ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 23
ในตอนเช้าของวันถัดไป
สมาชิกของลอสเดย์ ฮานยูจอนได้คุยกับกิลด์มาสเตอร์ยูฮารามผ่านโทรศัพท์มือถือ
[คุณใช่ไหมว่าดันเจี้ยนนี้มีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ‘เวทมนตร์’ นะ]
เวทมนตร์
บนโลกนั้นเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีซึ่งปราศจากเวทมนตร์
ฮานยูจอนได้ฟังคำพูดของยูฮารามอย่างตั้งใจ
ไม่มีใครสักคนบนโลกที่จะได้พบแม้แต่ร่องรอยของเวทมนตร์มีคนมากมายที่ปรารถนาในเวทมนตร์แต่ไม่มีใครสักคนที่มีมัน
แต่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีใครสักคนได้รับเวทมนตร์มาหละ?
ระดับสเกลพลังในปัจจุบันคงจะโน้มเอียงไปในทางที่มีใครคาดคิดไว้แน่นอน
[มีคนจำนวนน้อยมากที่รู้ว่าดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวในอุลวังนินั้นมีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์นะ]
ยูฮารามเพียงแค่ค้นพบเกี่ยวกับมันผ่านเส้นสายที่พิเศษเท่านั้นเอง
แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่และประเทศยังไม่รู้ความจริงเรื่องนี้เลย
ดังนั้นแล้วยูฮารามตัดสินใจที่จะรับความเสี่ยงครั้งใหญ่นี้
[…ผมได้ถามไปแล้วครับ มีเพียงทหารเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ครับ]
ด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิในการเข้าไปในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนั้นจะถูกควบคุมไว้อย่างเคร่งครัด
เนื่องจากธรรมชาติของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสื่อสารกับโลกภายนอกเมื่อคุณได้เข้าไปข้างในแล้ว
ด้วยเหตุนี้เองที่ได้นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุจำนวนมากด้วยเช่น ‘การสังหารหมู่ที่ดันเจี้ยน อีลิทซ์’ จากเมื่อ 10 ปี ก่อนที่ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่กับพวกเขาทั้งหมด
ดังนั้นถ้าหากพวกเขาแหกกฎหมายระหว่างประเทศ
นี้ไม่ว่าลอสเดย์จะพยายามแถไปมากเท่าไหรก็ตาม พวกเขาก็จะไม่มีวันที่จะหนีพ้นคำวิจารณ์ไปได้
นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบริษัทและฮันเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนถึงได้กำลังรอคอยอย่างอดทนอยู่ด้านนอกของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้
ไม่ว่าจะเป็นแรงค์ F หรือไม่ก็ตามพวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ถ้าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาต
ด้วยเหตุผลนี้เองยูฮารามได้ทำการเดิมพันที่มีความเสี่ยงครั้งใหญ่แล้ว
เพื่อที่จะหลอกลวงกฎหมายระหว่างประเทศทำให้มีผู้คนมากมายที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้
[นี้ถึงเป็นกรณีที่สำคัญกับฉันมากยังไงหละ เข้าใจใช่ไหม]
เมื่อยูฮารามวางสายโทรศัพท์ลง ฮานยูจอนได้กลืนน้ำลายลงไป
เขาคิดว่าบางที่มันอาจจะความแตกก็ได้แต่เขาก็ได้ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่ฮันเตอร์แรงค์ F และแรงค์ S อย่างละคนเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วฝั่งของพวกเขามีฮันเตอร์แรงค์ S สามคนแล้ว
‘นี่ก็มากพอแล้วหละ’
ชั่วครู่หลังจากนั้น ฮานยูจอนได้เรียกฮันเตอร์แรงค์ S ทั้งสามคนมาอย่างเงียบ ๆ
จางโดจิน,ยอนซอลกยอน และอันแจ (ผู้แปล : โดจินจริง ๆ นะ)
คนพวกนี้แต่ละคนนั้นทำงานเป็นฮันเตอร์มานานมากกว่า 5 ปีแล้วและทั้งหมดเป็นยอดมนุษย์แรงค์ S
ไม่เหมือนกับตัวฮานยูจอนเองที่ไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ คนพวกนี้สามารถที่จะโจมตีดันเจี้ยนนี้ได้ แล้วเขาก็ได้ถ่ายทอดข้อความที่ได้รับมาจากกิลด์มาสเตอร์ไปให้ทั้งสามคนไป
“พวกคุณทั้งสามคนจะต้องแอบเข้าไปในดันเจี้ยนนี้”
“อย่างนั้นหรอ?”
