ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 84
ฮีโร่เลสคาปี้เดิมทีแล้วก็เขาก็เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มธรรมดาๆทั่วไปคนหนึ่งจากแทบชนบท
เขาไม่ใช่นักรบ,อัศวิน หรือว่าทหารรับจ้าง แต่ว่าเขาได้ประสบพบเจอกับความบังเอิญที่ให้โอกาสเขาได้เดินทางไปยังเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ
ในตอนนั้น เขาได้เข้าไปในดันเจี้ยนเนื่องจากอุบัติเหตุบางอย่าง และด้วยความบังเอิญที่ยังไม่จบไม่สิ้นเขาก็ได้หลุดเข้ามาดันเจี้ยนนั้นกลับเป็นหลุมที่ได้ฝังสมบัติของนักรบที่แท้จริงเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน ด้วยความบังเอิญที่มากโคตรๆสุดๆ เลสคาปี้ก็ได้รับสิทธิในสืบทอด ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเล่มที่สอง’ ซึ่งถูกปิดผนึกเอาไว้ในดันเจี้ยนแห่งนี้
ฮีโร่ที่แท้จริง! เลสคาปี้!
[ตัวเอก ‘เลสคาปี้’ ได้ถือกำเนิดขึ้นมา]
เขาเป็นแค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง เป็นคนที่มักจะถูกคนอื่นเมินเฉยใส่มาโดยตลอด ไม่เคยที่จะได้ต่อสู้กับใคร เขาไม่เก่งแม้แต่กระทั้งการพูดคุยกับคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สอง ‘นอสเล็ท’ มาทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มพลิกผันไปจากสิ่งที่เขาเคยเจอ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าเขาจะบอกหรือพูดบางสิ่งบางอย่างที่มันดูสุดแสนจะไม่สมเหตุสมผลออกไป ทุกๆคนก็จะรับฟังเขา เมื่อเขาแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของดาบเล่มนี้ออกไปให้เหล่าขุนนางทั้งหลายได้เห็น คนพวกนั้นทั้งหมดก็จะคุกเขาของตนเองลงโดยปราศคำถามใดๆ ไม่ถามแม้กระทั้งว่าดาบนี้มันเชื่อถือได้หรือไม่ รวมไปถึงตัวเขาเองก็ได้ครอบครองความสามารถที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ได้ฝึกฝนมาเพียงแค่เดือนเดียวซึ่งให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับคนที่ฝึกฝนเพื่อขึ้นมาเป็นอัศวินถึง 10 ปี
แล้ว ในท้ายที่สุดเลสคาปี้ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง
‘ข้าสามารถทำมันได้’
ทุกอย่างในโลกใบนี้ดูเหมือนว่าจะง่ายดายมากขึ้นสำหรับตัวเขา การเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็เป็นไปได้ยากที่จะพบเจอ และถึงแม้ว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับพวกมัน ดาบศักดิ์สิทธิ์นอสเล็ทก็จะเติบโตมาขึ้นทุกๆครั้งที่เขาเอาชนะศัตรูตนนั้นได้และได้รับพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น
เขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเกินกว่านักดาบทั่วไปที่ได้ฝึกฝนมานานกว่า 15 ปีด้วยใช้เวลาในการฝึกฝนเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นและด้วยเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเขาก็สามารถที่จะเอาชนะได้แม้แต่อัศวินชื่อดังที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลา 20 ปี
โลกใบนี้มันช่างงายดาย
โดยที่ไม่จะเป็นต้องคิดถึงเรื่องอันตรายที่เขาต้องเผชิญ เพราะไม่ว่าเขาจะเจอกับสถานการณ์พวกนั้น เขาก็สามารถที่จะแก้ไขได้อย่างง่ายดายด้วยการเหวี่ยงดาบศักดิ์สิทธิ์ไปมา เพื่อนรวมทีมของเขาก็มักจะฟังในสิ่งที่เลสคาปี้พูดออกมาเสมอราวกับว่าเป็นเพียงแค่ตัวโง่เง่า และด้วยเหตุผลบางอย่างราชาปีศาจตนนี้ก็มักจะส่งศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาออกมาอยู่เสมอ ซึ่งเขาก็ใช้พวกมันเป็นหินรองเท้าให้กับตนเอง
เมื่อไรก็ตามที่เลสคาปี้พูดอะไรบางอย่างออกไป หญิงสาวก็จะหน้าแดงโดยที่ไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ
เขาสามารถที่จะได้รับในทุกๆสิ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เขาต้องการ
ทั้งพลังอำนาจ,ชื่อเสียงเกียรติยศ หรือแม้แต่เจตนาแอบแฝงบางอย่าง
ดังนั้น หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นฮีโร่
เขาก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
‘มันยังมีฮีโร่อยู่อีกหนึ่งคน…’
เลสคาปี้เริ่มที่จะเกลียดชังตัวตนของยูซอดัม ฮีโร่อีกคนหนึ่งที่ได้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์อีกเล่มเช่นเดียวกันกับเขา
และแล้ว เลสคาปี้ที่รู้สึกเกรงกลัวตัวตนของฮีโร่อีกคนก็ได้เริ่มที่จะปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลใดๆออกไปเกี่ยวกับศัตรูของเขา
‘ชายคนนั้นเป็นปีศาจ! เขาเป็นซาตานที่ได้ขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ยูเล็ทไป!’
