ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1000 เพิ่งถึงบ้าน โชคก็มาเยือน
บิดาของตนมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เยี่ยนจ้าวเกอที่แล้วมาล้วนทราบ
แต่เป็นเพราะเกี่ยวโยงกับทวนพระอังคาร จึงพลัดหลงกันจากที่บำเพ็ญเพียรหลีเฮิ่นน้อย เยี่ยนตี๋เพิ่งจะกลับถึงโลกซ้อนโลกก็เข้าฌานฝึกฝนทันที ยังสร้างความประหลาดใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ
วันนี้เยี่ยนตี๋ทำลายด่านสำเร็จพร้อมกับออกมา ยังเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น เหมือนกับกำลังพิสูจน์ถึงเรื่องนี้
“เก็บเกี่ยวอะไรมาได้บ้างจริงๆ” เยี่ยนตี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอ “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าอารามเอกนิกายที่เจ้าไปถึงในครั้งนี้ไม่ใช่ผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ แต่เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ”
ขณะที่พูด ในดวงตาของเขาเป็นประกายสีดำ
ชายหนุ่มใช้วิชากระบี่ ปลายนิ้วมีประกายกระบี่สีดำหลายสายพรั่งพรูออกมา
ด้วยพลังฝึกปรือของเยี่ยนตี๋ ยังรู้สึกได้ถึงปราณสังหารและจิตแห่งความตายที่สั่นสะท้านผู้คน
นั่นเป็นจิตแห่งพลังที่เหมือนกับทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง เข่นฆ่าทุกอย่างในโลก ในความเย็นชาโหดเหี้ยมกลับดูสงบนิ่งเป็นธรรมชาติยิ่ง
คล้ายกับกำลังอธิบายถึงหลักการข้อหนึ่ง
ความตายคือการกลับคืนสู่ที่พักพิงของทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ไม่ว่าจะใกล้หรือใกล้ ก็ต้องประสบภัยพิบัตินี้
ขอแค่มีการดำรงอยู่ของชีวิต ก็สามารถสังหารได้
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกถึงปราณกระบี่นี้ได้ค่อนข้างชัดเจน สืบเนื่องจากเขาศึกษาคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต
วรยุทธ์กระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ชนิดนี้กับมรรคากระบี่ที่เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกมาในตอนนี้ เหมือนกับเหรียญสองด้าน ชีวิตกับความตายตรงกันข้าม แต่ระหว่างพวกมันกลับเชื่อมต่อและเกี่ยวโยงกัน
พวกมันกดข่มแต่ก็ให้กำเนิดกันและกันโดยหลักการ
ทว่าในตอนต่อสู้จริง เยี่ยนตี๋ไม่จำเป็นต้องประมือก็ดูออกอย่างคร่าวๆ ว่ามรรคากระบี่ชนิดนี้สะกดคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตได้ในระดับหนึ่ง
กล่าวให้ถูกต้อง ไม่เพียงแต่คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตเท่านั้น วรยุทธ์ที่ศึกษาพลังแห่งชีวิตที่คล้ายกันล้วนแล้วแต่ได้รับการสะกดข่มจากกระบี่ชนิดนี้ได้ทั้งสิ้น
อย่างเช่นม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ในเขตเพลิงทักษิณ หรือคัมภีร์อายุวัฒนาซึ่งสืบทอดในอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนในเขตสุราลัยบูรพา
แน่นอนว่าสำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์อื่นแล้ว มรรคากระบี่ที่โหดเหี้ยมถึงขีดสุด มีจิตสังหารสั่นสะท้านชนิดนี้เป็นดาวข่มที่น่ากลัวเช่นกัน
ในโลกแปดพิภพวรยุทธ์สายมารตกต่ำ แต่ว่าในโลกผืนสมุทรวรยุทธ์สายมารกลับเคยรุ่งเรืองอยู่ช่วงหนึ่ง
โลกซ้อนโลกความจริงมีวรยุทธ์สายมารแพร่หลายอยู่ไม่น้อย
ยังไม่เอ่ยถึงว่าตัวผู้ฝึกฝนดีหรือร้าย แต่เมื่อฝึกฝนวรยุทธ์สายมารแล้ว มักจะค่อนข้างกระหายเลือด ชมชอบการฆ่าฟัน