ราวกับว่าจางโดจินได้คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาได้พยักหน้า
“เมื่อผมพูดคุยกับทหารคนนั้นจบลง ตอนนั้นพวกคุณจะต้องเข้าไปแบบเงียบ ๆ ฆ่าเจ้าสองคนนั้นแล้วทนรอสักอาทิตย์หนึ่งด้านใน พวกคุณสามารถทำมันได้ใช่ไหมครับ?”
ฮันเตอร์ทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าฮานยูจอนนั้นสามารถที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ S ได้ด้วยอัตราความสำเร็จที่สูงมาก
และมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้จะเป็นแรงค์ SS เพราะว่ามันเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมากและแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น มันจะยังไม่มีปัญหาใดสำหรับพวกเขาในการที่อยู่ใกล้กันบริเวณหน้าทางเข้าแค่หนึ่งสัปดาห์ด้านในดันเจี้ยน
แล้วก็อย่างแรกเลยถ้ามันเป็นดันเจี้ยนแรงค์ SS ขึ้นมาจริง ๆ หละก็เจ้าพวกสองคนนั้นที่อยู่ด้านในก็คงไม่สามารถที่จะรอดชีวิตไปได้แน่
“ให้สมมติว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ กิลด์มาสเตอร์ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุดในการดำเนินการครั้งนี้”
แผนการจะถูกส่งไปที่ทีมช่วยเหลือหลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ถ้าไม่มีข่าวคราวใด ๆ จากทั้งสองคนนั้นที่ได้ ‘หายตัวไป’
นี่เป็นการบอกว่าการโจมตีดันเจี้ยนในครั้งนี้จะถูกนับว่าล้มเหลวหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นั้นเอง
หลังจากที่ได้ฆ่ายูซอดัมและเทเลอร์ไนน์แล้ว ฮันเตอร์ทั้งสามคนจะต้องรออยู่ภายในเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วทีมช่วยเหลือจะถูกส่งเข้าไปเพื่อช่วยเหลือยูซอดัมและเทเลอร์ไนน์
เมื่อถึงตอนนั้นฮันเตอร์ทั้งสามคนจะต้องแฝงตัวไปกับทีมช่วยเหลือและเคลียร์ดันเจี้ยนโดยไม่มีอันตรายอะไร
“เครื่องมือทุกชนิดจะไม่ทำงานด้านในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวมันแปลกมากที่แม้กระทั้งตัวรับสัญญาณวิทยุก็ยังไม่ทำงาน ที่ดีที่สุด…คือการส่งรหัสมอสนั้นยังคงเป็นไปได้ถ้ามีอะไรก็ตามเกิดขึ้นภายในนั้นในติดต่อผมมาเพื่อความปลอดภัย”
“ได้ครับ อย่างไรก็ตาม มันจะไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก”
พวกเขาทั้งสามคนเป็นฮันเตอร์แรงค์ S ที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นฮันเตอร์ผ่านศึกในลอสเดย์
ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมียอดมนุษย์แรงค์ S ที่ระดับเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งสามคนก็พอแล้วที่จะรับมือ
ไม่มีปัญหาใด ๆ
“ใช่เลยครับ ตอนนี้ก็ไปเถอะครับ”
ช่วงสายของยามเช้า
มีทหารจำนวนมากที่ยืนเฝ้าระวังอยู่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนโดยที่พวกเขามีมากเกินกว่า 20 คน และท่ามกลางคนพวกนี้นั้นมียอดมนุษย์แรงค์ S อยู่ด้วย
ฮันแฮจอง ทหารวัยชายวัยกลางคนที่มียศพันเอกกำลังขมวดคิ้วของเขาขึ้นเมื่อได้เห็นว่ายอดมนุษย์สามคนกำลังเข้ามาหาเขา
