ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 89
ตอนที่ 89 ข้าคือผู้ตัดสินความตาย!
เวลานี้ พลังแห่งความมุ่งมั่นในตัวหลินเซวียนได้ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ เมล็ดพันธุ์แห่งดาบสั่นสะท้านอยู่ข้างใน จี้ดาบลึกลับเองก็ส่องแสงสว่างขึ้น
พลังที่น่าสะพรึงปะทุออกจากร่างของหลินเซวียนเข้าสู้กับพลังของผู้อาวุโสเยว่
ตู้ม! ตู้ม!
ลานประลองเป็นตายถึงกับสั่นสะเทือน เงาดาบขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นบนตัวหลินเซวียน มันสามารถตัดทะลวงทุกอย่างตรงหน้าได้ ไม่เว้นแม้แต่พลังกดดันของผู้อาวุโสเยว่
“ฮืม?” ใบหน้าผู้อาวุโสเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของหลินเซวียน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะทำลายพลังของตนได้ เพราะช่องว่างระหว่างพลังของพวกเขานั้นห่างกันมาก
หลินเซวียนอยู่เพียงขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ด แต่ผู้อาวุโสเยว่นั้นก้าวไปถึงขั้นสมุทรวิญญาณแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แต่พลังกดดันเมื่อครู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ขั้นพลังอย่างหลินเซวียนจะรับได้
“ข้าจะสนองเจ้าเอง!” ผู้อาวุโสเยว่กดฝ่ามือลงไปทันที จากนั้นมิติรอบด้านถึงกับหยุดชะงัก
ร่างของหลินเซวียนถูกกดลงไปอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็ได้ปล่อยเงาดาบขนาดใหญ่ที่ฟันทุกสิ่งได้ออกไปอีกครั้ง
พลังของผู้อาวุโสเยว่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ และพลังของหลินเซวียนยังเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ
“อะไรกัน!? เขาสามารถโต้กลับการโจมตีของผู้อาวุโสได้งั้นหรือ?” ศิษย์ทั้งหมดถึงกับตัวชา
ม่านตาผู้อาวุโสเยว่ถึงกับจมลง ผู้อาวุโสคุมกฎรอบด้านต่างพากันประหลาดใจ
“พลังนี้…” ผู้อาวุโสคุมกฎตื่นเต้นขึ้นมา “นี่คือเงาดาบแฝงเร้นระดับสูง!”
“ไม่ มันเหนือกว่าพลังดาบแฝงเร้นระดับสูง มันยังผสานเข้ากับเจตนารมณ์แห่งดาบด้วย!”
ดวงตาผู้คุมกฎต่างเปิดกว้าง
เวลานี้เจตนารมณ์แห่งดาบของเขาผสานเข้ากับพลังวิญญาณในตัว มันกลายเป็นพลังที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงจนหาที่เปรียบมิได้ สิ่งนี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้นพลังบ่มเพาะ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของจิตวิญญาณ
เมฆดำบนท้องฟ้าถูกผ่าออกอย่างชัดเจนภายใต้การฟันของหลินเซวียน
แสงอาทิตย์ได้ส่องลงมายังลานประลองเป็นตาย ใบหน้าของหลินเซวียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะทำให้หัวใจผู้คนสั่นไหว
“บนลานประลองเป็นตาย ข้าคือผู้ตัดสินความตาย!”
หลินเซวียนชักดาบออกมาพร้อมโคจรพลังวิญญาณสีทอง
“ไม่!” หัวใจจางเฉียนเต็มไปด้วยความกลัว ต่อให้เขาจะอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้…
“ไอ้เด็กบ้า กล้าดียังไง!” ผู้อาวุโสเยว่โกรธจัด ร่างของเขาเปล่งแสงเป็นเพลิงเทวะ
ฉึก!
