ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1036 การโต้กลับของเยี่ยนจ้าวเกอ
น้ำแข็งแหลกสลาย ในที่สุดร่างจริงของจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าคนทุกคน
นางหลับตาสนิท ยื่นมือออกมาตั้งตรงประดุจดาบ ก่อนจะฟันใส่อากาศ
การฟันนี้ทำให้ความเย็นหายไป อากาศไม่เย็นยะเยือกอีก
แต่ว่าประกายคมไร้สิ้นสุดนี้ ผ่าโลกตรงหน้าด้วยสภาวะเบิกฟ้า!
แสงสว่างพร่างพราวปรากฎ ฟ้าดินแห่งใหม่กำลังจะเปิดออกในมิติอันมืดมิดที่ถูกฟันร้าว
ฝ่ามือของสตรีอาภรณ์ขาวก่อนหน้ายังกระจ่างขาวดุจหยก ทว่าตอนนี้กลับขมุกขมัวมืดมิด กระแสปราณอันงดงามหลายสายไหลออกมาจากด้านในจุดลมปราณบนฝ่ามือของนาง พวกมันผสมกัน ผนึกตัวจับกันกลายเป็นเงาแสงสายหนึ่ง
ภายใต้การครอบคลุมของเงาแสง มือเรียวเล็กเหมือนกับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จะดูคล้ายขวาน แต่ก็ไม่คล้ายขวาน!
จักรพรรดินีลงมือ แสดงให้เห็นถึงจิตแห่งหลักการของคัมภีร์เบิกฟ้าในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสายหยกพิสุทธิ์
นางใช้ฝ่ามือต่างดาบ หมายจะทำลายความโกลาหล แยกความขมุกขมัว กำหนดดินน้ำไฟลม สร้างโลกขึ้นมาอีกครั้ง!
เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นการโจมตีของทวนพระอังคาร ความมืดมัวซัวถูกแสงสว่างพร่างพราวแยกออก เกิดอัคคีไร้สิ้นสุด พาดอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด มีพลังชีวิตไร้สิ้นสุดและอานุภาพไร้ประมาณ
ดาบของจักรพรรดินีก็ได้แยกความมืดเช่นกัน แต่กลับเกิดสายน้ำไร้สิ้นสุด มันพาดขวางอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด ราวกับแฝงความอบอุ่นและพลังชีวิตไร้ประมาณ แต่ก็กักเก็บจิตสังหารและความเย็นยะเยือกเอาไว้
สายน้ำกระจายไปทั่ว มิติอันสับสนอันเกิดจากทิศทางที่กลับด้านภายในแขนเสื้อของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ถูกประกายอุทกซึมผ่าน
ร่างของงูดำพลันขยายใหญ่ขึ้น แบกรถหยก บินออกจากพื้นที่แขนเสื้อของจักรพรรดิเอกภพ
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเห็นดังนั้นก็ไม่นำพา ย้ายมิติเวลาด้วยความรวดเร็ว
เขาได้รับการสืบทอดจากมหาเซียนเจิ้นหยวนแห่งอารามอู่จวง ทั้งยังฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาอันเป็นหนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสายหยกพิสุทธิ์ ศึกษาหลักการของมิติและเวลาล้ำลึกสุดขีด
เขาสั่งความคิด ข้ามการขัดขวางของจักรพรรดินี บรรลุถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ!
จักรพรรดินีสวมอาภรณ์ขาวแขนเสื้อกว้าง ดุจมนุษย์เซียนลงมายังโลกมนุษย์ นางออกจากรถหยกขณะที่สองตายังคงหลับสนิท ไล่ตามจักรพรรดิเอกภพกำเนิดไป
ถึงแม้จะไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์นภาความว่างเปล่าเหมือนกับประมุขประจิมหลางชิง แต่จักรพรรดินีที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็มีความเร็วไม่ด้อยกว่าหลางชิง!
ฝ่ามือที่ขาวราวหยกกำเป็นหมัด สะท้อนแสงสีน้ำเงิน ต่อยใส่กลางหลังจักรพรรดิเอกภพ
จักรพรรดิเอกภพกลับไม่หยุดฝีเท้า ไม่ได้หันกาย ไม่ได้หลบหลีก ไม่ได้ป้องกัน เขาใช้หลังของตัวเองรับหมัดนี้ของจักรพรรดินีตรงๆ
พริบตาที่สองฝ่ายสัมผัสกัน ในดวงตาของจักรพรรดิเอกภพก็มีระลอกคลื่นที่เหมือนกับกระแสเวลาลอยขึ้นมา
เขาถูกกระแสเวลาห่อหุ้ม เวลาในมิติรอบตัวถูกย้อนกลับ!
