ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 88
ตอนที่ 88 ไม่ยอมจำนน
ดาบของหลินเซวียนดึงดูดสายตาผู้คนรอบด้าน แม้แต่จางเฉียนก็ยังตกตะลึง
‘มันต้องถูกฆ่าให้เร็วที่สุด!’ จางเฉียนรู้สึกไม่ดีในใจ
“คลื่นดาบสามโลหิต!”
บนดาบของจางเฉียนได้เรืองแสงสีเลือดอย่างน่าสะพรึง เขาพุ่งตัวออกไปขณะที่ถือดาบไว้ด้วยสองมือและยกขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะฟันมันลงมา
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านราวกับจมอยู่ในทะเลเลือด คลื่นดาบสีแดงยาวสามจั้งได้พุ่งไปทางหลินเซวียนทันที
“นี่คือพลังองผู้เปิดชีพจรระดับเก้าสินะ มันช่างร้ายกาจนัก!” ศิษย์รอบด้านต่างพากันเปิดตากว้าง พลังที่เขาใช้ตอนนี้สูงกว่าครั้งแรกถึงสองเท่า
“วายุสะบั้นเมฆา!” หลินเซวียนยกดาบขึ้นพร้อมแสดงเจตนารมณ์แห่งดาบขณะใช้วิชาดาบ
ฟูม! ฟูม! ฟูม!
พายุหมุนสูงกว่าสองจั้งปรากฏขึ้นบนพื้นดิน จากนั้นลมกรรโชกแรงได้พัดไปยังคลื่นโลหิต
หลินเซวียนขยับดาบอีกครั้งพร้อมส่งลมพายุตามไปสมทบ แต่ละลูกถูกเสริมด้วยเจตนารมณ์แห่งดาบ ซึ่งมันทำให้พลังกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปรอบด้าน อากาศสั่นสะเทือนราวกับคลื่นกระทบฝั่ง ขณะเดียวกันคลื่นดาบสีเลือดได้ถูกฉีกออกเป็นสองซีกก่อนจะหายไปในพายุหมุน
“อะไร? เขาทำลายการโจมตีของจางเฉียนได้ยังไง!?“
“นี่คือพลังของเจตนารมณ์แห่งดาบของจริงงั้นหรือ? มันแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ศิษย์ที่มองดูรอบด้านถึงกับตกตะลึง
จางเฉียนใบหน้าซีดลงทุกครั้งขณะเหวี่ยงดาบในมือเพื่อสร้างคลื่นดาบโลหิต แต่มันกลับถูกสยบโดยเจตนารมณ์แห่งดาบของหลินเซวียนอย่างง่ายดาย
ผลที่ได้รับกลับมานั้นนับว่าเลวร้ายอย่างแท้จริง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาในใจ
เมื่อมองกลับไป หลินเซวียนยิ่งดูองอาจและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นท่าทีของจางเฉียน หลินเซวียนก็รู้สึกดีใจที่แผนของตนได้ผล
ในความเป็นจริง หลังจากใช้วิชาดาบไปหลายครั้ง พลังของเขาก็อ่อนแอลงเช่นกัน กล่าวได้ว่าพวกเขากำลังแข่งกำลังใจกันอยู่ เมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบไม่เพียงแต่จะเสริมการโจมตีของเขาแล้ว มันยังช่วยเสริมกำลังใจให้ด้วย
ความมุ่งมั่นและความมั่นใจของเขามากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า หรือเกือบจะไปถึงจุดสูงสุดก็ว่าได้
อีกด้านหนึ่ง การโจมตีของจางเฉียนก็เริ่มเบาลงทุกขณะ
“ฮึ่ม!” เสียงอุทานหนึ่งดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าผ่า
ใบหน้าหลินเซวียนเปลี่ยนทันที เพราะมันเป็นเสียงอุทานของผู้อาวุโสเยว่เพื่อช่วยเตือนสติจางเฉียน และมันอาจทำลายแผนของเขา
แน่นอนว่าจางเฉียนได้สติกลับมาอีกครั้งจากเสียงนั่น
“ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ยังไง? ข้าคือผู้ที่สามารถเปิดชีพจรไปถึงระดับเก้าได้ ข้าจะมากลัวคนที่อยู่ระดับเจ็ดได้ยังไง?”
