ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 52
ผู้บัญชาการของทีมที่ 6 คือฮันเตอร์แรงค์ S รยูดงคยุน
ฮันเตอร์ผ่านศึกซึ่งอยู่ในปีที่ 10 ของเขาซึ่งหากเป็นฮันเตอร์ส่วนใหญ่นั้นคงเลือกที่จะเกษียณอายุได้ก่อนหน้าเขาแล้วดังนั้นมันสามารถที่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ถึงความสามารถในการเป็นฮันเตอร์ของเขา
และในบางครั้งนับตั้งแต่ที่เขาได้เขามาในรอยแยกนี้นั้น เขาได้รู้สึกไม่สบายใจกับบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ
‘รุ่นพี่ครับ ผมว่าผู้บัญชาการของทีมที่ 7 นั้นดูอ่อนแอไปหน่อยรึป่าวครับ?’
มันไม่เป็นการกล่าวเกินจริงไปเลยที่ว่า รยูดงคยุนนั้นเป็นสมาชิกแรกเริ่มของกิลด์ ‘มอสแวลู’ ในเกาหลีซึ่งกิลด์นี้นั้นได้สร้างเส้นทางให้เขานับตั้งแต่ที่เขาได้กลายมาเป็นฮันเตอร์เพื่อที่จะได้ลดการสูญเสียบุคลากรมากเท่าที่เป็นไปได้และก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทำให้หัวหน้ากิลด์ของเขาได้รับสมัครผู้คนที่มีพลังพิเศษซึ่งมีประสิทธิภาพสูงที่สุดและรับการดูแลพวกที่มีศักยภาพระดับสูงเพราะด้วยเหตุนี้เองทำให้มันไม่เคยมีแรงค์ F ในภารกิจใดๆของพวกเขาเลย
ดังนั้นด้วยการที่มีความคิดเช่นนั้นอยู่ในใจเขาทำให้เขาได้พูดอย่างนั้นกับ มายอนฮวา ผู้บัญชาการของทีมที่ 10 แต่ว่า…
‘หุบปากของนายซะและทำงานของนายให้มันได้เรื่องด้วย ฮันเตอร์ผ่านศึกที่มีประสบการณ์ 15 ปีใช่ใครก็ตามที่นายจะมาดูถูกได้หรือไงหะ?’
‘ป-ป่าวน่ะครับ? นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสื่อนะ…’
‘กลับไปซะ ยอดผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยในรอยแยกครั้งล่าสุดในช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้นั้นสูงกว่า 20% อย่างน่าตลก ไปเตรียมตัวให้มันละเอียดกว่านี้จะดีกว่านะ’
มายอนฮวา เธอเป็นฮันเตอร์ผ่านศึกแรงค์ S ซึ่งมีประสบการณ์ 15 ปี ทำให้เธอเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่งที่นี้ทำให้ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกต่อไปเมื่อเธอได้ตำหนิรยูดงคยุนต่อหน้าทุกคนหลังจากที่ได้เห็นความตั้งใจแอบแฝงของเขา
ก็เหมือนกับที่เธอได้พูดไปและปล่อยในผลลัพธ์พิสูจน์ตัวมันเอง
และในความเป็นจริงแล้วรยูดงคยุนก็เป็นคนที่มีมั่นใจในความสามารถของตนเอง เขามีความสามารถทางด้านร่างกายที่แข็งแกร่งและพิเศษอย่างมาก
แต่ว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในของพายุนี้
ความพิเศษของเขาอยู่ที่ร่างกายกับความสามารถในการ ‘เร่งความเร็ว’ และเป็นเพราะว่าสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกภายในพายุนี้คือการหลบหนีออกจากพายุนี้ทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะใช้งานพลังของเขาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
เป็นเพราะว่าสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นนั้นคือสิ่งที่เขาคิด
‘บ้าเอ้ย ถ้าไม่ใช่เพราะพายุนี้หละก็’
ถ้าเพียงแค่เขาสามารถที่จะทำได้มากกว่านี้แล้วหละก็
…แล้วในตอนนั้นเองก็ได้มีข้อความมาจากห้องสั่งการผ่านเทเลพาทีมาถึงเขา
[ทีม 7 ได้พบวิธีการที่จะหยุดพายุแล้วครับ! พวกเราจะเริ่มใช้วิธีนั้นในตอนนี้นะครับ!]