แต่ว่าถ้าหากคิดตามหาวรยุทธ์ที่มีจิตสังหารรุนแรงที่สุดในโลก วรยุทธ์สายมารมากมายล้วนเทียบกับมรรคากระบี่ที่เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้
และมรรคากระบี่นี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย
เพียงเพราะตัวมันหมายถึงจุดจบของชีวิต
“มรรคากระบี่กระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์…หรือจะเป็นกระบี่ผนึกเซียน หนึ่งในสี่กระบี่รัตนาในตำนานนั้น” เยี่ยนตี๋เข้าใจอย่างรวดเร็ว
เขาไม่เคยเห็นคนใช้กระบี่ผนึกเซียนมาก่อน แต่กลับเคยได้ยินมา ถึงอย่างไรกระบี่นี้ก็มีชื่อเกินไป
“ช่วยสังหารเซียน ผนึกเซียน ลวงเซียน เกิดแสงสีชาดสี่ทิศ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเชื่องช้า “การสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ที่ข้าได้จากอารามเอกนิกาย ก็คือกระบี่ผนึกเซียน”
ถ้าหากบอกว่ากระบี่ลวงเซียนทำลายมิติ กระบี่สังหารเซียนสังหารทุกสรรพสิ่ง เช่นนั้นกระบี่ผนึกเซียนก็เป็นกระบี่ที่เข่นฆ่าสรรพชีวิต
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ไม่เอ่ยถึงเขารอบวง ในการต่อสู้บนเขามหาวิญญาณ พวกจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงพ่ายแพ้อย่างเต็มภาคภูมิ ความจริงหลักการกระบี่มากมายของท่ากระบี่สังหารมังกรเขียวที่ข้าสร้างขึ้นมา ก็ได้ประโยชน์จากกระบี่ผนึกเซียน”
“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอก ว่าตอนที่เจ้าทดลองปีนสะพานเซียน นอกจากคัมภีร์นภาแรกเริ่มซึ่งเป็นการสืบทอดของสายหยกพิสุทธิ์แล้ว จำเป็นต้องใช้วรยุทธ์กระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์และสายเหนือพิสุทธิ์อย่างละหนึ่งชนิด”
เยี่ยนตี๋ว่า “เจ้าครั้งนี้ไปถึงอารามเอกนิกาย ตอนแรกคิดว่าที่นั่นเป็นที่อยู่ของผู้สืบทอดกระแสตรงของสายเอกพิสุทธิ์ หวังจะเจอมรดกของผู้อาวุโสในสายเอกพิสุทธิ์”
“เป็นเช่นนี้มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ผู้ใดจะทราบว่ากลับเป็นผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ นี่กลับประเสริฐ ถึงอย่างไรข้าก็ขาดวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์พอดี นับว่าเสียตอนอาทิตย์ขึ้นได้ตอนอาทิตย์ตก ต่อจากนี้จะไปหาวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ที่ไหน ข้ากำลังใคร่ครวญอยู่”
“แต่ครั้งนี้ข้าไปอารามเอกนิกาย นับว่าไม่ได้ไปเสียเที่ยว”
เขาหัวเราะฮิฮะ พูด “คนในเขาสามขากับเนินต้นจักรพรรดิเกรงว่าจะรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็จิตใจสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะมองบิดาของตนเอง
เยี่ยนตี๋เห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างเรียบเฉย “เจ้าทายถูกแล้ว”
พร้อมกับที่กล่าว บนศีรษะของเยี่ยนตี๋พลันมีกระแสปราณหลายสายทะลักออกมา
กระแสปราณนั้นมองดูสับสนมืดมัว เหมือนกับกลุ่มมีสีดำทะมึนแถบหนึ่ง
ด้านในกลุ่มเมฆมีแสงสว่างเล็กละเอียดหลายจุดส่องระยิบระยับ ไม่สว่าง ไม่พร่างพราว ไม่สุกสกาว ไม่แยงตา
แต่กลับลี้ลับสุดเปรียบปาน ทำให้ผู้คนยากจะทำความเข้าใจ ยากจะบรรยาย ยากจะบอกกล่าว ยากจะพรรณนา
กระแสเมฆขยายตัวและเปลี่ยนแปลง เบ่งบานราวกับดอกบัว
ตรงขอบกลีบดอกพร่าเลือน แบ่งแยกกับที่ว่างรอบๆ ไม่ชัดเจน
ทว่าที่ว่างรอบๆ ไปจนถึงโลกเหมือนกับกำลังยุบเข้าข้างใน โดยมีดอกบัวที่เหมือนกับละอองดาวเป็นศูนย์กลาง
‘เมฆาไร้ขอบเขตต้นกำเนิดความโกลาหล?!’ เยี่ยนจ้าวเกอเกือบหลุดปากพูดออกมา เพียงอ้าปากแต่ไม่ได้ส่งเสียง เขาหยุดตัวเองไว้ในที่สุด