ประกายดาบจรัสขึ้น จากนั้นบนหน้าผากของจางเฉียนได้มีรูเลือดก่อนที่เขาจะล้มลง
หลินเซวียนหันไปมองผู้อาวุโสเยว่อย่างไม่เกรงกลัว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ขณะผู้อาวุโสเยว่กำลังจะบันดาลโทสะ เสียงอันไพเราะก็ดังขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นลมหายใจอันทรงพลังก็ได้ปรากฏขึ้นรอบกายเขา
ลมหายใจนี้ทรงพลังอย่างมาก มันดูเหมือนจะเหนือกว่าผู้อาวุโสเยว่
“ไม่ว่ายังไงเจตนารมณ์แห่งดาบก็คือเจตนารมณ์แห่ง แม้มันจะมีเพียงเสี้ยวก็ถือว่าเป็นเจตนารมณ์แห่งดาบ!” ในมิติด้านบน ชายผ้าคลุมสีม่วงได้นั่งอยู่บนก้อนเมฆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับเทพขณะมองหลินเซวียน
“หลิงเอ๋อ!” สตรีสวมในชุดชาววังได้ปรากฏขึ้นด้านข้างมู่หรงเฉียนหลิง
“อาจารย์!” มู่หรงเฉียนหลิงอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
เวลานี้มีผู้คนมากมาย พวกเขาคือผู้อาวุโสทั้งหมดในสำนักชั้นในที่กำลังมองหลินเซวียนอย่างตื่นเต้น
“เจ้าคู่ควรที่จะเรียกข้าว่าอาจารย์!” ทันใดนั้นชายบนก้อนเมฆได้เอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสต้วนมู่ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นศิษย์ของหลิงเอ๋อไปครึ่งตัวแล้ว หากท่านอยากจะได้เขา ท่านต้องถามคนของข้าก่อน!” สตรีในชุดชาววังกล่าว
เวลานี้เกิดความโกลาหลไปทั่ว ผู้อาวุโสเหล่านี้อยากจะรับหลินเซวียนไปเป็นศิษย์ได้ยังไง?
มันกะทันหันเกินไป อย่างแรก หลินเซวียนถูกกดดันโดยพลังของผู้อาวุโสเยว่ เพียงชั่วพริบตา หลินเซวียนกลับถูกดึงตัวไปเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่น
ดวงตาผู้อาวุโสเยว่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และใบหน้ายังเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสคุมกฎที่อยู่ข้าง ๆ ก็แอบยิ้มมุมปากเช่นกัน
หลินเซวียนเองก็ชะงัก เขาไม่คาดคิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้
ขณะเดียวกัน เสียงอันเกียจคร้านได้ดังขึ้นในหัวของเขา “ข้าคิดว่าเจ้าหนูบนก้อนเมฆนั่นไม่เลว เจ้าน่าจะรับเขาเป็นอาจารย์”
“เซียนสุรา!” หลินเซวียนประหลาดใจ “ท่านตื่นแล้วหรือ?”
“ข้าตื่นก็เพราะเจ้านั่นแหละ” เซียนสุรากล่าวอย่างขี้เกียจ “ไว้ค่อยกลับไปคุยกัน ตอนนี้รีบเลือกก่อนเถอะ“
หลินเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นได้กล่าวอย่างเคารพ “ขอบคุณน้ำใจของผู้อาวุโส แต่ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว ดังนั้นข้าคงไม่อาจเป็นศิษย์ท่านได้”
“อะไรกัน!? เขาปฏิเสธ!” กลุ่มของศิษย์ชั้นในแทบจะบ้าคลั่งเมื่อเห็น คนเหล่านี้คือตาแก่ปีศาจในสำนัก หากได้หนึ่งในพวกเขาเป็นอาจารย์ เช่นนั้นก็มั่นใจในอนาคตได้เลย!