‘หา?’
ทั้งหมดเป็นเพราะพายุนี้
ในขณะที่รยูดงคยุนกำลังคิดเช่นนั้น ผู้บัญชาการของทีมที่ 7 ก็ค้นพบวิธีการที่สามารถจะหยุดมันได้
…นั้นค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงสำหรับรยูดงคยุน ถ้าหากเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติหละก็เขาคงจะแม้แต่รู้สึกชื่มชมกับเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตามด้ายเหตุผลบางอย่างเขากลับรู้สึกว่าความภาคภูมิใจของตนโดยทำร้ายแทน
แต่เขาจะไปทำอะไรได้หละ? นอกจากนี้แล้วมันก็เป็นทีม 7 ซึ่งคาดเดาได้ว่าจะหยุดพายุนี้ได้อย่างไรดังนั้นแล้วพวกกับดักแปลกๆอย่างอื่นที่อยากจะปรากฎขึ้นหลังจากนี้หละ?
เหล่าก้อนหินขนาดยักษ์ที่อยู่ๆถูกโปร่ยลงมากจากท้องฟ้า!,หุบเขานี้ที่บีบเขาหากันราวกับว่าพยายามที่จะบดพวกเขาให้กลายเป็นแซนวิซ และในตอนที่พื้นดินได้ทรุดตัวลง พวกเขาก็ต้องค้นหารูปแบบของมันในขณะเดียวกันก็ต้องใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อที่จะจัดการกับเหล่ามอนสเตอร์พวกนี้
ในแต่ละครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น รยูดงคยุนได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการตัดสินใจที่เฉียบขาดของเขา
อย่างสมกับตำแหน่งผู้บัญชาการของเขา ทีมของเขาสามารถที่จะก้าวไปข้างหน้าได้โดยปราศจากผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียวเนื่องมาจากการวิเคราะห์และตัดสินใจที่ถูกต้องของเขา
ถึงแม้ว่าเส้นทางในการเป็นฮันเตอร์ของรยูดงคยุนจะถูกปูไว้นับตั้งแต่ที่เขาเป็นฮันเตอร์ก็ตาม 10 ปีก็ยังคงเป็น 10 ปี ทักษะการตัดสินใจของเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะมองข้ามได้
อย่างไรก็ตาม
[อย่างทำแบบนั้นครับ โปรดทำตามคำสั่งของส่วนกลางนับตั้งแต่ตอนนี้ไปด้วยครับ]
“ว่าไงนะ?”
[พวกเราจะอาศัยวิธีการของทีมที่ 7 ครับมันง่ายกว่าที่จะใช้ผ่านกับดักพวกนี้!]
“…!”
รยูดงคยุนถือเป็นคนที่โดดเด่นอย่างแน่นอน เขามีเพรียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นสายตาที่เฉียบคม,การวิเคราะห์,การตัดสินใจ,ความเป็นผู้นำ และความสงบนิ่งภายใต้สถานการณ์ที่กดดันของเขา
ถึงอย่างงั้นก็แล้ว…ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือว่าผู้บัญชาการของทีมที่ 7 นั้นยังคงดีกว่าเล็กน้อย
มันราวกับว่าเขาได้ศึกษากับดักพวกนี้มาล้วงหน้าแล้วและตอนนี้มันก็เป็นแค่การที่เขานำเอาเรื่องที่ได้เรียนรู้พวกนั้นมาใช้ตอบปัญหาที่เขากำลังเจอ
เมื่อไหรก็ตามที่ทีม 7 ได้เผชิญหน้าเข้ากับดักพวกเขาจะลองใช้เพียงแค่สองสามวิธีแล้วก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นแล้วแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทีมแรกที่ต้องพบเจอกับดักและต้องลองผิดลองถูกเหมือนกับทีมอื่นก็ตาม ทีม 7 ก็ยังคงนำอยู่เสมอ
เพราะงั้นเองทำให้รยูดงคยุนไม่ได้แสดงความขับข้องใจอีกต่อไป เขาเพียงแค่ทำงานให้หนักขึ้นอีกเล็กน้อย
และมันก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ด้วยความพยายามที่เขาได้ลงแรงไปทำให้ระดับความก้าวหน้าในการสำรวจของพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่เกือบจะเท่ากับทีม 7 เลยทีเดียว
เขาเข้าใจดีว่ารอยแยกนี้นั้นไม่ใช่สนามแข่งขันแต่เป็นสนามรบ
การที่จะมาแข่งขันกันที่นี้นั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
แต่ถึงอย่างนั้นรยูดงคยุนก็เป็นคนที่มั่นใจในตนเอง ก่อนหน้าที่เขาจะกลายมาเป็นยอดมนุษย์นั้นเขาถูกมองว่าเป็นคนที่มีความสามารถในการตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
เขาคิดว่าเขาสามารถที่จะแสดงมันออกมาได้ว่าเขานั้นก็มีความสามารถที่เทียบเท่ากับผู้บัญชาการทีม 7
“…ทุกคน เปิดใช้งานการป้องกันเต็มที่เดียวนี้!!”
