เริ่มไล่ตามหลินเซวียนอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ย่ำแย่ แต่ยังรวมถึงศิษย์ที่อยู่ในสนามรบด้วย เวลานี้ พวกเขาตระหนักได้แล้วว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ การล่าตัวหรือสองตัวนั้นไม่มีอะไร แต่การจะเอาชีวิตรอดจากฝูงสัตว์ตรงหน้าตอนนี้ต่างหากที่สำคัญ
นี่คือภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่พวกเขาต้องเผชิญ ถึงแม้สัตว์เหล่านี้จะไม่มีวรยุทธ์ แต่มันก็มีมากเกินไป หากมันเป็นสงครามที่ยืดเยื้อขึ้นมา มนุษย์เหล่านี้ก็ไม่มีทางสู้มันได้แน่นอน อีกทั้งสัตว์ร้ายบางตัวยังสามารถแปลงเป็นร่างมนุษย์ได้ และพลังของมันจะไม่ด้อยไปกว่าเผ่ามนุษย์เลย
ฟูม!
หลินเซวียนและหยินฉิงอี้หนีเข้าไปในซากปรักหักพัง พวกเขาใช้ก้อนอิฐและหินปิดทางเข้าไว้
“ฮู่ว! มันน่าจะปลอดภัยสักช่วงหนึ่งนะ” หลินเซวียนปาดเหงื่อบนใบหน้า สถานการณ์ตอนนี้อันตรายอย่างมาก หากเขาวิ่งช้ากว่านี้ไปนิดเดียว เช่นนั้นคงถูกฝูงหมาป่ารุมกินไปแล้วแน่นอน
“พวกเราจะทำยังไงต่อดี?” หยินฉิงอี้ถามอย่างวิตก
“รอเดี๋ยวนะ มันมีเหตุผลที่จะบอกว่าการทดสอบนี้ไม่ปกติ ไม่มีใครสามารถทำการทดสอบให้ผ่านได้แน่นอน” หลินเซวียนคาดเดา “บางทีพวกเราอาจจะอยู่ในสถานการณ์พิเศษอยู่ หากเป็นเช่นนั้น ข้าเชื่อว่าสำนักจะต้องส่งคนมาช่วยเร็ว ๆ นี้“
หยินฉิงอี้พยักหน้าก่อนจะทำความสะอาดพื้นเพื่อนั่งลง
แต่เพียงไม่นาน เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้น กองหินที่หลินเซวียนใช้ปิดทางเข้าไว้เริ่มเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาของหมาป่าขนเพลิง
ฟู่ม!
ด้วยการขยับมือ หลินเซวียนแทงดาบเพลิงโลหิตใส่หมาป่าตัวแรกที่โผล่หน้ามา เป็นผลให้มันกระแทกไปโดนอีกหลายตัวด้านหลัง
“ฉิงอี้ ใช้เขตอาคมปิดทางเข้าไว้ก่อน!” หลินเซวียนกล่าวอย่างร้อนรน
หยินฉิงอี้เปิดฝ่ามือเพื่อสร้างเขตอาคมทันที ประกายแสงได้ปรากฏขึ้นบริเวณรอบทางเข้า ข่ายอาคมแบ่งเป็นสองทาง ครึ่งหนึ่งอยู่ข้างในและอีกครั้งอยู่ข้างนอก
ดาบสีเงินของนางราวกับอสรพิษที่ทิ่มแทงฝูงหมาป่าอยู่ตลอดเวลา
แต่เลือดกลับทำให้พวกมันคลั่งมากขึ้น แม้จะมีหลายตัวล้มลง อีกหลายตัวก็จะพุ่งตามมา
เพียงไม่นาน ศพของหมาป่าขนเพลิงได้กลายเป็นกองภูเขาปิดทางเข้าไว้
ขณะเดียวกัน หยินฉิงอี้ได้โฉยกลิ่นหอมพร้อมเหงื่อที่ไหลหยด ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นด้วย ซึ่งมันดูน่ารักอย่างมาก หลินเซวียนได้ชะงักก่อนจะส่งยาฟื้นฟูให้นางและบอกให้พักผ่อน
“คงอีกไม่นานที่เจ้าจะบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับหก” หลินเซวียนมองหยินฉิงอี้ขณะกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” หยินฉิงอี้พยักหน้า “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าใช้อาคมนานขนาดนี้!”
