ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86 เป็นหรือตาย!
ลานประลองเป็นตายนั้นไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นที่ที่ตัดสินชะตาชีวิตของผู้ประลอง เมื่อขึ้นไปอยู่ในลานประลองนี้แล้ว จะต้องมีคนหนึ่งที่จบชีวิตลง
เวลานี้ลานประลองเป็นตายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ศิษย์ชั้นในได้มาถึงอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะพลาดการประลอง เนื่องจากไม่มีใครใช้ลานประลองนี้มาหลายปีแล้ว
“เจ้าคิดว่าหลินเซวียนจะชนะหรือไม่?”
“อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย เขาเป็นเด็กที่เพิ่งเข้าสำนักชั้นในมา แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับจางเฉียน?”
“ข้าคิดว่าเขาคงภาคภูมิใจและเย่อหยิ่งในพลังของตนเองเกินไป และไม่สนใจคำของศิษย์ผู้พี่ ดีแล้วที่เขาจะตาย ๆ ไปเสีย!” เป็นศิษย์ของพรรคปราณเทวะกล่าว
“นับว่ามีพรสวรรค์ที่สามารถชิงอันดับหนึ่งของการทดสอบสำนักชั้นนอกได้ แต่เมื่อมาอยู่ในลานประลองนี้แล้ว ยังไงก็ต้องตาย”
เสียงผู้คนมากมายถกเถียงกันเรื่องหลินเซวียน บางคนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเขา เพราะหลินเซวียนเพิ่งเข้ามาใหม่ และยังไม่มีชื่อบนแท่นหินอันดับของสำนัก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีคนรู้จักเขา
ในกลุ่มคน ไม่เพียงแค่ศิษย์สำนักชั้นในรุ่นพี่ที่มาดู แม้แต่ศิษย์ที่เข้ามาใหม่ในรุ่นเดียวกันหลินเซวียนก็มาด้วย
เจียงอู่หลงได้นั่งอยู่ข้างชายหนุ่มหน้าขาวที่ดูเย็นเยือก อีกด้านหนึ่ง ต้วนเฟ่ยที่มองด้วยดวงตาเปล่งประกาย ด้านข้างเขาคือถังอี้และคนอื่น ๆ ในพรรค
ซ่างกวนหลิวหยุน (ชื่อเต็มหลิวหยุนนะครับ) หยินฉิงอี้และคนอื่น ๆ ต่างยืนอยู่ในกลุ่มคนขณะมองอย่างวิตกขณะรอหลินเซวียน
“จางเฉียนมาแล้ว!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น
ทันใดนั้นสายตาของคนมากมายต่างจ้องไปที่จางเฉียน ตรงหน้าเขามีชายหนุ่มชุดม่วงสะพายดาบไว้ด้านหลัง ใบหน้าของเขาเย็นเยือกราวกับถูกแช่แข็งมาพันปี ส่วนด้านข้างเขามีชายหนุ่มชุดฟ้ายืนประกบอยู่ พวกเขาก้าวไปอยู่ด้านลานประลองเป็นตาย
จางเฉียนมองขึ้นไปพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยให้ชายหนุ่มหน้าขาวด้านข้างเจียงอู่หลง จากนั้นเข้าได้กระโดดเข้าไปอยู่บนลานประลอง
“จางเฉียนมาแล้ว ทำไมหลินเซวียนยังไม่มา?” เสียงผู้คนสนทนากันดังขึ้น
“นั่นสิ ข้าไม่คิดว่าเขาจะกลัวหรอกนะ!”
“อย่ามาท้าสู้เพราะกลัวตายเลย…”
ศิษย์หลายคนเริ่มไม่พอใจ จากเฉียนเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ขึ้นมาบนลานประลองแล้ว เช่นนั้นจึงพูดอะไรไม่ได้อีก
ผ่านไปชั่วครู่หลินเซวียนก็ปรากฏตัว
ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ไม่ตื่นกลัว และได้กระโดดขึ้นมาบนลานประลองเป็นตาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ชมรอบด้านถึงกับชะงัก
เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของหลินเซวียน จางเฉียนถึงกับเปิดตากว้าง ร่างของเขาเผยพลังอันน่าสะพรึงออกมาเช่นกัน ดวงตาของเขาคมประดุจมีด ขณะมองราวกับว่าเขาได้ฟันหลินเซวียนออกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว
“มันน่ากลัวมาก หลินเซวียนไม่น่ารอดแน่” ศิษย์หลายคนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าจนตัวพวกเขาสั่น
เวลานี้ผู้อาวุโสเยว่ ผู้คุมกฎของสำนักได้ขึ้นมาบนลานประลองพร้อมอาจารย์ของทั้งสอง
หนึ่งคือมู่หรงเฉียนหลิงอาจารย์ของหลินเซวียน และอีกคนคือเซียชั่งเฟิง ผู้อาวุโสเยว่คืออาจารย์ของเซียชั่งเฟิง กล่าวได้ว่าเขาต้องการจางเฉียนมาเป็นศิษย์ของตนในอนาคต
“ศิษย์ของมู่หรงเฉียนหลินคนอื่นลงจากเวที!”