อย่างไรก็ตามจางโดจินได้เข้าหาเขาและพูดออกมาว่า
“คุณทำงานหนักมากเลยนะครับ”
ฮันแฮจองได้แสดงสีหน้าที่แข็งทื่อออกมา
เขารู้เป็นอย่างดีเลยหละว่าอะไรจะเกิดขึ้นด้านในถ้าเขาปล่อยคนพวกนี้เข้าไป
แต่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถที่จะตัดสินใจได้
ในตอนเช้าของวันนี้อยู่ ๆ ก็มีคำสั่งตรงมาจากบุคคลระดับสูงที่บอกว่า
ให้สิทธิอนุญาตการเข้าถึงกับฮันเตอร์ทั้งสามคนจากลอสเดย์
คำสั่งนี้ไม่ได้แค่ส่งถึงทางกองทัพเท่านั้นแต่ยังไปถึงองค์กรความร่วมมือการจัดการเรื่องผิดปกติในระดับนานาชาติด้วยเช่นกัน
ด้วยความที่เป็นแค่ทหารฮันแฮจองไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
“…ไม่ช้าก็เร็วพวกคุณจะต้องเสียใจ”
ฮันแฮจองได้พูดออกไปแล้วออกไปจากตำแหน่งของเขาอย่างเงียบ ๆ
“วันนั้นจะไม่มีทางมาถึง”
แคว้ก!!
กลิ่นของสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปได้เข้ามาจู่โจมจมูกของพวกเขาในทันทีที่พวกเขาได้ก้าวเข้าไป
เมื่อได้สัมผัสกลับบรรยากาศอุดอู้และมวลอากาศที่หนาแน่นใบหน้าของพวกเขาก็ได้ย่นลง
หนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐานของฮันเตอร์คือเครื่องฟอกอากาศและตัวกรองออกซิเจนแต่มันก็ยังคงยากมากที่จะให้ปรับตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมของต่างโลกอยู่ดี
บางครั้งแม้แต่แรงโน้มถ่วงก็ยังแตกต่างออกไปจากบนโลก
“ที่นี้ดูคล้ายคลึงกับโลกอยู่นะ”
พวกเขาได้เงยหน้าของพวกเขาขึ้นและมองตรงออกไป
ก่อนเข้ามามันเป็นตอนเช้าที่โลกแต่ที่นี้พระอาทิตย์ได้ตกไปเรียบร้อยแล้ว
พระราชวังขนาดมหึมาที่ถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่งกำลังตอนรับพวกเขาอยู่และมันให้ความรู้สึกเสมือนกับว่ามีลางร้ายแพร่กระจายออกจากที่ไหนสักที่
จางโดจินค่อย ๆ มองไปรอบด้านและพยายามที่จะลดความตรึงเครียดของตนเองลงให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้
โชคยังดีที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาจากเซ็นเซอร์ของพวกเขา
“มาดูนี้สิการโจมตีความดันเจี้ยนของพวกเขานี้มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ?”
“อะไรนะ?”
ดันเจี้ยนจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อนและในตอนนี้มันเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบ ‘ชื่อ’ ของดันเจี้ยนโดยการใช้เทคโนโลยีในยุคสมัยปัจจุบัน
เมื่อเครื่องตรวจจับความผิดปกติตรวจพบลักษณะของดันเจี้ยนโดยการวิเคราะห์ชื่อของมัน พวกเขาถึงสามารถที่จะเริ่มการโจมตีดันเจี้ยนได้
แต่…
[พระราชวัง*****ล้มสลาย]
“นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับชื่อของดันเจี้ยนนี้กัน?”
“มันเป็นเรื่องปกติถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นมาในทุกวันนี้แล้ว…ฉันคิดว่านี้เป็นดันเจี้ยนรูปแบบใหม่นะ”
“พระราชวังนั้น ฉันว่าฉันเคยเห็นสิ่งก็สร้างในดันเจี้ยนมามากแล้วนะแต่ว่าฉันไม่เคยเจอพระราชวังแบบนี้เลย…นี่นับเป็นครั้งแรกใช่ไหมเนี่ย?”