ไม่ใช่แค่กลุ่มของศิษย์ชั้นใน แม้แต่ผู้อาวุโสยังชะงัก
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ในฐานะศิษย์ของซวนเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะนำเกียรติยศมาให้สำนักได้ในอนาคต“
“ไม่ต้องห่วงผู้อาวุโส ข้าจะฝึกให้หนักกว่านี้” หลินเซวียนกล่าว
บนที่นั่งชม ผู้อาวุโสเยว่ถอนหายใจโล่งอก เขากลัวว่าหลินเซวียนจะรับชายชุดม่วงบนก้อนเมฆเป็นอาจารย์ หากเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องลำบากแน่นอน
‘โง่เง่านัก!’ ผู้อาวุโสเยว่เย้ยเยาะในใจ เมื่อสถานะของหลินเซวียนยังไม่เปลี่ยน เขาก็ยังมีหนทางอีกมากที่จะทำให้หลินเซวียนอับอาย
“เสี่ยวเซวียน เจ้ามีอาจารย์แล้วหรือ? ทำไมข้าถึงไม่ทราบ?” เซียนสุรากล่าวอย่างสงสัย
“อาจารย์ข้าก็คือท่าน!” หลินเซวียนตอบ
เซวียนสุรา “…”
ดวงตาหลินเซวียนหันไปมองอีกด้านพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโสเยว่ลงมือกับข้าเมื่อครู่ มันทำให้วิญญาณข้าเจ็บปวดไม่น้อย ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะมอบยาให้สักหน่อย”
“ฮืม?” บรรดายอดฝีมือเฒ่ารอบด้านต่างมองไปที่ผู้อาวุโสเยว่ โดยเฉพาะชายชุดม่วงบนก้อนเมฆ ดวงตาของเขามองไปที่ผู้อาวุโสเยว่ราวกับเปลวเพลิง
ผู้อาวุโสเยว่ตัวสั่นขึ้นมาทันที เขากัดฟันแน่นก่อนจะหยิบสมุนไพรจากแหวนเก็บของออกมา
“นี่คือหญ้าก้นขาวพันปี มีพลังฟื้นฟูวิญญาณอย่างยอดเยี่ยม!” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอย่างขมขื่น
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลินเซวียนเก็บมันไว้ในฝ่ามือและมอบให้เซียนสุราอย่างลับ ๆ
“เจ้าหนู สิ่งนี้ยอดเยี่ยมมาก!” เซียนสุรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!” เสียงของชายในชุดม่วงดังขึ้นบนอากาศ จากนั้นบรรดาผู้อาวุโสได้จากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสเยว่มองหลินเซวียนอย่างบาดลึก จากนั้นได้จากไปด้วยใบหน้าที่มืดดำ
หลินเซวียนยังไม่อาจสงบใจได้ ถึงแม้จะมีชายชุดม่วงมาปราบผู้อาวุโสเยว่ในวันนี้ เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผู้อาวุโสเยว่จะวางมือ
“หลังจากจางเฉียนตาย ขั้นต่อไปก็คือทดสอบศิษย์สายตรง!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขายังมีหนทางที่ต้องเดินอีกยาวไกล
จากนั้นหลินเซวียนได้จากไปโดยไม่สนใจสายตาที่ประหลาดใจของผู้คน จากวันนี้ไป ทุกที่ที่เขาผ่าน สายตาของศิษย์ชั้นในจะมองเขาอย่างหวาดกลัว
ในครั้งแรกที่มาถึง ผู้คนส่วนใหญ่มองเขาอย่างเย้ยหยัน แต่ตอนนี้เมื่อพบกับหลินเซวียน ยกเว้นแค่ศิษย์สายตรง พวกเขาทั้งหมดต้องกลัวจนหลีกทางให้
ต้วนเฟ่ย เจียงอู่หลง และคนอื่น ๆ ถึงกับเผยใบหน้าไม่สู้ดี ชายหนุ่มที่ต่อสู้ด้วยในไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ได้นำหน้าไปไกลมากจนพวกเขารู้สึกท้อ
กลับกัน ซ่างกวนหลิวหยุนกับเผยดวงตาเจิดจรัสพร้อมจิตวิญญาณนักสู้ที่พลุ้งพล่าน
ในกลุ่มคน มีสายตาหนึ่งที่มองไปยังหลินเซวียนอย่างมืดดำ มันคือสายตาของชายหนุ่มชุดสีฟ้า หลิงเจ๋อ ที่กำลังมองมาอย่างน่าสะพรึง