แต่เพียงแค่ว่าพวกเขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติจริงๆจนกระทั้งถึงตอนนี้
ตูม!!
ต-ตูม!
ที่หุบเขาแห่งนี้นั้นไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตามของหุบเขาที่พวกเขามุ่งหน้าไปล้วนเป็นหน้าผาที่มีขนาดมหึมาที่สูงตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้าทั้งหมด
และจากหน้าผาขนาดมหึมาเหล่านั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่ามีงูขนาดยักษ์ปรากฏออกมาจากด้านใดด้านหนึ่งของกำแพงหละ?
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเดียวด้วย
แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากว่ามันมีสองตัวหละ?
ตูมมมมม!!!
“ฟูๆๆ!!”
บาเรียอีเทอร์สีเขียวอมฟ้าค่อยๆปรากฏขึ้นมาในอากาศ
มันเป็นการใช้งานรวมกันของพลังพิเศษและตัวปล่อยอีเทอร์ป้องกันทำให้ความคงทนของมันนั้นเพียงพอต่อการต้านทานได้แม้แต่พลังทำลายเต็มที่ของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีวิธีการรับมืออื่นๆอีกเลย
งูพวกนี้นั้นรวดเร็วเป็นอย่างมากทำให้พวกเขาไม่สามารถหาช่องว่างโจมตีกลับได้เลยเนื่องจากมันได้ปรากฏตัวออกมาจากด้านหนึ่งของหน้าผาและหายไปอีกด้านหนึ่งทันที
และราวกับว่างูทั้งสองตัวนี้ทำงานประสานกันพวกมันได้โผล่ออกมาและหายไปในด้านตรงข้ามของหน้าผาในเวลาเดียวกัน
มันใช่เวลาเพียงแค่ราวๆ 3 วินาทีเท่านั้นสำหรับงูสองตัวนี้ที่จะไปถึงอีกด้านหนึ่งของหน้าผาแม้ว่าร่างกายของงูพวกนี้จะได้รับการเปิดเผยมาในจังหวะนั้นนานขึ้นเล็กน้อยแต่ว่ามันก็ยังเป็นเวลาที่น้อยไปอยู่ดีสำหรับการรวบรวมกำลังพลของพวกเขาให้มากเพียงพอ
และงูทั้งสองตัวนี้ก็ไม่เหมือนกัน งูตัวหนึ่งมีขนาดที่ยาวกว่าอีกตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน
เมื่อใดก็ตามที่ตัวหนึ่งหายไปอีกตัวหนึ่งก็กลับเข้าไปในกำแพงในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
‘แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังยากที่จะจัดการกับพวกมันอยู่ดี’
เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของมันได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วหละก็
วิธีการที่แน่นอนที่สุดคือการโจมตีพวกมันทั้งคู่พร้อมกัน
‘ฉันจำเป็นที่จะต้องรวมทุกคนเข้าด้วยกัน’
มันเป็นไปได้ที่จะจัดการงูสองตัวเมื่อพวกมันโผล่มาหากว่าทุกคนอยู่รวมกัน
มากไปอย่างนั้นอะไรหละที่จะเกิดขึ้นหากว่าทุกคนได้กระจายตัวกันออกไปในจังหวะที่งูทั้งสองตัวพุ่งเข้ามา? งูทั้งสองตัวนี้ก็จะชนกันเองไง
มันมีความเสี่ยงอยู่บ้านแต่มันยังเป็นวิธีที่แน่นอนที่จะจัดการกับงูทั้งคู่ได้โดยไม่ได้รับความเสียหายมากกว่านี้
“ทุกคน! ไปรวมตัวที่จุดเดียวกัน!”
บาเรียของพวกเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อได้ตัดสินใจที่จะไปรวมอยู่ที่จุดเดียวกันเพื่อต่อต้านงูเหล่านี้
ทุกคนเริ่มที่จะตึงเครียดขึ้นในทันที
พวกเขาได้เพิ่มการปล่อยอีเทอร์ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เตรียมพร้อมที่จะกระจายตัวได้ในทุกๆวินาทีนับจากนี้
ตูม!!
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้เกิดขึ้นที่พื้นดินในตอนที่พวกเขากำลังรอคอยสิ่งที่จะโผล่ออกมาจากหน้าผาพวกนั้น
แต่แล้ว…
[พวกเราได้รับการส่งผ่านข้อมูลมาจากผู้บัญชาการของทีมที่ 7 ครับ! มันไม่ได้มีงูสองตัวครับแต่ว่าเป็นเพียงแค่ตัวเดียว!]
“อะไรนะ?”
ในชั่วพริบตาเดียว โลกก็ดูเหมือนจะช้าลงในทันที
‘นี่ ไม่มี…ทางน่า…’
อึก
ในทันทีหลังจากที่ได้กลืนน้ำลายของตนลงไปเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น แต่ราวกับว่าทุกอย่างยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาได้พูดขึ้น
“ทุกคน! ยิงไปที่พื้นเดี่ยวนี้!!”
ในทันทีที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลงเหล่าสมาชิกทีมของเขาคนที่เชื่อในตัวของรยูดงคยุนโดยสมบูรณ์ได้เจาะทะลวงพื้นดินนี้โดยปราศจากความลังเลใดๆ
ปังๆๆๆ!!!
ด้วยเสียงระเบิดที่ดังกังวานออกไปหลุมขนาดมหึมาได้ปรากฎขึ้นที่พื้น
แล้วก็มี
ร่างกายของงูที่บิดเบี้ยวไปมาพร้อมกับผิวหนังที่ฉีกขาดอยู่ภายใน
มันมีขนาดที่ยาวอย่างไม่น่าเชื่ออีกทั้งยังหนาและดูน่าขนลุกไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นงูนั้นอย่างแน่นอน
…รยูดงคยุนชะงักไปกับความจริงที่งูตัวนี้นั้นแกล้งทำเป็นว่ามันมีสองตัวโดยเลื่อนผ่านพื้นไปมาด้วยหัวและหางของมันเอง
มันไม่ได้มีสองแค่ว่ามันฉลาดต่างหาก
หากต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆด้วยการใช้แผนที่จะให้พวกมันชนกันแล้วหละก็
มอนสเตอร์ที่ฉลาดเช่นนี้จะชนตัวเองได้หรือไง?
ไม่มีทางหรอก
มันค่อนข้างจะเป็นว่ามันน่าจะเบี่ยงเบนตัวเองออกอย่างง่ายๆและโจมตีพวกเขาอย่างสบายๆเนื่องจากว่าพวกเขาได้รวมตัวอยู่ที่เดียวกันแล้ว
รยูดงคยุนทิ้งตัวลงไปที่พื้น
เขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษของตนก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ออกคำสั่งทั่วไปแต่ว่าขาของเขานั้นกลับรู้สึกไร้เรียวแรงเสียเหลือเกิน
“ฮ่า ฮ่าฮ่า…”
มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในชั่วพริบตา
ถ้าหากว่าทีม 7 ไม่ได้ส่งข้อมูลนี้มาหละก็
‘…พวกเราทั้งหมดคงจะต้องตาย’
ความคิดเช่นนั้นได้ปะทะกับจิตใจของเขาและจางหายไปราวกับสายลม
……………………………………………………..
หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง www.thai-novel.com หรือ www.amnovel.com หรือ mynovel.co แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ
……………………………………………………..
ในตอนนี้
ณ ห้องสั่งการนั้นได้เต็มไปด้วยความวุ่นวายของการที่ต้องส่งข้อความให้กับแต่ละทีม
“ใช่แล้วครับ ถูกต้องแล้วจากจุดนั้นแล้วพวกคุณจะต้องเดินตรงไปผ่านหน้าผานั้น…”
“ไม่ๆ จริงจังหน่อยสิ! พวกเรายังเหลืออีกตั้งสามวันนะจนกว่าจะถึงตอนที่ต้องสร้างกระแสเลยนะ!”
“เปลี่ยนแบตกล้องอันใหม่ซะ พวกเราควรที่จะใช้อันที่มันมีความจุมากกว่านี้”
“ใช่แล้วๆ ไม่ใช่ว่ามันดีแล้วหรือไงที่เรายังมีบางเรื่องให้บันทึกนะ?”
มีสายเรียกเข้ามาจากทุกสารทิศจากสื่อต่างๆเกี่ยวกับความคืบหน้าของรอยแยกในครั้งนี้รวมไปถึงพวกนักการเมืองที่โทรมาด้วยเรื่องไร้สาระ
และถึงแม้ว่าการสำรวจรอยแยกครั้งนี้จะไม่ได้รับการถ่ายทอดสดสู่สาธารณะชนแต่ข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ยังสามารถที่จะส่งออกไปได้ถ้าพวกเขาต้องการ
ก่อนหน้าที่จะมีการโจมตีรอยแยกในครั้งนี้ นายพลพัคซึงโฮได้สั่งทุกคนไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ให้เปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในของรอยแยกแต่ถึงอย่างนั้นข่าวของสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในก็ยังคงถูกเผยแพร่ออกไปอยู่ดี
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้เข้าใจว่าทำไมปฏิกิริยาของคนพวกนี้ถึงเป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสื่อที่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย
ความคืบหน้าของรอยแยกในครั้งนี้ได้ไปถึง 90% แล้ว
และที่มากไปกว่านั้นมันยังมียอดผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 0 คน
ถึงแม้ว่ามันจะยังค่อนข้างที่มีคนที่บาดเจ็บเล็กน้อย…
มันก็ไม่ถึงจุดที่คนพวกนั้นจะไม่สามารถที่จะทำการต่อสู้ได้
‘ปาฏิหาริย์’
เป็นเพียงคำเดียวเท่านั้นที่จะสามารถอธิบายปรากฎการณ์เช่นนี้ได้
ทั้งพายุและเหล่ามอนสเตอร์นับไม่ถ้วนอีกทั้งยังพวกกับดับที่ขัดขวางทีมต่างๆจากการสำรวจแต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งหมดแล้วมันก็ยังมียอดผู้เสียชีวิตเป็น 0 อยู่ดี
ถึงแม้ว่าทุกคนที่ได้มาอยู่ที่นี้นั้นจะมีเป้าหมายและความตั้งใจที่แตกต่างกัน มันก็ยังเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนในค่ายนี้จะรู้สึกตื่นเต้นพวกเขาก็แค่ดีใจที่ไม่มีใครสักคนรวมไปถึงสมาชิกในทีมของตนที่ตาย
“มันยังไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลาย”
เดิมที่แล้วหน้าที่ของคนในห้องสั่งการนั้นคือการตรวจวัดสิ่งที่เกิดขึ้นในรอยแยกและหาวิธีการที่จะรับมือกับมันแต่เป็นเพราะว่าผู้บัญชาการของทีมที่ 7 ได้ทำงานของตนได้อย่างดีเยี่ยมเช่นนี้มันเลยทำให้พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรออกไปเลย
“อย่างไงซะ…ฉันคิดว่า ‘บอส’ น่าจะกำลังออกมาแล้ว”
ทุกคนนั้นกำลังมองไปที่จอมอนิเตอร์
ด้วยทีม 7 ที่อยู่ด้านหน้าและอีก 11 ทีมที่เหลือที่กำลังตามมาผ่านหุบเขาพวกนั้น
ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ได้มาบรรจบในจุดเดียวกับตามแผนที่ว่างไว้และที่จุดสุดท้ายของแต่ละหุบเขานั้นเป็นกระดานฉนวนแปลกๆที่มีบางอย่างถูกวาดเอาไว้
‘นี้มันอะไรนะ?’