ฮันเตอร์ผู้หญิงอันแจได้ถามออกมา
ชายหมุ่นทั้งสองคนนั้นถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
“แต่มีหนึ่งสิ่งที่เราแน่ใจได้”
ประตูทางเข้าของพระราชวังได้เปิดกว้างออก
ซึ่งหมายความว่าเหยื่อของพวกเขาอยู่ด้านใน
“ไปกันเถอะ”
ยอดมนุษย์ทั้งสามคนนี้ได้เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
มันไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะถูกค้นพบหรอก
แต่ว่าท่ามกลางศัตรูของพวกเขานั้นมียอดมนุษย์แรงค์ S เทเลอร์ไนน์อยู่
มันสามารถที่จะสร้างความยากลำบากได้ในการต่อกรกับความสามารถเธอได้ ดังนั้นแล้วพวกเขาไม่สามารถที่จะประเมินเธอต่ำเกินไปได้
อันแจได้เปิดใช้งานหนึ่งในพลังพิเศษของเธอ ความสามารถในการตรวจจับ
ถึงแม้ว่ามันเป็นเพียงแค่ความสามารถระดับต่ำมันก็ยังมีผลในการระบุเส้นทางที่เป้าหมายได้ผ่านไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ยูซอดัมอยู่ที่นี้ในตอนนี้ดังนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้
“หืม?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร ฉันคิดว่าพวกเขาไปในเส้นทางที่แปลกไปหน่อยนะ”
เธอหันหน้าของเธอ ชี้ไปในที่พื้นที่ที่ซ่อนอยู่ระหว่างกำแพงทั้งสอง
“พวกเขาไปในนั้นหรอ?”
“อืม…”
มันมีร่างของมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับโกเลมกระจายไปทั่วทุกที่
พวกมันทั้งหมดมีหลุมอยู่ตรงกลางหน้าอก,ข้อมือ และที่หัว ดังนั้นมันสามารถสมมติฐานได้ว่าเทเลอร์ไนน์เป็นคนทำมัน
อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาสามารถที่จะทำให้พวกมันพ่ายแพ้ได้แบบนี้มันจะไม่ง่ายกว่าหรือที่จะมุ่งตรงไปผ่านเส้นทางหลักไปเลยนะ?
‘ทำไมพวกมันเข้าไปในนั้นนะ?’
พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้แต่ด้วยความที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ยังไงพวกเขาก็ต้องไล่ตามไปอยู่ดี
“พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทำไมหรอกแค่ตามหลังพวกมันไปก็พอ”
จางโดจินพูดกับอีกสองคน ที่ได้ผงกหัวของพวกเขาตอบรับ
พวกเขาเงียบลงและเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว
มีแค่เวลานี้เท่านั้นที่พวกเขารู้สึกตรึงเครียดหลังจากที่ได้เข้ามาในดันเจี้ยนแล้ว
อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาไล่ตามยูซอดัมไปมากเท่าไหรพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นเท่านั้น
เพราะว่าเส้นทางที่ยูซอดัมใช้นั้นแตกต่างไปจากสิ่งที่คนทั่วไปเข้าทำกัน
โดยปกติแล้วดันเจี้ยนรูปแบบนี้นั้นมักจะมีบอสอยู่ด้านบนสุดของพื้นที่
‘ทำไมพวกมันถึงที่มุ่งหน้าไปใต้ดินกันนะ?’
จางโดจินคิดว่าพวกเขาอาจจะถูกสังเกตเห็นแล้วก็ได้แต่เขาก็ได้สายหัวปฏิเสธในทันที
คนพวกนั้นไม่มีทั้งสามารถในการตรวจจับและเครื่องมือ
ด้วยความสามารถในการตรวจจับและเซนเซอร์ที่ล้ำสมัยของอันแจพวกเขาไม่มีทางที่จะถูกพบเห็นแน่นอน
แต่แม้ว่าสองคนนั้นจะคิดว่าตนเองถูกติดตามก็ตามแล้วมันจะมีเหตุผลอะไรหละที่สองคนนั้นจะไปคอยพวกตนอยู่ที่ชั้นใต้ตินกัน?