“พักก่อนเถอะ” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หยินฉิงอี้เก็บเขตอาคมก่อนจะนั่งลงหายใจ ร่างกายบอบบางของนางเริ่มเปล่งประกายราวกับแสงจันทร์ หลินเซวียนไม่คิดจะรบกวนการพักของนาง เขาจึงไปสำรวจดูรอบ ๆ แทน
มันมีโต๊ะและเก้าอี้กระจัดกระจาย เสาหินที่แตกหักอยู่เต็มไปหมด ส่วนพื้นนั้นมีพรมหนังสัตว์อยู่ มันดูเหมือนจะเป็นบ้านของคนรวย หลังจากตรวจสอบอยู่ชั่วครู่ หลินเซวียนก็ไม่พบของมีค่าอันใด ดังนั้นเขาจึงถอนสายตาออก
อีกด้านหนึ่ง แสงจากตัวหยินฉิงอี้ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นจนมันครอบคลุมตัวนาง
“มันจะบรรลุขั้นเพลงแล้วหรือ?” หลินเซวียนเอ่ยถาม
ตู้ม!
ทันใดนั้นเสียงดังก้องได้ดังมาจากด้านนอก ร่างของฝูงหมาป่าขนเพลิงกระจายออกไปทั้งสองข้างทาง
“หลุมถูกเปิดแล้วหรือ?” ใบหน้าหลินเซวียนจมลง เขาจับดาบเพลิงโลหิตในมือไว้แน่นขณะเดินไปตรงทางเข้า
“เจ้าต้องบรรลุพลังให้ได้ ข้าจะคุ้มกันเอง!” หลินเซวียนกล่าวเสียงต่ำ
คำของหลินเซวียนทำให้ร่างอันบอบบางของหยินฉิงอี้สั่นเล็กน้อย พลังวิญญาณที่ไม่เสถียรของนางก็เริ่มเสถียรมากขึ้น หลินเซวียนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงด้านหลัง และมันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
จากนั้นเขาหันไปมองตรงทางเข้าพร้อมหายใจออกมา
เวลานี้ ด้านนอกเขาได้เห็นหมาป่าขนเพลิงตัวใหญ่กว่าหมาป่าขนเพลิงปกติถึงสามเท่ากำลังมองมาที่รูอยู่
หมาป่าตัวใหญ่นี้มีพลังวิญญาณชั่วร้ายที่หนาแน่นมาก หมาป่าทั้งหมดที่อยู่รอบตัวมันถึงกับส่งเสียงหวาดกลัว
“ลมหายใจนี้…” หัวใจหลินเซวียนจมดิ่ง “นี่คือสัตว์อสูรระดับสาม!”
สัตว์อสูรระดับสามนั้นทัดเทียมได้กับมนุษย์ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ด และมันสู้ได้ยากกว่าคนธรรมดาที่อยู่ขั้นนี้อีก
“เจ้าตัวนี้น่าจะเป็นจ่าฝูงของพวกมัน ข้าเกรงว่าคงจะไม่ง่ายเสียแล้ว!” สายฟ้าในตัวหลินเซวียนเริ่มปรากฏขึ้น ทันทีที่จ่าฝูงลงมือ เขาจะลงดาบทันทีเช่นกัน
บรู๊ว!
จ่าฝูงหมาป่าจ้องมาอย่างเย็นเยือกพร้อมโก้งตัวเตรียมพุ่ง ไอสีดำจากพลังวิญญาณชั่วร้ายได้โคจรอยู่รอบตัวมัน
หลินเซวียนยังไม่กล้าวู่วาม หากเขาทำลายกำแพงตอนนี้ หยินฉิงอี้ที่อยู่ด้านหลังจะต้องตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เขาทำได้แค่ขู่ให้จ่าฝูงกลัวเพื่อถ่วงเวลา เมื่อไหร่ที่หยินฉิงอี้บรรลุขั้นพลัง ทุกอย่างจะต้องง่ายขึ้น!
“ลองชิมดาบข้าสักหน่อย” มุมปากหลินเซวียนโค้งขึ้น
จากนั้นเขาได้โคจรเมล็ดพันธุ์แห่งดาบและเพิ่มแรงกระตุ้น เพียงไม่นาน รังสีพลังได้พวยพุ่งออกมา
หลินเซวียนราวกับมีสายฟ้าสีทองปกคลุมทั้งตัว ลมหายใจของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ทันใดนั้นสายฟ้าสี่เส้นได้พุ่งออกไปตรงหน้า
ตู้ม!
หมาป่าจ่าฝูงหมอบราบลงกับพื้นทันที ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หมาป่าที่ดูดุร้ายเมื่อครู่ได้เปลี่ยนไปราวกับลูกสุนัขเชื่องคน!
ทันทีที่เขาแทงดาบออกไป เสียงฟ้าผ่าระหว่างสวรรค์และโลกได้ดังสนั่นขึ้น และมันตามมาด้วยประกายแสงสีทอง