เขาสงบจิตใจ สำรวจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยลอบระบายลมหายใจ
นั่นไม่ใช่เมฆไร้ขอบเขตต้นกำเนิดแห่งความโกลาหลที่ได้มาจากการบรรลุคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คัมภีร์เล่มแรกในคัมภีร์นภาแรกเริ่ม ซึ่งเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดแห่งสายหยกพิสุทธิ์แสดงออกมา
แม้จะบรรจุจิตของจักรวาลต้นกำเนิดที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตในตอนที่ฟ้าดินยังไม่เกิด แต่ว่าก็ยังแตกต่างกับเมฆไร้ขอบเขตต้นกำเนิดความโกลาหล
หากไม่ใช่เช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอคงสงสัยว่าตัวเองฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของปลอมแล้ว
อนัตตาต้นกำเนิด มีหนึ่งไม่มีสอง ในโลกมีคนฝึกได้แค่คนเดียว
ก่อนที่เทวกษัตริย์บรรพกำเนิดจะหลุดพ้น เขาครอบครองที่นั่งนั้น ไม่มีคนที่อื่นที่ฝึกฝนได้
ดังนั้นแค่มองละอองดาวนั่นแวบเดียว เยี่ยนจ้าวเกอถึงได้ประหลาดใจ
ทว่าในตอนนี้เขามั่นใจแล้ว นั่นไม่ใช่เมฆไร้ขอบเขตต้นกำเนิดความโกลาหลแห่งหยกพิสุทธิ์
แต่ว่าเป็นแปลงกำเนิด อันดับหนึ่งแห่งห้ากำเนิดแรกเริ่มสายเอกพิสุทธิ์!
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกออยากจะโห่ร้องสรรเสริญ
ย่ำรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์!
ถึงแม้จะไม่ใช่หมัดแปลงกำเนิดที่สมบูรณ์แล้ว แต่ว่าอาศัยเพียงละอองเมฆกลุ่มนี้และรากฐานคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของตัวเอง รวมถึงประโยชน์จากการฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน หมัดแปลงกำเนิดก็กำลังกวักมือเรียกเขาอยู่แล้ว!
ตามหาวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ สุดท้ายกลับเจอวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าเพิ่งกลับบ้าน ในบ้านถึงกับมีวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์กำลังรอเขาอยู่!
ความรู้สึกนี้ช่างเยี่ยมยอดยิ่งนัก
แต่ว่าขณะที่ยินดี เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นไป
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ายังแตกต่างกับแปลงกำเนิดที่อยู่คุ้นเคยอยู่บ้าง
แปลงกำเนิด อันดับแรกแห่งห้ากำเนิดแรกเริ่ม แสดงให้เห็นถึงสภาพต้นกำเนิดแห่งจุดเริ่มต้นของจักรวาล ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีรูปร่าง สงบเงียบ
สิ่งที่เหมือนกับดอกบัวและละอองเมฆบนศีรษะของเยียนตี๋ คล้ายกับไม่ใช่แปลงกำเนิดที่บริสุทธิ์
“ท่านพ่อ จิตพลังนี้หมือนกับแปลงกำเนิด แต่คล้ายกับมีการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลง ทว่าไม่ใช่แปลงกำเนิดแปรเปลี่ยนเป็นต้นกำเนิด กลับเหมือนข้ามจากอันดับแรกในห้ากำเนิดแรกเริ่มไปถึงหลังกำเนิด”
เยี่ยนจ้าวเกอบอกข้อสงสัยของตัวเองออกมา เยี่ยนตี๋ตอบว่า “เจ้าฝึกฝนฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด มีความเข้าใจเป็นของตัวเอง นี่เป็นลักษณะของแปลงกำเนิด แต่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลังกำเนิดอยู่จริงๆ ข้าเรียกมันว่าเมฆแปลงกำเนิด หรือบัวแปลงกำเนิด”
“โอ้” เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายค้นพบจุดที่ไม่ธรรมดา “ไฉนท่านจึงได้เมฆแปลงกำเนิดนี้มา”
สีหน้าเยี่ยนตี๋กลายเป็นประหลาดพิกล นี่เกิดขึ้นกับเขาไม่บ่อยนัก
“ถ้าหากบอกว่าไม่ใช่ข้าตามหาเมฆแปลงกำเนิดนี้จนเจอ แต่มันตามหาข้าจนเจอ เจ้าจะคิดอย่างไร”
………………..