นอกจากนี้แล้วการทำแบบนี้ยังทำให้การเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ S นั้นใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิมอีก
นี้เป็นวิธีการที่พวกเขาใช้ในการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของชั้นใต้ดินนี้แล้ว
พวกเขาได้มาถึงสถานที่ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่า “หัวใจของมานา” ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในยุคสมัยใหม่ไม่รู้จักหรือเข้าใจเกี่ยวกับมัน
แล้วพวกเขามีความคิดหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในหัวทันที
‘…อย่าบอกฉันนะว่านี้เป็นกับดัก?’
มันเป็นสถานที่แปลก ๆ
แถวของรูปแบบที่ไม่รู้จักที่ถูกสร้างขึ้นแบบหยาบ ๆ และเพดานของที่นี้ก็สูงผิดปกติ
และที่ใจกลางห้องมีหินขนาดยักษ์ที่ได้สูญเสียความมันวาวตั้งอยู่และดูเหมือนว่ามันจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
คนบนโลกคงจะไม่รู้ว่าหินขนาดยักษ์นี้เป็นหัวใจของมานา เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานให้ทุกอย่างใน ‘สิ่งก่อสร้างเวทมนตร์’ นี้
ถึงแม้ว่ามานาทั้งหมดนั้นจะสูญสลายหายไปแล้วก็ตามแต่มันยังคงรู้สึกได้ถึงความสะสั่นเทือนที่ยังคงเหลืออยู่ภายใน
จางโดจินมองไปที่ยูซอดัมที่กำลังเตะไปที่ก้อนหินนั้นและพูดว่า
“นี่แกรู้ใช่ไหมว่าพวกเรากำลังมานะ?”
“ใช่”
“แล้วทำไมแกไม่หนีไปซะหละ?”
จางโดจินถามออกมาในตอนที่เขามองดูไปรอบ ๆ
พวกเขาไม่พบเทเลอร์ไนน์อยู่ที่นี้
‘เธอไปซ่อนอยู่ที่ไหนกัน?’
แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลอะไร
เป็นเพราะว่าความสามารถพิเศษของยอนซอลกยอนนั้นใช้ได้ผลดีการต่อกรกับพลังพิเศษโดยเฉพาะ
ทักษะของอันแจคือการยิงอีเทอร์ (S) และ ติดตามเป้าหมาย (C)
ทักษะของยอนซฮลกยอนคือการปลดปล่อยอีเทอร์ (S) และการขัดขวางอีเทอร์ (A)
และทักษะของจางโดจินคือโล่อีเทอร์ (S) และ ร่างการที่สมบูรณ์แบบ (S)
ซึ่งมีผู้คนในโลกนี้เป็นจำนวนที่น้อยมากที่สามารถที่จะปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้สองอย่างและมันยิ่งหาได้ยากขึ้นไปอีกเมื่อทั้งสองอย่างเป็นแรงค์ S ทั้งคู่
ถ้ายอนซอลกยอนทำการขัดขวางความพลังพิเศษของเป้าหมาย พร้อมกับให้จางโดจินพุ่งเข้าปะทะด้วยร่างกายที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้าและให้อันแจใช้ศรอีเทอร์ของเธอยิงไปที่เป้าหมาย ด้วยคอมโบแบบนี้แม้จะเป็นเทเลอร์ไนน์ฮันเตอร์แรงค์ S ระดับท็อปก็ไม่สามารถที่จะรอดชีวิตไปได้
ทันใดนั้นเองซอดัมก็ได้พูดขึ้นมา
“เทเลอร์กำลังล่าอยู่ในตอนนี้นะมันก็สักพักแล้วหละนะ ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ฉันได้ผ่อนคลายนะ”
“…อะไรนะ?”
ซอดัมค่อย ๆ เดินเข้าไปและวางมือของเขาลงไปที่เสาตนหนึ่ง
วางลงไปที่หัวใจของสิ่งก่อสร้างเวทมนตร์นี้
ที่นี้เป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับปกป้องรักษาชีวิตของสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ไว้
ดังนั้นแล้วในสถานที่แบบนี้มันจะไม่มีมาตรการรับมือสำหรับคนคิดจะมาโจมตีที่ที่สำคัญแบบนี้ได้อย่างไรหละ?