ทุกคนในโลกใบนี้ไม่เคยสงสัยในคำพูดของเขาอยู่แล้ว ผนวกกับความจริงที่ว่าตัวเขาเองก็ถือครอบดาบศักดิ์สิทธิ์อีกเล่มอยู่มันเลยราวกับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องที่ว่าสวรรค์ได้เลือกให้เขาเป็นฮีโร่ ดังนั้นแล้วทุกคนต่างรู้สึกโกรธแค้นที่เหล่าปีศาจได้วางแผนเล่นตลกกับตนเช่นนี้
และแล้ว โลกใบนี้ก็เริ่มที่จะมองว่ายูซอดัมเป็นปีศาจ และเลสคาปี้ก็ได้กลายมาเป็นฮีโร่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ เขาได้รับความมั่นใจที่มากขึ้นเรื่อยๆจนในท้ายที่สุด
‘ถ้าหากว่าข้ากลับมาหลังจากที่เอาชนะราชาปีศาจลงได้ ข้าขอรางวัลเป็นเจ้าหญิงได้หรือไม่ขอรับ?’
มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับเขาในตอนนี้ที่จะสารภาพกับเจ้าหญิงนิชา คาร์เมล ดอกไม้งามที่สวยที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ ด้วยความั่นใจ
เลสคาปี้ไม่ได้มีความสงสัยแม้แต่น้อย เขาเชื่อว่าเจ้าหญิงคนนี้จะต้องตอบรับข้อเสนอของเขาอย่างเขินอายด้วยใบหน้าที่แดงฉานแบบผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอ
อย่างไรก็ตาม
เขาไม่รู้เลยว่า
‘การแก้ไขของตัวเอก’ ใช้ไม่ได้ผลกับนิชาเพราะว่าเธอได้เจอกับใครบางคนที่สามารถจะทำลายความเป็นไปได้พวกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
‘…ขอโทษด้วย แต่ขอเวลาให้ข้าได้คิดเกี่ยวกับมันก่อน…’
‘……!’
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เลสคาปี้ก็สามารถที่จะเห็นได้ว่าในดวงตาของเจ้าหญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา มันกับดูเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ! บางทีนะ บางที นี่คงจะเป็นปฏิกิริยาที่คนปกติควรจะเป็นกัน
ตัวเขาเองก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหากว่ามีใครสักคนที่อยู่ดีๆก็มาขอเขาแต่งงานด้วยตั้งแต่แรกพบแบบนี้? ทั้งสองคนไม่ได้แม้แต่จะได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี เลสคาปี้ก็ยังมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะเอาชนะใจเธอได้แน่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
ด้วยเหตุนั้นเองเลสคาปี้จึงได้เข้าหาเจ้าหญิงด้วยความจริงใจทั้งหมดที่เขามีและพยายามที่จะเอาชนะใจเธอให้ได้ เขาหวังว่านิชาจะตกหลุมรักเขาอย่างแท้จริงอย่างไรก็ตามมันกลับสายเกินไปเสียแล้วในตอนนี้ หัวใจของเจ้าหญิงคนนี้ไม่ได้ถูกผูกเอาไว้ที่เขาอีกต่อไปแล้ว
แล้วก็หลังจากที่เขาได้พยายามแบบนั้นไม่นานนัก เลสคาปี้ก็เริ่มที่จะรู้สึกโกรธในตัวเจ้าหญิงและรับรู้ได้ว่า ตัวเขาเองก็ไม่ได้รักเธอเช่นกัน เขาก็แค่อยากจะเป็นเธอมาเป็นภรรยาของเขาเพราะว่าเธอเป็นดอกไม้งามที่สวยที่สุดในจักรวรรดิเท่านั้นเอง
ดังนั้นแล้วเป้าหมายของเขาจึงกลายมาเป็นสิ่งที่ง่ายและชัดเจนมากขึ้น ในเมื่อการแต่งงานก็เป็นสิ่งที่ถูกตัดสินไว้เรียบร้อยแล้วโดยท่านจักรพรรดิ หากว่าเขากลับมาหาท่านจักรพรรดิหลังจากที่ได้เอาชนะเจ้าราชาปีศาจตนนั้นลงไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าหญิงก็จะกลายมาเป็นภรรยาของเขาโดยอัตโนมัติอยู่ดี
………..มันควรที่จะเป็นแบบนั้น
‘ปีศาจยูซอดัมได้ลักพาตัวเจ้าหญิง!’