ดวงตาจางเฉียนจรัสขึ้นทันที บรรยากาศรอบด้านของเขาเริ่มเปลี่ยนไป พลังวิญญาณที่ใกล้จะดับได้กลายเป็นสีเลือดขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าจะต้องไม่แพ้!” จางเฉียนคำรามขึ้นดังไปทั่วสนาม เลือดรอบตัวเขาได้พุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที ดาบของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงของจางเฉียนทำให้ผู้คนถึงกับตกใจ ผู้อาวุโสเยว่เองก็ถอนหายใจโล่งอก
ผู้อาวุโสคุมกฎมองผู้อาวุโสเยว่และไม่กล่าวสิ่งใด เพราะอีกฝั่งเป็นถึงผู้อาวุโส สถานะของพวกเขาทัดเทียมกัน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องให้ตนเอง
ขณะเดียวกัน มู่หรงเฉียนหลิงถึงกับขมวดคิ้วแน่น การกระทำของผู้อาวุโสเยว่เห็นได้ชัดว่าผิดกฎ แต่นางก็ไม่มีอำนาจพอจะหยุด
หลินเซวียนเผยใบหน้าดำมืด เขาไม่คิดจะปล่อยให้จางเฉียนได้ฟื้นพลังแน่
“ตาย!” เสียงอันเย็นเยือกของหลินเซวียนดังขึ้นพร้อมใช้เจตนารมณ์แห่งดาบอย่างเต็มกำลัง
จากนั้นไม่นาน เมล็ดพันธุ์แห่งดาบในตัวเขาได้ส่องแสงอีกครั้ง เวลานี้มันราวกับมีเงาดาบขนาดมหึมาตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
“นี่แหละ ลมหายใจนี่แหละ!” หลัวซิงชานบ่นพึมพำกับตัวเอง เพราะเขาจำลมหายใจตอนที่อยู่บนผาเทพวายุได้ ซึ่งมันเหมือนกับตอนนี้
“อะไร? มันยังเพิ่มพลังของมันได้อีกหรือ!?” ไม่เพียงแค่จางเฉียนที่ตกตะลึง แต่ทุกคนรอบด้านต่างเผยอาการเดียวกัน
หลินเซวียนยกดาบขึ้นช้า ๆ และฟันลงไปทางจางเฉียน จางเฉียนคิดจะหลบแต่ก็หลบไม่ได้
มันราวกับภูเขาขนาดมหึมากำลังจะทับลงมา…
ฟู่!
ใบหน้าจางเฉียนซีดเผือดพร้อมกระอักเลือดอย่างรุนแรง
เขาแพ้แล้ว เขาแพ้ต่อพลังอันยิ่งใหญ่ตรงหน้า ความศรัทธาในตัวเองที่มีได้ถูกทำลายย่อยยับ ดวงตาของเขาถึงกับมืดดำ
ฟูม!
หลินเซวียนใช้ก้าวอัสนีพร้อมดาบในมือที่กลายเป็นพายุสีเขียว เขาไม่ลังเลที่จะสังหารจางเฉียน
นี่ไม่ใช่ลานแข่งขัน แต่คือลานประลองเป็นตาย มันไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะ มีแค่อยู่หรือตายเท่านั้น!
ตู้ม!
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นเข้าสะกัดการโจมตีที่กำลังจะถึงจางเฉียน และมันสร้างช่องว่างที่ยากจะเข้าไปถึง หลินเซวียนตัวสั่นจากการโจมตีนั้น ร่างของเขาเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด
พลังนี่แข็งแกร่งเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ดจะรับได้
หลังจากปรับสมดุลพลังในตัวแล้ว หลินเซวียนหันไปมองด้วยสายตาเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง
ตรงหน้าเขามีผู้อาวุโสคุมกฎและคนอื่น ๆ อยู่ ผู้อาวุโสเยว่ยืนขึ้นจากเก้าอี้ของตนและยกมือขึ้นเล็กน้อย มันเป็นเขาที่หยุดหลินเซวียน
ชิ้ง!