ถึงแม้ว่าหัวใจนี้จะได้ปิดตัวลงไปแล้วเนื่องจากสิ่งก่อสร้างนี้ได้ตายไปแล้วก็ตามแต่ ‘รูน’ นั้นยังคงอยู่
เป็นประเภทของระบบป้องกันภัยที่จะเปิดใช้งานเวทมนตร์เพื่อที่จะยิงลงไปที่ผู้บุกรุกในทันที
ถึงแม้ว่าหัวใจของมานานี้จะค่อนข้างเป็นสิ่งที่ตกยุคไปแล้วเมื่อเทียบกับของที่วิเวียนด้าและมันได้ตายไปแล้วเพราะว่ารูนส่วนมากของมันได้ถูกทำลายลงไป
มันก็ยังคงไม่มีปัญหาอะไร
ว้อวว!!
ซอดัมได้เสร็จสิ้นการเตรียมการของเขาเรียบร้อยแล้วด้วยการตีความรูนพวกนี้ทั้งหมดก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่นี้
นักเวทย์เป็นประเภทของคนที่ชอบเตรียมการ
และเหมือนกันกับฮันเตอร์แรงค์ F คนนี้ ยูซอดัมได้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ
เขาเคยรอคอยถึง 3 ชั่วโมงเพื่อที่จะจับมอนสเตอร์แรงค์ F
เขารอคอยถึง 48 ชั่วโมงเพื่อที่จะจับมอนสเตอร์แรงค์ E
ใช้เวลาไปเป็นเดือนเพื่อที่จะล่ามอนสเตอร์แรงค์ D
เขาได้เตรียมการไปถึงจุดที่ว่าผู้คนคิดว่าเขาบ้าไปแล้วและเมื่อเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยที่สุดเมื่อมองถึงในเรื่องของการเตรียมการแล้วมันสามารถที่จะพูดได้เลยว่าเขาอยู่เหนือกว่าพวกนักเวทย์เสียอีก
“เยี่ยม ไปกันเถอะ ฆ่าเขาก่อนแล้วค่อยไปตามหานางผู้หญิงนั้นละกัน”
ในตอนที่คำพูดของจางโดจินได้สิ้นสุดลง พวกเขาแต่ละคนได้หยิบเอาธนู,โล่,สายรัดข้อมือของพวกเขาออกมา
ฮันเตอร์แรงค์ S ทั้งสามคนที่มีความสามารถพิเศษที่เหมาะสมมากที่สุดในการจัดการกับฮันเตอร์
ไม่สำคัญเลยว่าฮันเตอร์แรงค์ F คนนี้จะมีทริคอะไรพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถที่จะปราบซอดัมได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
สำหรับพวกเขาแล้วมันง่ายเหมือนกับการตบแมลงวันเลยหละ
ในจังหวะที่จางโดจินได้พุ่งเข้ามา
พิช!
“…!”
เสาแสงได้ตกลงมากจากท้องฟ้า
……………………………………………………..
เทเลอร์ไนน์เอาไม้เบสบอลแตะไปที่ไหล่ของเธอในขณะที่หมุนลูกบอลแสงทรงกลมสามอันที่มือซ้ายของเธอ
คลืน!
มอนสเตอร์หน้าตาประหลาดแรงค์ S ที่มีขนาดใหญ่เท่าบ้านที่มีชื่อเรียกว่า ‘คิเมร่าลูกผสม’ ได้ตกลงไปบนพื้น
ถึงแม้ว่าเจ้ามอนสเตอร์ที่ทรงพลังนี้จะทำให้ฮันเตอร์แรงค์ S คนอื่นต้องดิ้นรนต่อสู้กับมันแต่กับเทเลอร์ไนน์แล้วเธอสามารถที่จะล้มมันลงได้โดยได้รับรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อ้า ไม่เหมือนกับหุ่นยนต์พวกนั้นเลย เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตน่ารักนี่จะมีอีเทอร์บ้างไหมน้า?”