คำถามเช่นนั้นผุดขึ้นมาในใจของทุกคน
แต่ในตอนนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ
ที่ราบกว้างใหญ่ได้ปรากฎเข้าสู่สายตาของทุกคนที่ปลายของหุบเขาแห่งนี้และมีบางสิ่งที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศคล้ายกับ ‘แผ่นดิส’ ที่ได้ปลดปล่อยพลังงานที่เกินกว่าระดับของคำว่าอันตรายไปไกลลิบ
“แผ่นดิสนี้…ดูเหมือนว่าจะเป็นสาเหตุของรอยแยกลึกลับนี้นะครับ”
“ถ้างั้นแล้วทุกสิ่งในนี้จะจบลงเมื่อเราพังเจ้าสิ่งนี้อย่างนั้นเหรอ?”
“คงจะอย่างนั้นแหละครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นทุกคนล้วนจมอยู่ในความคิดของตนเอง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายหละสิ
ไกลสุดสายตาเท่าที่พวกเขาจะมองเห็นได้มันมียักษ์หินเป็นหมื่นๆได้เรียงรายกันอยู่
เป็นบางสิ่งที่แม้แต่ยูซอดัมและคุณลูกค้าก็ไม่ได้คาดคิดไว้…ของเหตุการณ์ที่ได้พลิกพลันไปจากที่พวกเขาคิดไว้อย่างกะทันหันเพราะด้วยเวลาหลายพันปีที่ผ่านมานี้
แผ่นดิสนี้ที่ได้อยู่ในตำแหน่งเหนือเหล่ายักษ์หินและระหว่างหน้าผาหลายสิบแห่งซึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศ
แม้ว่าหน้าผาเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะถูกจัดเรียงไว้เป็นแนวที่สร้างไว้สำหรับยักษ์หินพวกนั้นมันก็ยังสามารถที่จะปีนขึ้นไปได้อย่างอิสระด้วยเหล่ายอดมนุษย์
อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือมันยังมีเทอโรซอร์หลายสิบตัวที่สร้างขึ้นมาจากก้อนหินซึ่งกำลังบินอยู่ใกล้กับแผ่นดิสนั้น (ผู้แปล : เทอโรซอร์ คือไดโนเสาร์ที่บินได้นะครับ)
“ห่าเอ้ย ฉันขับอยากจะได้เครื่องบินขับไล่จังเลยนะ…”
เครื่องบินนั้นไม่สามารถที่จะทำงานได้อย่างเหมาะสมใน ‘มิติอื่น’ เช่นในดันเจี้ยน,รอยแยกลึกลับ และอื่นๆ…นี้เป็นเพราะว่าบรรยากาศในพื้นที่พวกนี้นั้นแตกต่างจากโลกเป็นอย่างมากและพวกเครื่องจักรก็มักจะทำงานผิดพลาดเนื่องจากพลังงานที่แปลกประหลาดพวกนั้น
และมันก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้มากกว่าอีกสำหรับการใช้งานเครื่องบินขับไล่ที่ใช้อีเทอร์ 100% เป็นตัวขับเคลื่อน
นอกจากนี้แล้วในบริเวณใกล้กับแผ่นดิสนั้นยังมีพายุที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับ 30% ของที่พวกเขาได้เจอมาซึ่งจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีกสำหรับเครื่องบินที่จะเข้าไปใกล้ดิสนั้น
ดังนั้นแล้วส่วนสำคัญเลยอยู่ตรงที่
“…บ้าอะไรนะ นี่คุณต้องการที่จะเอากระดานฉนวนไปวางไว้ที่นั้นอย่างเนี่ยนะ?”
……………………………………………………..
หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง www.thai-novel.com หรือ www.amnovel.com หรือ mynovel.co แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ
……………………………………………………..