‘ในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้ การแต่งงานระหว่างปีศาจซุปเค้กข้าวและนิชา คาร์เมลจะถูกจัดขึ้นภายใต้การจัดการของราชาปีศาจ’
ทั่วทั้งจักรวรรดิต่างพากันสับสนวุ่นวายอลหม่น มันเป็นสถานการณ์ไร้สาระสิ้นดีที่เจ้าหญิงของจักรวรรดิจะต้องมาลงเอยแต่งงานกับปีศาจแบบนี้!
ท่านจักรพรรดิเรียกตัวฮีโร่เลสคาปี้อย่างเร่งด่วนและสั่งการออกไป
‘ปราบราชาปีศาจตนนั้นให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ซะ!’
มันเป็นภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนก็ตาม มันก็เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้นเองที่เขาได้กลายมาเป็นฮีโร่ เขายังไม่ได้รับแม้กระทั้งความแข็งแกร่งที่มากพอจะโค่นล้มราชาปีศาจเลยด้วยซ้ำ เขาจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีหรือแม้กระทั้ง 20 ปีเพื่อฝึกมากยิ่งกว่านี้ในขณะเดียวกันเขาก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เติบโตมากยิ่งขึ้นด้วยการฆ่าเหล่าลูกน้องของราชาปีศาจให้มากขึ้นกว่านี้ เขาแน่ใจได้เลยว่าตนเองต้องตายแน่นอนถ้าเขาสะเออะไปหาราชาปีศาจในตอนนี้
แต่ถึงจะรู้แบบนั้น
เลสคาปี้ก็เป็นฮีโร่
เขามีภาระหน้าที่ที่ถูกผูกไว้กับตัวเองให้ปกป้องโลกใบนี้,จักรวรรดิและเจ้าหญิงเอาไว้
‘อา….เออข้าสามารถพา….เหล่าทหารของจักรวรรดิไปกับข้าด้วยได้ไหม…?’
นี้เป็นครั้งแรกเลย ที่ความคิดเห็นของเขาถูกปฏิเสธ
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
‘ตราบเท่าที่ฮีโร่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ก็มีเพียงแค่ฮีโร่เท่านั้นที่สามารถจะต่อกรกับปีศาจได้!’
มันเป็นกฎที่ถูกสร้างขึ้นโดย ‘การแก้ไขของตัวเอก’ ให้กับคนที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นฮีโร่
มันเป็นกฎที่ถูกสร้างขึ้นดังนั้นทุกคนที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้ไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกไปจากการพึ่งพาฮีโร่
‘อ้า’
ตอนนี้เองที่เลสคาปี้รับรู้ได้ถึงเรื่องๆหนึ่ง
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
เขาได้แต่สายหน้าของตน
‘ข้าเป็นฮีโร่’
ฮีโร่ที่ถูกเลือกโดยโลกใบนี้ ฮีโร่คนแรกในรอบหลายพันปีที่ได้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์ ‘นอสเล็ท’ ที่สามารถจะถือครองได้โดยฮีโร่ที่แท้จริงเท่านั้น
‘ข้าต้องทำได้สิ’
ดังนั้น ฮีโร่คนนี้ เลสคาปี้ จึงได้พุ่งตรงไปที่ปราสาทของราชาปีศาจด้วยม้าขาว แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความน่าเชื่อถือที่เขามีต่อคนทั้งหลายในจักรวรรดิแห่งนี้
และในอีกสามวันหลังจากนั้น
[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 78]
เขาได้กลับมายังเมืองหลวงในสภาพที่เป็นศพ
……………………………………………………..
หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง mynovel.co หรือ
www.amnovel.com หรือ www.thai-novel.com แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ
……………………………………………………..
“ไม่มีฮีโร่อีกต่อไปแล้ว…”
นิชาพึมพำออกมาในขณะเดียวกันกับที่ยืนอยู่ด้านบนสุดของกำแพงแห่งนี้และมองไปที่ซากศพของเหล่าปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้เรียงรายอยู่ทุกๆที่โดยรอบ ปีศาจทั้งหมดที่นอนเรียงรายอยู่นี้ไม่ได้ถูกฆ่าตายโดยเลสคาปี้หรอกนะ ส่วนมากของพวกมันถูกฆ่าโดยยูซอดัม
เขาช่วยอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้เลย เพราะหากว่าเขาเอาตัวเจ้าหญิงไปที่ปราสาทของราชาปีศาจจริงๆ พวกเขาทั้งคู่ก็คงจะซี้มองเท่งเป็นแน่
ยูซอดัมวางดาบศักดิ์สิทธิ์ยูเล็ทลงไปที่พื้น ดาบที่ไม่ได้เคยถูกใช้งานเลยสักครั้งตั้งแต่ที่มันถูกดึงออกมา ข้างๆของมันก็เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สองนอสเล็ทที่เลสคาปี้เหลือทิ้งไว้
“แล้วหลังจากนี้มัน…จะเกิดสิ่งใดกับโลกใบนี้กัน?”
“ก็ อย่างน้อยที่สุดมันก็จะไม่ถูกทำลายในเร็ววันนี้”
“หา อะไรนะคะ?”
ธีมของพล็อตเรื่องในโลกใบนี้เป็นเรื่องราวของฮีโร่กับราชาปีศาจ
อย่างไรก็ดี มันไม่ได้เป็นดังเช่นเรื่องราวซ้ำซากตามหนังสือนิทานก่อนนอนทั่วไปที่ทุกเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข มันกลับเป็นธีมของ 『ฮีโร่ที่ไม่สามารถที่จะปกป้องโลกใบนี้ไว้ได้』
หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มันเป็นโลกที่ใช้ ‘พล็อตที่ดัดแปลง’ ซึ่งเป็นการที่ฮีโร่ไม่อาจที่จะเอาชนะราชาปีศาจได้แทน
อะไรจะเกิดขึ้นกับหละหากว่าฮีโร่คนนั้นล้มเหลวในการเอาชนะราชาปีศาจลงได้กัน?
หลังจากที่โลกได้ถูกทำลายลง ฮีโร่คนนั้นก็ได้หลบหนีออกไปจากโลกใบนี้พร้อมกับภรรยาของเขาและไปยังต่างโลก นั้นเป็นเนื้อเรื่องดังเดิมที่ยูซอดัมได้เห็นจากเมื่ออนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า
แต่ในตอนนี้ จุดจบเช่นนั้นจะไม่มีความหมายอีกต่อไปเพราะว่าฮีโร่เลสคาปี้ได้ตายลงแล้ว
ช่า ช่า…
“ด..ดาบศักดิ์สิทธิ์กำลังหายไป…!”
ดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเล่มได้กลายเป็นละอองแสงและจางหายไป
“ตอนนี้…ท่านจะทำยังไงต่อไปค่ะ? หรือท่านจะ…กลายมาเป็นฮีโร่คนใหม่กัน?”
“ม่ายมีทางงง~ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเหมาะสมกับฉายาแบบนั้นหรอกนะ”
“แต่ว่าโลกใบนี้จำเป็นต้องมีฮีโร่…”
ยูซอดัมแสยะยิ้มออกมาให้กับคำพูดของนิชา เขาเงยหน้าของตัวเองขึ้นและมองไกลออกไป
เป็นเพราะว่าตัวเอกได้ตายลง ‘การแก้ไขของตัวเอก’ ก็เลยหายไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ในตอนนี้พลังอำนาจทั้งหมดนั้นที่ได้ปกคลุมได้โดยรอบโลกใบนี้ได้หายไปแล้ว
ปู้นนนน ปู้นนนน…!!
“นั้นไงหละ”
“นั้นมัน…!”