มันโชคไม่ดีเลยที่ศัตรูที่ซอดัมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็น ‘กาเดี้ยน’ นั้นไม่มีคริสตัลอีเทอร์อยู่ด้านในแม้ว่าจะเธอจะค้นหาพวกมันทุกตัวที่เธอได้ฆ่าไปก็ตาม
อย่างไรก็ตามคริสตัลอีเทอร์สามารถที่จะสกัดได้จากคิเมร่าหลากหลายประเภทที่เธอได้ปราบมันลงและได้รวบรวมเอาไว้เป็นจำนวนมาก
หลังจากได้สกัดเอาอีเทอร์คริสตัลชิ้นสุดท้ายออกมาเธอได้แต่มองกลับไปด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
‘เธอไปล่างานหลักของเราซะส่วนฉันจะไปเจอกับเธอหลังจากที่ได้ต้อนรับแขกของพวกเราเรียบร้อยแล้ว’
หลังจากที่เขาพูดไปแบบนั้นยูซอดัมก็ได้รอคอยอยู่ด้านหลังในส่วนลึกของชั้นใต้ดินเพียงลำพัง
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความภาคภูมิใจในตนเองแต่เขาก็ยังคงระมัดระวังในสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ
เธอต้องการที่จะช่วยแต่เขาก็ยังคงแสดงมั่นใจในตนเองอย่างถึงที่สุดจนเธอได้แต่ต้องตอบตกลง
เมื่อเธอได้คิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง ซอดัมนั้นเป็นคนที่มีความั่นใจอยู่เสมอ
เทเลอร์ได้นึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อครั้งในวันวาน
เมื่อสิบห้าปีก่อนในตอนที่เด็กน้อยทั้งแปดคนได้กลายมาเป็นฮันเตอร์
ในตอนที่พวกเขาทั้งหมดได้ปลุกพลังพิเศษขึ้นมายกเว้นเพียงแค่คนเดียว
ในตอนที่พวกเขาได้ปลุกพลังพิเศษแรงค์ E ขึ้นมาและซอดัมยังคงเหมือนเดิม
ในตอนที่ทุกคนได้กลายมาเป็นแรงค์ D,C และสุดท้ายก็แรงค์ A
ซอดัมก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตนเองอยู่เสมอ
แค่เพราะว่าพวกเราได้รับพลังพิเศษมาพวกเราไม่ได้ต้องการที่จะบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเขาดังนั้นทุกคนเลยไม่ได้ล้ำเส้นไป
นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทเลอร์ถึงได้กำลังลังเลอยู่
เธอไม่รู้สึกช่วยไม่ได้เลยได้แต่กังวล
‘ห่าเอ้ย ก็แค่ไปตรวจดูก็ได้นิ ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่จะล่าต่อไปเลย…’
ในท้ายที่สุดเทเลอร์ได้หันหลังกลับไปและเดินไปในทางที่เธอเดินจากมา
คลื่น คลื่น!!
‘…เสียงบ้าอะไรกันเนี่ย?’
กลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาได้แยกจากกันเธอได้ขมวดคิ้วขึ้นเนื่องจากแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวนี้
เป็นเสียงของระเบิดที่ดังขึ้นเบา ๆ ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังถูกชนและบางอย่างกำลังร่วงหล่น
เท่าที่เธอนั้นรู้จักกับซอดัมมาเสียงพวกนี้ไม่น่าจะมาจากยูซอดัม
ด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย เทเลอร์ได้กับฟันของเธอและวิ่งตรงไปยังชั้นใต้ดินนั้น
เมื่อเธอได้มาถึงที่ทางเข้า
…เธอได้เห็นเสาเพลิงกำลังลุกไหม้ขึ้นไปสู่ท้องฟ้าพร้อมกับฮันเตอร์ที่มีปลอกแขนของลอสเดย์ติดอยู่
“น-นั่นมันอะไรนะ”
เทเลอร์ได้เบิกตาออกมาในตอนที่พยายามที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
การต่อสู้กันระหว่างฮันเตอร์แรงค์ S สามคนกับฮันเตอร์อีกหนึ่งคน
มันไม่ควรที่จะเป็นยูซอดัมที่ทำแบบนี้สิ
นี้มันเป็นไปไม่ได้
เธอคิดเช่นนั้น
‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันวะเนี่ย…?’