เย่ฉิงและหลัวซิงชานเดินออกไป
หลินเซวียนมองคนมากมายรอบด้านอย่างสงบ
“นี่เป็นการถามครั้งสุดท้าย เจ้าต้องการจะสู้กันด้วยการเดิมพันชีวิตอยู่หรือไม่?” ผู้อาวุโสเยว่เอ่ยถาม
“แค่ศิษย์เพียงคนเดียวที่จะมีชีวิตกลับไป!” จางเฉียนกล่าวอย่างเย็นเยือก
หลินเซวียนพยักหน้าและยอมรับการต่อสู้ นี่คือสิ่งที่เขาคิดมานานและไม่มีทางจะเปลี่ยน
ผู้อาวุโสคุมกฎถอนหายใจ จากนั้นได้ประกาศให้เริ่มการประลอง
วินาทีถัดมา ลมหายใจอันน่าสะพรึงของทั้งสองก็ระเบิดออกพร้อมกัน มันชนกันในความว่างเปล่า ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง
ตู้ม!
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นกวาดไปรอบด้าน ศิษย์บางคนถึงกับถอยหนี
“ไอ้หนู ข้าจะส่งเจ้าลงไปขอโทษน้องชายข้าวันนี้!” เสียงของจางเฉียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“จางปิ่นทำแต่สิ่งชั่วช้าไม่ต่างอะไรกับปีศาจ เขาสมควรตายแล้ว!” หลินเซวียนตอบกลับ
“เจ้านั่นแหละที่ต้องตาย!” จางเฉียนคำรามขึ้นดังพร้อมชักดาบยาวออกจากฝัก
ดาบยาวสามศอกตัดผ่านอากาศจนท้องฟ้าฉีกออกไปทางหลินเซวียน
“พลังน่าสะพรึงอะไรขนาดนี้ แม้แต่ผู้อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเดียวกันยังไม่น่าต้านได้ นับประสาอะไรกับหลินเซวียนที่อยู่ระดับเจ็ด”
เมื่อสัมผัสได้ถึงดวงตาอันบาดลึก ม่านตาหลินเซวียนถึงกับจมลง ‘มันทรงพลังกว่าคนชุดดำที่โจมตีเราหลายสิบเท่า สมแล้วที่เป็นศิษย์ของสำนัก!’
ความแข็งแกร่งของจางเฉียนนั้นเหนือกว่ายอดฝีมือขั้นเปิดชีพจรระดับแปดทั่วไป แต่หลินเซวียนก็เช่นกัน เขาไม่มีความกลัวในสายตาแม้แต่น้อย ร่างของเขาสั่นขณะเข้าปะทะ
“ก้าวอัสนี!”
สายฟ้าสีทองระเบิดออก ร่างของหลินเซวียนได้หายไปจากสายตาทุกคน แสงดาบสามจั้งของจางเฉียนยาวขึ้นฟ้าและเกิดเป็นรอยแยกน่าสะพรึงบนลานประลอง
ฟูม! หลินเซวียนปรากฏตัวด้านข้างจางเฉียนพร้อมฝ่ามือที่มีสีทอง
“ฝ่ามืออัสนี!”
ทันทีที่ฝ่ามือขยับ เงาฝ่ามือจำนวนมากได้เข้าปกคลุมจางเฉียน
“นั่นมัน!” คนอื่นไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ม่านตาหลิงเจ๋อถึงกับจมลง วิชานี้เป็นวิชาที่เขาคุ้นเคย เพราะมันเป็นวิชาฝ่ามือขององครักษ์เขา
“ดูเหมือนอาเห่ยจะตายด้วยน้ำมือมันจริง ๆ สินะ!” ใบหน้าหลิงเจ๋อเปลี่ยนเป็นมืดดำแฝงด้วยความกลัวในใจ
ในวันนั้น ชายชุดดำอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด ขณะที่หลินเซวียนอยู่ระดับหก ความต่างของพลังมีมากมาย แต่หลินเซวียนกลับสามารถเอาชนะได้ แล้วผลลัพธ์ของการประลองวันนี้จะเป็นยังไง? หลิงเจ๋อไม่อาจจะจินตนาการได้
บนลานประลองเป็นตาย จางเฉียนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขณะกวาดดาบไปที่เงาฝ่ามือนับสิบรอบตัว และพุ่งเข้าใส่หลินเซวียนอีกครั้ง
“ระบำดาบคลั่ง!”
ทันใดนั้นคมดาบนับสิบได้ฟันไปทางหลินเซวียนทุกสารทิศ
ร่างของหลินเซวียนสั่นเล็กน้อยก่อนจะทิ้งเงาสายฟ้าไว้
“รวดเร็วมาก! เขาอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ดจริงหรือ?” ดวงตาศิษย์หลายคนเปิดกว้าง
ในฝูงคน ต้วนเฟ่ยเผยท่าทีไม่น่าเชื่อออกมา ตอนนี้ความเร็วของหลินเซวียนเหนือกว่าเขา มันทำให้เขารู้สึกสะอึกไม่น้อย เพราะความเร็ว คือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่ตอนนี้มันมีคนที่เหนือกว่าแล้ว
ความเร็วของหลินเซวียนสูงอย่างมากราวกับเงาผีขณะมาปรากฏตัวด้านหลังจางเฉียน ฝ่ามือสีทองได้ฟาดเข้าไปด้านหลังของจางเฉียนทันที
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังก้องราวกับเสียงตีกลอง
บนลานประลองเป็นตาย ได้มีเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมา จากนั้นได้มีร่างหนึ่งถอยหลัง
ร่างนั้นคือหลินเซวียน ฝ่ามือของเขาโดนตัวจางเฉียนก็จริง แต่มันไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะพลังป้องกันจางเฉียนนั้นสูงมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้มันไม่สามารถทะลวงพลังป้องกันของข้าได้หรอก และข้าสามารถสังหารเจ้าได้แค่ดาบเดียว!” จางเฉียนถือดาบและมองไปยังหลินเซวียนอย่างบ้าคลั่ง