“ฟู…”
ซอดัมได้สูดหายใจเข้าลึกๆ
มันดูราวกับว่าฝุ่นผงมากมายที่ได้ผสมกันนี้ที่ได้พัดมาโดยพายุนั้นที่กำลังจะเข้ามาในปอดของเขาแต่ว่าเรื่องแบบนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเขาได้ใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันสารพิษทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
<บททดสอบนี้จะได้รับการตัดสินว่า ‘ผ่าน’ หากว่าคุณได้นำกระดานฉนวนที่คุณได้รับจากจุดสุดท้ายของหุบเขาไปใส่ยังช่องว่างที่อยู่บนแผ่นดิสนั้น>
ใช่แล้ว
ซอดัมและคุณลูกค้ารู้เกี่ยวกับหุบเขาแห่งนี้และเรื่องที่ว่าบททดสอบพวกนี้จริงๆแล้วก็เป็นเหมือนกับสนามกีฬาของเหล่ายักษ์แดง
เมื่อยักษ์แดงตนใดได้ผ่านบททดสอบนี้และใส่กระดานฉนวนนี้ไปยังแผ่นดิสที่ลอยอยู่ตรงนั้นแล้วพวกเขาจะได้รับการจัดอันดับ
ซอดัมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกดีไม่สำคัญว่าจะเป็นโลกไหนก็ตามยังไงทุกคนก็ยังรักระบบการจัดอันดับแบบนี้เหมือนกัน
แต่ว่าการจัดลำดับพวกนั้นไม่มีความหมายในสถานการณ์เช่นนี้
ง่ายๆเลย
<แผ่นดิสนั้นจะหยุดการทำงานหลังจากที่มียักษแดงทั้งหมด 12 ตนได้ผ่านบททดสอบนี้>
มีเพียงแค่คำพูดของคุณลูกค้าเท่านั้นที่สำคัญ
“…ดังนั้นแล้วทุกคนจะต้องใส่กระดานฉนวนทั้ง 12 อันนี้ในดิสนั้นนี่คือสิ่งที่คุณกำลังจะบอกพวกเราใช่ไหม?”
เหล่าผู้บัญชาการทั้ง 12 ทีมได้มารวมตัวในที่เดียวกันหลังจากที่ได้ผ่านหุบเขาพวกนั้นมาแล้วและแผ่นดิสนี้ซึ่งเป็นตนเหตุของรอยแยกในครั้ง ซึ่งทางศูนย์หลักได้สั่งให้พวกเขาคัดเลือกบางคนออกมาและส่งไปทำลายมัน
“ศูนย์หลักได้บอกเราอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่าให้พวกเราทำลายมัน…”
รยูดงคยุนได้พูดขึ้นมาอย่างกลัวๆ
มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตื่นๆเล็กน้อยกับการประชุมครั้งนี้ที่เหล่าผู้บัญชาการทั้งหมดได้มารวมตัวกันถึงแม้ว่าเขาจะเป็นฮันเตอร์แรงค์ S ที่มีชื่อเสียงก็ตามแต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาว่าคนที่เหลือทั้งหมดนี้เป็นรุ่นพี่ของเขาและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
และท่ามกลางคนทั้งหมดนี้เอง
ทุกคนต่างให้ความสนใจไปยังคำพูดของฮันเตอร์แรงค์ F ที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
พวกเขาทั้งหมดรู้ดีถึงความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถมาถึงที่นี้ได้โดยไม่มีฮันเตอร์แม้แต่คนเดียวที่ได้ตายลงไปทั้งหมดนั้นต้องขอบคุณผู้บัญชาการของทีมที่ 7
ดังนั้นพวกเขาจังได้รับฟังการตัดสินใจของเขาอีกครั้งในตอนนี้
“ใช่แล้วศูนย์หลักบอกแบบนั้นแต่ว่า…นั้นจะไม่ได้ผลหรอกครับ”
“คุณแน่ใจในเรื่องนี้ได้ยังไงกันค่ะ?”