สำแสงสายฟ้าได้ตกลงมาจากท้องฟ้า
แล้ววงเวทย์สีแดงก็ได้สว่างขึ้นจะลาดเส้นที่ถูกวาดไว้บนพื้นได้เผาไหม้ทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียงในตอนที่เสาเพลิงได้ถูกจุดขึ้น
นี่…มันเป็นประเภทของพลังพิเศษที่เธอไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย
และมันไม่ใช่แค่หนึ่งด้วยแต่มีปรากฏการณ์เช่นนี้จำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
มันไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากยูซอดัม
‘ตั้งแต่เมื่อไหรกันที่เขาได้รับพลังพิเศษมา…ไม่สิก่อนหน้านั้นนี่มันสมเหตุสมผลด้วยหรือไงกัน?’
ท่ามกลางพวกยอดมนุษย์จำนวนมากที่ได้รับการจดบันทึกบนโลก มากที่สุดของจำนวนพลังพิเศษที่คนคนหนึ่งสามารถมีได้คือ สาม
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพลังพิเศษก็ไม่สามารถที่จะสร้างปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้นมาได้
ทุกครั้งที่ยูซอดัมได้วิ่งไปราวกับเป็นสายลมและแตะกำแพง มวลอากาศที่อัดแน่นพุ่งลงไป,ลำแสงได้สาดลงมา หรือไม่ก็มีลูกปัดสีฟ้าที่กลิ้งไปรอบ ๆ
มันไม่ใช่สิ่งที่พลังพิเศษในยุคสมัยใหม่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้
ฮันเตอร์แรงค์ S สามคนนั้นกำลังคร่ำครวญกับสิ่งที่ไร้สาระพวกนี้และไม่สามารถแม้แต่จะต่อต้านกับพลังที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมายนี้ได้
นี้มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?
พวกเขาคิดว่าซอดัมจะต้องร้องขอชีวิต
แต่ในตอนนี้มันกลับเป็นตัวเขาเองที่กำลังร้องขอชีวิตอยู่
‘ห่าอะไรกันวะเนี่ย…?’
เทเลอร์นั้นไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ให้กับเรื่องไร้สาระที่ไม่สมเหตุสมผลของฮันเตอร์แรงค์ S ทั้งสามคนที่กำลังถูกไล่เชือดอยู่ฝ่ายเดียว
เธอได้มองไปที่ใบหน้าของซอดัมโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขากำลังยิ้มอยู่แหละ
เธอไม่เคยได้เห็นเขายิ้มแบบนี้มาก่อนเลยในตอนที่เขาต่อสู้ในอดีต
เขาเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์ใด ๆ
เขาเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังพิเศษใด ๆ
30 ปีแห่งการมีตัวตนอยู่ของเขานั้นต้องดิ้นรนอยู่ด้านใต้สุดอยู่เสมอ
นี้เป็นครั้งแรกที่เขานั้นมีพลังที่เหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างท้วมท้น
มองไปที่การแสดงออกของเขา คำถามทั้งหมดได้หายไปจากใจของเธอ
มันก็แค่เธอก็มีความสุขเหมือนกัน
มันทำให้เธอสุขใจเมื่อได้เห็นซอดัมนั้นมีความสุข
มันคืออะไร
เกิดขึ้นได้ยังไง
คำถามพวกนี้ไม่ได้สำคัญแล้วในตอนนี้
ไอ้เจ้าพวกคนที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารเสมอมา
ได้ถูกซอดัมที่กำลังฉีกกระชากยอดเขานั้นจะด้านใต้สุด
เทเลอร์ไนน์คิด
‘ว้าววว นี้มันบ้ามากเลย มันโคตรจะสวยงามเลย…’
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีคำอื่นใดเข้าไปเพื่อเติม
มันช่างเป็นการต่อสู้ที่ดูสวยงามและลึกลับอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
เทเลอร์ได้มองดูไปที่ฉากนี้ราวกับต้องมนตร์สะกดเป็นเวลานาน