ธงสีแดงที่กำลังโบกไสวไปมาอยู่ในตอนนี้เป็นธงของกองกำลังทหารจักรวรรพิอันร์วา มาร์เมลแน่นอน
ยูซอดัมมองไปที่กองทัพที่กำลังเดินหน้าเข้ามาและส่งดาบอีเทอร์ที่ตนกำลังถืออยู่ให้กับนิชา คาร์เมล
“มันไกลเกินกว่าที่จะถอยกลับได้แล้ว ดังนั้นฉันให้เธอยืมสิ่งนี้ก็แล้วกัน ดูแลมันดีๆด้วยหละ มันแพงสุดๆไปเลย”
“นี้ไม่ใช่ดาบของท่านซอดัมอย่างนั้นหรือคะ?”
“ไม่นะ มันไม่ใช่แค่ดาบทั่วๆไป มันเป็นถึงดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามเลยนะ”
“เล่มที่สาม? ไม่มีทางน้า…”
“ทำไมหละ? ทำไมจะมีอีกเล่มไม่ได้กัน ไม่มีกฎข้อไหนบอกไว้สักหน่อยนิว่ามันไม่สามารถมีดาบศักดิ์เล่มที่สามได้นะ”
“จริงหรือคะ…??”
เมื่อได้ยินเธอถามออกมาราวกับว่าเธอไม่เชื่อ ซอดัมก็ได้ตอบกลับด้วยการกดไปที่ปุ่มด้านใต้ของดาบอีเทอร์
“ไม่อะ ตามจริงแล้ว ฉันโกหกนะ มันไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามหรอก”
“…หะ?”
“เพราะว่าเธอไม่จำเป็นที่จะต้องมีคุณสมบัติใดๆเพื่อที่จะยกดาบเล่มนี้ขึ้น เธอแค่ต้องถือมันเอาไว้แล้วกดที่ปุ่มนี้จากนั้นแสงก็จะพุ่งออกมา-”
ซอดัมพูดต่อ
“-คุณสมบัติสำหรับการยกดาบนะไม่ได้ถูกกำหนดไว้โดยดาบหรอกนะแต่เป็นด้วยผู้คนต่างหาก คนๆนั้นจะต้องเป็นที่จะต้องพิสูจน์มันออกมาด้วยตัวเขาเองเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนับจากวินาทีนี้ไป ดาบเล่มนี้ก็จะเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามด้วยตัวของมันเอง เธอจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์มันออกไปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอนั้นเป็นที่เป็นฮีโร่ที่มีค่าพอที่จะถือดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามนี้ได้”
“นั้นมัน…”
“นี้ไม่ใช่หรือไงกันนะที่เป็นสิ่งที่เธอต้องการ?”
นิชาติดสตันราวกับว่าเธอถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า
เขาพูดถูกแล้ว
ก่อนหน้านี้แทนที่จะคงไว้ซึ่งคำเรียกขานว่าดอกไม้งามที่สวยที่สุดในจักรวรรดิ เธออยากที่จะต่อสู้กับกองทัพปีศาจนั้นราวกับว่าตนเองเป็นฮีโร่มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจที่จะทำมันได้เพราะว่าในโลกใบนี้มันเป็นหน้าที่ของฮีโร่ที่จะต้องต่อกรกับราชาปีศาจและหน้าที่ของเธอก็คือการกลายมาเป็นภรรยาของฮีโร่
อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าโลกใบนี้ไม่มีฮีโร่อยู่อีกต่อไป มันก็หมายความได้ว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถที่จะเป็นฮีโร่ได้
นิชา คาร์เมล ลังเลใจอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะยอมรับดาบอีเทอร์เอาไว้แล้วเธอก็เอาบางสิ่งบางอย่างออกมา มันเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ เป็นดอกไม้ที่มีขนาดเล็กและนวลตา แต่ว่ามันยังคงปลดปล่อยพลังชีวิตที่แข็งแกร่งออกมา เธอวางดอกไม้นี้ไปบนหน้าอกของยูซอดัม ดอกไม้นี้ ดอกไม้ซึ่งดูเหมือนกับไม่ได้มีค่าอะไรเลย เป็นของขวัญเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เธอสามารถที่จะมอบให้กับยูซอดัมได้ในตอนนี้
สุดท้ายแล้วเธอก็ได้สบตากับยูซอดัมและยิ้มออกมา แล้วจากนั้นเธอก็เดินไปที่ขอบของกำแพงแห่งนี้
ด้านใต้ของมันเป็นกองทัพจักรวรรดิที่กำลังมองมาทางปราสาทจากระยะทางที่ไกลออกไป หมู่เมฆและความมืดมิดบนท้องฟ้ายกตัวขึ้น จากนั้นแสงสว่างในยามรุ่งสางก็ได้สาดส่องลงมา
ในตอนนี้เอง มันเป็นสิ่งที่ช่างบังเอิญเสียจริง…บังเอิญมากๆเลยที่หนึ่งในแสงที่ได้ส่องลงมาผ่านหมู่เมฆมากลับส่องตรงไปที่นิชา คาร์เมล
“พวกเจ้าทุกคนจงฟังทางนี้!”