“คลื่นความยาวของกระดานฉนวนพวกนี้นั้นตรงกับแผ่นดิสนั้น ก็เหมือนกับปุ่มกดบนรีโมทควบคุมนั้นแหละครับ”
“นั้น…นั้นก็จริงแหละ”
“นอกจากนี้แล้วหากไม่นับเรื่องที่ว่าการทำลายมันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่นั้นการที่จะทำลายสิ่งนั้นก็เป็นเรื่องยากเช่นนั้น พวกเราจะทำลายบางสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งยิ่งว่าโลหะสังเคราะห์ในขณะเดียวก็ต้องหลบเลี่ยงสายตาของเทอโรซอร์หลายสิบตัวไปพร้อมกันได้อย่างนั้นหรือครับ?”
ถ้าหากว่าเหล่ายอดมนุษย์ทุกคนซึ่งอยู่ที่นี้ทำการโจมตีไปที่มันด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่พวกเขามีแล้วหละก็
บางทีนะ…มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะทำลายมัน
แต่ว่าสถานการณ์ที่นี้นั้นไม่ได้เอื้ออำนวยเช่นนั้นไม่ใช่แค่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ความแข็งแกร่งเต็มที่ของพวกเขาด้านในพายุนั้น มันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกจากรอยแยกนี้หากว่าพวกเขาได้ใช้พลังกายที่มากเกินไป
นั้นจะทำให้บางคนได้ตายลงไปอย่างแน่นอน
ความคิดที่ว่ามันอาจจะดีกว่าที่จะทำตามการตัดสินใจของซอดัมนั้นได้ครอบงำจิตใจของพวกเขา
โดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าอีกต่อไปมายอนฮวาได้พูดขึ้น
“มาส่งคน 12 คนขึ้นไปที่ดิสนั้นกันเถอะค่ะ แต่ละคนจะใส่กระดานฉนวนไปที่ช่องว่างของดิสนั้น”
เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ซอดัมพูดมันเป็นความจริงหรือป่าวแต่ว่า…
“ฉันจะเชื่อคุณค่ะ มันชัดเจนที่ว่าการตัดสินใจของคุณนั้นมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก”
“…!”
ในทันทีที่คำพูดของฮันเตอร์ผ่านศึกผู้มีประสบการณ์ 15 ปี มายอนฮวาได้สิ้นสุดลง ผู้มีพลังจิตลีอาห์ มิเชลก็ได้พูดขึ้น
“ฉันก็จะทำตามแผ่นของคุณค่ะ มันต้องขอบคุณ คุณที่ทำให้พวกเราสามารถที่จะมาได้ไกลขนาดนี้”
มองไปที่แต่ละคนที่กำลังตอบตกลงในท้ายที่สุดแล้วรยูดงคยุนก็ได้แต่ตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือกเช่นกัน
หลังจากที่ผู้บัญชาการทั้ง 12 คนได้ตกลงกันว่าจะมุ่งหน้าไปแผ่นดิสนั้น พวกเขาแต่ละคนได้ไปที่ตำแหน่งของตนเอง
ท่ามกลางพวกเขานั้นมีเหล่ายอดมนุษย์ที่มีความสามารถในการโจมตีจากระยะไกลเป็นพิเศษและเหล่ายอดมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งด้านร่างกายรวมอยู่ในทีมเดียวกันเพื่อที่จะคงสมดุลสำหรับความแตกต่างในการเคลื่อนที่
ภายในทีมนั้นการวางตำแหน่งนั้นมีความสำคัญมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ด้วยเหตุผลเช่นนั้นเองมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฮันเตอร์แรงค์ F เช่นยูซอดัมจะถูกวางตำแหน่งอยู่ในแนวหลัง มันไม่เหมือนกับเหล่ายอดมนุษย์ คนธรรมดานั้นไม่ได้มีความสามารถที่จะกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศและไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ปืนพลังแม่เหล็กในการดึงตัวเองขึ้นไป
ดังนั้น
เหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายได้แต่รู้สึกช่วยไม่ได้และได้แต่สงสัยว่าหูของตนเพี้ยนไปหรือไม่ในตอนที่พวกเขาได้ยินสิ่งที่ซอดัมได้พูดถัดมา
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผมจะเป็นผู้นำนับจากตรงนี้ไปเองครับ”
เมื่อรยูดงคยุนที่คิดว่าเขานั้นไม่ยินอะไรผิดไปกำลังจะที่เปิดปากของตน
ซอดัมก็ได้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าราวกับว่าตนนั้นเป็นจรวดไปเสียแล้ว