สายตาทั้งหมดมองไปยังผู้อาวุโสเยว่ ผู้อาวุโสคุมกฎเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึม
“ข้าไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหมายความว่ายังไง?” หลินเซวียนกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก
“เจ้าชนะแล้ว และต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกัน!” ขณะเดียวกัน เขาแอบส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสคุมกฎอย่างลับ ๆ ว่า ชุมนุมสามสำนักกำลังจะมาถึง พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ศิษย์อย่างจางเฉียนตายได้
หลินเซวียนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก มันคือสิ่งที่เขากังวลที่สุดตั้งแต่เริ่มการประลอง จางเฉียนคือชายที่ชั่วร้ายและยังมีฝีมือ หากปล่อยไปตอนนี้ เขาจะต้องย้อนกลับมาทำร้ายในอนาคต
หลินเซวียนไม่ยอมปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสเยว่จะจบแค่นี้
“ลานประลองเป็นตายมีกฎตามชื่อของมัน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่เข้ามายุ่ง!” หลินเซวียนไม่แสดงอารมณ์ใด
ศิษย์รอบด้านต่างพากันประหลาดใจ ‘หลินเซวียนกล้าท้าชนผู้อาวุโส! เขาอยากตายมากใช่หรือไม่!’
ผู้อาวุโสเยว่ใบหน้ามืดดำ เขาเคยพูดสิ่งนี้กับมู่หรงเฉียนหลิง และไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะย้อนคำนี้กลับมา อย่างไรก็ตามเขาคือผู้อาวุโสของสำนัก ผู้มีอำนาจอย่างเขาจะยอมให้ศิษย์มดปลวกเช่นนี้มาหักหน้าได้ยังไง
“บังอาจ! นี่คือการตัดสินใจของสำนัก เจ้ากล้าดียังไง!” ผู้อาวุโสเยว่ตะโกนขึ้นพร้อมปล่อยพลังกดดันไปทางหลินเซวียน
ผู้อาวุโสคุมกฎถอนหายใจขณะที่มู่หรงเฉียนหลิงและคนอื่น ๆ เปลี่ยนท่าที
แรงกดดันนี้ไม่ต่างจากภูเขาที่กดทับหลินเซวียน เพียงไม่นานร่างของเขาก็ถูกพลังกดดันนั้นทันที กระดูกของเขาส่งเสียงแตกหักพร้อมเลือดที่ซึมออกตามร่างกาย
“เจ้าคนผิด!” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอย่างเย็นเยือก
“ผิด? ข้าผิดอะไร!? ข้าไม่ยอมรับการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมนี้เด็ดขาด!” หลินเซวียนกล่าวขณะกัดฟันแน่น
“ฮึ่ม!” ผู้อาวุโสเยว่อุทานอย่างเย็นเยือก แรงกดดันนั้นได้เพิ่มขึ้นอีก
“ผู้อาวุโสเยว่ ท่านไม่ยุติธรรมที่ทำแบบนี้ อย่าลืมสิว่าศิษย์มากมายกำลังมองท่านอยู่!” ด้านข้าง มู่หรงเฉียนหลิงอดไม่ได้ที่จะพูด
“เจ้าอยากจะต่อต้านสำนักงั้นเรอะ!” ผู้อาวุโสเยว่หันไปมองมู่หรงเฉียนหลิน
เมื่อเห็นฉากนี้หัวใจหลินเซวียนถึงกับจมลง
เขาหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
‘ขึ้นชื่อว่าลานประลองเป็นตาย แต่คู่ต่อสู้กลับถูกช่วยไว้เพราะเป็นคนของผู้อาวุโส อีกทั้งยังถูกทำร้ายกลับจากการไม่ยอมวางมือ!’
‘โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ความเป็นมนุษย์อยู่ที่ไหน? ทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เพราะเรายังอ่อนแอเกินไป! หากเราแข็งแกร่งพอ เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้าข่มขู่ใส่แบบนี้อีก หากมีผู้อาวุโสสนับสนุนเรา เช่นนั้นผู้อาวุโสเยว่คงไม่กล้าลงมือแน่นอน’
“อ๊ากกกก!! ไม่มีใครควบคุมความตั้งใจของข้าได้!” หลินเซวียนพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่