“…..!”
ที่ขอบของกำแพงปราสาทของราชาปีศาจ นิชา คาร์เมล คนที่พวกเขาคิดว่าถูกลักพาตัวไปโดยปีศาจร้ายคนนั้น ได้ปรากฎตัวขึ้นและเหล่าอัศวินทั้งหมดของจักรวรรดิก็ได้เงยหน้าขึ้นและมองมาที่เธอ
“จ-เจ้าหญิง…!”
“นั้นเจ้าหญิง! เจ้าหญิงอยู่ที่นั้น!”
แล้วคนเป็นหมื่นๆคนก็ได้มองมาที่เธอ นิชา คาร์เมลได้ยกดาบของเธอขึ้นมาและกดไปที่ด้านใต้ของมัน มันเป็นแค่ดาบที่ใครก็สามารถที่จะถือมันได้แต่ว่าในวินาทีนี้เอง มันเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญเป็นอย่างมากที่จะสร้างความสบสันให้กับสายตาของทุกๆคน
นิชา คาร์เมลกวาดตามองลงไป
“ฮีโร่คนก่อนได้ตายลงไปแล้ว”
ณ เวลานี้ แสงที่งดงามได้ประทุออกมาจากดาบอีเทอร์ เสียงของนิชาค่อนข้างที่จะเบาแต่ว่ามันได้ก้องกังวานไปยังทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง
“ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตัวข้าเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอันร์วา คาร์เมล นิชา คาร์เมลจะเป็นคนจัดการกับเจ้าราชาปีศาจตนนี้ด้วยตัวข้าเอง”
ในขณะที่เธอได้พูดออกไปเช่นนั้น ข้อความจากระบบก็ได้ปรากฏขึ้น
[ไม่มีเนื้อเรื่องที่จะต้องแทรกแซงอีกต่อไป]
<คุณได้ใช้ความเป็นไปได้ทั้งหมดของคุณออกไปแล้ว กำลังทำการย้อนกลับไปสู่ระบบเวลาดังเดิม>
[กำลังทำการเร่งเวลาไปข้างหน้า]
เวลาของโลกใบนี้ได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้น
วันคืนได้ผ่านไปภายในเสี้ยววินาที เดือนได้ผ่านไปในไม่กี่นาที ยูซอดัมลูบไปที่ใบหน้าของเขาเอง ด้วยเวลาที่ถูกเร่งให้เร็วเช่นนี้เขาได้เห็นนิชา คาร์เมลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ในโลกใบนี้ที่ที่เขาเคยได้เห็นความพังพินาศของมันมาแล้วในเส้นเวลาก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้ นาชิ คาร์เมลได้นำกองกำลังของจักรวรรดิเอาโรมรันกับราชาปีศาจ บวกกับการที่ราชาปีศาจยังไม่ประสบความสำเร็จในการเรียกคืนพลังอำนาจดังเดิมของตนเองกลับคืนมา มันเป็นสงครามที่คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู
นิชา คาร์เมลไม่ได้ถูกเรียกว่าดอกไม้งามที่สวยที่สุดอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนี้เธอถูกเรียกขานว่าเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่งและกล้าหาญที่สุด
และแล้ว ในวันหนึ่ง
ราชาปีศาจก็ได้ถูกจัดการลง และนิชา คาร์เมลก็ได้วางดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามนี้ได้ที่ด้านบนสุดของปราสาทราชาปีศาจแห่งนี้
เป็นชัยชนะครั้งแรกที่สำเร็จได้โดยที่ปราศจากฮีโร่
นิชา คาร์เมลได้ยกมือที่กุมธงของจักรวรรดิขึ้นและโบกสะบัดไปมา
[กำลังสร้างเสถียรภาพให้กับเวลา]
[ช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน : 30 พฤษภาคม 3070]
[ตำแหน่ง ณ ปัจจุบัน : จักรวรรดิอันวาร์ คาร์เมล ห้องทำงานของจักรพรรดินี]
“…ท่านยูซอดัม?”
ในขณะที่เธอหันหน้าของเธอ จักรพรรดินีนิชา คาร์เมล ผู้ที่มีเส้นผมกับดวงตาสีน้ำตาล ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของเธอและจ้องมองมาด้วยสีหน้าที่สับสนงุนงง
เธอไม่ได้ดูเยาว์วัยอีกต่อไป นิชา คาร์เมลได้เติบโตขึ้นเป็นจักรพรรดินีที่ทรงปัญญาตั้งแต่ที่เธอยังสาวที่พร้อมด้วยความมั่นใจในตัวของเธอเอง
“คุณพระช่วย…”
เธอลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอและเดินตรงมายังยูซอดัม สายตาของเธอจ้องไปที่หน้าอกของเขา ดอกไม้ที่เธอได้ให้ไว้กับเขาแบบขำๆในวันนั้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้วยังคงอยู่ที่เดิม ดอกไม้ดอกนั้นยังคงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและกลิ่นที่หอมหวานเช่นเคย
“ดอกไม้เติบใหญ่แล้วนิ”
“…ใช่แล้วค่ะและท่านเองก็ยังดูเหมือนเดิมเลยนะคะ”
นิชาเปิดปากของเธอและปิดมันอีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่ยากจะเชื่อสำหรับเธอที่ชายคนที่เป็นเสาหลักให้กับหัวใจของเธอหลายสิบปีที่แล้วในท้ายที่สุดก็ได้แสดงตัวขึ้นมาต่อหน้าของเธอ
มันมีเรื่องราวมากมายหลายอย่างที่เธออยากจะพูดออกไป มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดและเต็มไปด้วยเส้นสายที่ทรงอำนาจในกรณีที่อยู่ๆเขาก็ปรากฎตัวขึ้นมา
แต่ว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลยและในตอนที่เธอได้ลืมที่จะรอคอยเขาไปแล้ว
เขาก็ได้แสดงตัวออกมา
“…บางครั้ง ข้าก็เคยฝันนะคะ มันเป็นฝันแบบเดิมซ้ำๆกันในทุกๆวัน”
“ฝันแบบไหนกันงั้นหรือ?”
“ในความฝันนั้น ข้าคือคนที่อยู่รอดเพียงลำพังบนโลกที่พังพินาศไปแล้ว”
โลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลง โลกที่ราชาปีศาจไม่ได้ถูกโค่นล้ม และเป็นโลกที่ฮีโร่ได้วิ่งหางจุกตูดหนีไปจากโลกใบนี้ นิชา คาร์เมลได้ยืนอยู่อย่างโดดเดียวเพียงลำพัง เตรียมตัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความสูญสลายเพียงคนเดียว
“มันเป็นความฝันที่ช่างน่าสะพรึงกลัว ถึงแม้ว่าราชาปีศาจจะถูกปราบลงไปแล้วก็ตาม ข้าเองก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าทำไมข้าถึงได้ฝันเช่นนั้นแต่ว่าในวันนี้ฝันนั้นก็ได้สิ้นสุดลง…มันเป็นเพราะว่าท่านได้ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าของข้าในตอนจบของความฝันนั้น”
<มันดูเหมือนว่าเธอจะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแกนเวลาได้เล็กน้อยนะคะ เธอเป็นคนที่มีเต็มไปด้วยโชคชะตาที่ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ>
นิชาหัวเราะออกมาอย่างสดใส
“แล้วจากตอนนั้นท่านก็ได้ย้อนเวลากลับไป…ท่านได้ผลิกกลับเรื่องราวทั้งหมดที่จะนำไปสู่จุดจบของโลกใบนี้ทิ้งไป”
“เออ แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ตั้งใจอะไรขนาดนั้นหรอกนะ…”
“ขอบคุณค่ะ”
ตามจริงแล้ว เธออาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คำอื่นนอกจากนี้อีก
“นับจากวันนั้น ข้าก็ได้ลงแรงไปหนักมากจริงๆ ข้ามักจะคิดถึงท่านเสมอเลยในทุกครั้งที่ข้ารู้สึกหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อไป”
“……”
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ”
หลังจากที่นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง เขาก็ได้มองไปยังวันที่จากข้อความของระบบอีกครั้งและเปิดปากของตัวเองขึ้น
“สุขสันวันเกิดนะ”
สิ้นคำพูดนั้นลง ร่างกายของยูซอดัมก็ได้จางหายไปและนิชาก็เหลืออยู่เพียงลำพังคนเดียวในขณะที่กำลังมองไปยังที่ตรงนั้น ตรงที่ๆเขาเคยยืนอยู่ เธอโค้งหัวของตัวเองลงอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจที่จะได้แสดงให้เขาเห็นในสิ่งที่เธอต้องการได้
“…..”
นิชาออกจากห้องทำงานของเธอและมุ่งหน้าตรงไปยังสวนในพระราชวังของจักรวรรดิ
ผ่านมานับสิบๆปีจากตอนนั้น หลังจากตอนที่นิชาได้ต่อสู้กับราชาปีศาจ เธอก็ได้มุ่งความสนใจของเธอเองไปยังเรื่องๆหนึ่ง
มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ได้เก็บภาพลักษณ์ของยูซอดัมเอาไว้ คนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกขานว่าเป็นปีศาจและในตอนนี้ก็ได้รับการเรียกขานว่าเป็นฮีโร่อีกครั้ง
และมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ เธอสามารถจะที่สร้างรูปปั้นของเขาที่พระราชวังแห่งนี้ได้ในท้ายที่สุด
เมื่อเดินมาถึงที่รูปปั้นของเขาซึ่งมีความสูงเกินกว่า 5 เมตรนี้แล้ว นิชาก็ได้มองดูไปที่มันอย่างเงียบๆ
“เป็นรูปปั้นที่ดูดีเลยนะคะ”
นิชาหันหน้าไปตามเสียงที่เธอได้ยินมาจากด้านข้างของเธอ
แล้วเธอก็พบกับเด็กหญิงหนึ่งหนึ่งที่มีเส้นผมที่ดำเหยียดตรงกับดวงตาสีฟ้ากำลังยืนอยู่ถัดจากเธอ
แม้ว่าที่นี้จะเป็นสถานที่ซึ่งไม่มีใครสักคนที่สามารถจะเข้ามาได้ นิชาก็ไม่ได้ตื่นตกใจไป เธอคุ้นเคยกับการที่อยู่ๆก็มีใครสักคนโพล่ขึ้นมาและผุดหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เขาเป็นหนึ่งเดียวคนนั้น คนที่ได้ปกป้องโลกใบนี้เอาไว้นะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ? เขายังเป็นเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“เจ้ารู้จักท่านยูซอดัมงั้นเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกและฉันก็อยากที่จะรู้มันนะคะ มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้มาที่นี้เช่นนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันมาช้าเกินไป”
เด็กสาวจ้องมองไปที่รูปปั้นที่อยู่ตรงหน้า
“แต่ว่ารูปปั้นนี้…เขาออกจะดูหล่อเกินกว่าตัวจริงไปหน่อยไหมคะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงแถวๆจมูกแล้ว…”
“ฮุฮุ ความทรงจำมักจะเป็นแบบนี้เสมอแหละนะเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไป”
หลังจากที่นิชาพูดออกไปแบบนั้นแล้ว เธอก็มองไปที่เด็กสาวที่อยู่ด้านข้างของเธออีกครั้ง และเธอก็ได้แต่ประหลาดใจอย่างไม่มีทางเลือก ในยามที่เธอมองไปยังเด็กคนนี้ในตอนแรก เธอดูเป็นสาวน้อยที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนกลางถึงปลาย และในตอนนี้เธอก็ได้โตขึ้นและกลายมาเป็นหญิงสาวในช่วงยี่สิบกลางๆถึงปลายแล้ว
“…เจ้า เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”
“อ้า มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว ฉันขอโทดด้วยจริงๆ มันเป็นเพราะว่าฉันยังขาดแคลนความชำนาญในการใช้งานความสามารถนี้อยู่…เมื่อไหรก็ตามที่ฉันได้เดินทางผ่านพอร์ทัลแล้ว ฉันก็จะสัมผัสกับเศษเสี้ยวแห่งกาลเวลานะ เขาผ่านพวกมันไปยังไงกันนะ…?”
เมื่อเธอพูดแบบนั้นแล้ว เธอก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับมองดูไปที่สร้อยคอของเธอและแตะไปที่มันเบาๆ มันเป็นสิ่งของบางอย่างที่ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ เป็นสร้อยคอที่คำมาจากกระสุนปืน
“ฉันยังมองหาคุณอยู่นะคะ ศาสตราจารย์”
หลังจากนั้นสักพักหนึ่งเธอก็ได้หายไปอย่างเงียบๆ ดังเช่นเดียวกันกับในตอนที่เธอได้ปรากฎตัวขึ้น