กาลเวลาที่ย้อนกลับเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่จักรพรรดิเอกภพถูกกำปั้นของจักรพรรดินีต่อยโดน ทำให้ภาพตรงหน้าผู้คนกลับคืนสู่ลักษณะตอนที่หมัดนี้ยังอยู่ห่างออกไป
ทุกคนที่อยู่รอบๆ นอกจากจักกรพรรดินีที่เป็นเซียนจริงแท้เหมือนกันแล้ว มีแต่เยี่ยนจ้าวเกอที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตและเยี่ยนตี๋ที่มีเมฆแปลงกำเนิดคุ้มครอง ถึงพบเส้นสนกลในของมัน
ในสายตาของคนอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับประมุขเช่นพวกเฉาเจี๋ยต่างก็รู้สึกเลอะเลือน ไม่รู้สึกว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์ที่จักรพรรดินีต่อยหมัดโดนจักรพรรดิเอกภพมาก่อน
จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงแค่นเสียง ฝ่ามือที่กำหมัดพลันกางออก นางเปลี่ยนหมัดเป็นกรงเล็บ มือหนึ่งของจักรพรรดิดินีเปลี่ยนกระแสเวลาที่ไร้รูปร่างให้มีรูปร่าง จากนั้นก็จับกระแสเวลานั้นเหมือนกับจับผ้าผืนหนึ่งไว้
จิตความเย็นซัดโหม ความเย็นยะเยือกทำลายความน่าอัศจรรย์ของกระแสเวลา ราวกับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสายน้ำธรรมดา จากนั้นน้ำก็จับตัวเป็นน้ำแข็ง
กระแสเวลาที่เกิดจากปราณเซียนของจักรพรรดิเอกภพถูกแช่แข็งเป็นธารน้ำแข็งในชั่วอึดใจเดียว
หมัดที่สองของจักรพรรดินีต่อยมาอีกครั้ง!
“ฟู่…” จักรพรรดิเอกภพระบายลมหายใจออกยาวๆ จากนั้นก็ไม่ได้หยุดนิ่งหมุนตัว ใช้ร่างของตัวเองรับหมัดของจักรพรรดินีอย่างหักโหม
เขาไม่อาจแก้ไขหมัดนี้ได้ ใบหน้ากระจ่างใสเกิดปราณสีขาววูบหนึ่ง
จักรพรรดิเอกภพสะบัดแขนเสื้อข้างขวา กระแสปราณลอยวนเวียน มีเงาคนโผล่ออกมาจากด้านใน เป็นประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ที่ก่อนหน้าถูกจักรพรรดิเอกภพใช้ท่าเอกภพในแขนเสื้อเก็บไปสะกด ยามนี้เป็นเพราะว่าจักรพรรดิเอกภพถูกจักรพรรดินีโจมตีได้รับบาดเจ็บ จึงถูกกดดันให้ปล่อยออกมา
แต่ว่าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดฉวยโอกาสนี้ ร่างไม่เพียงไม่หยุดลง ยังพุ่งปราดเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเร็วมากกว่าเดิม!
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะใช้การได้รับบาดเจ็บเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อจู่โจมสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ
ตำแหน่งบนหลังของเขาที่ถูกจักรพรรดินีโจมตีโดน มีแสงสีเขียวหลายสายทะลักออกมา
เหมือนกับเมล็ดแตกหน่อ ต้นอ่อนผุดจากดิน จากนั้นก็กลายเป็นต้นไม้สูงเทียมฟ้าในชั่วพริบตา
แสงสีเขียวผสมกัน ราวกับกิ่งใบโอบล้อม ม้วนแขนของจักรพรรดินีไว้ ขัดขวางไม่ให้นางก้าวมาด้านหน้าได้ต่อ
จักรพรรดินีขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นต้นไม้ยักษ์สีเขียวชอุ่มเบื้องหน้าเปลี่ยนจากหนึ่งเป็นมาก กลายเป็นป่าไม้ผืนหนึ่งห้อมล้อมนางไว้ในชั่วพริบตา
ต้นไม้ยักษ์เทียมฟ้ามากมายเชื่อมเงาไม้ บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน ปราณวิญญาณไหลเวียน ก่อเกิดเป็นโลกที่ถูกปิดผนึกใบหนึ่ง
คิดจะทำลายต้นไม้ยักษ์เหล่านี้ จักรพรรดินีไม่อาจหลุดออกมาได้โดยเร็ว
ป่าตรงหน้าคือค่ายกลขนาดยักษ์!
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดวางค่ายกล เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งอันไม่สมบูรณ์ที่เยี่ยนจ้าวเกออาศัยแม่น้ำเฉาเหอวางบนเขารอบวง
จักรพรรดิเอกภพหยุดการเคลื่อนไหวของจักรพรรดินีไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ตัดผ่านอากาศ ปราดมาถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วอึดใจเดียว
ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่แม้ว่าจะเพิ่งหลุดมาได้ แต่ก็ยังสับสนไม่ทราบสถานการณ์ ทว่าพอเห็นเหตุการณ์นี้ ต่อให้ทราบว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ก็เขายังคงช่วยเหลือเยี่ยนจ้าวเกออย่างเต็มที่
“มีสี่คนพอดี…” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฉาเจี๋ย และหลิวเจิงกู่อย่างสงบนิ่ง “ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายหรือ ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย”
นอกจากค่ายกลลงทัณฑ์แล้ว ก็ไม่มีค่ายกลอื่นที่ทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สังหารเซียนได้อีก ต่อให้มี จักรพรรดิเอกภพก็ไม่แยแส เพราะหากพูดถึงค่ายกลแล้ว พูดถึงค่ายกลแล้ว เขาเป็นอันดับที่หนึ่งในห้าจักรพรรดิบนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน!
ชิงซู่จื่อกับนักพรตเชียนหลานที่ตายในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งไม่ได้รับความสามารถด้านค่ายกลของเขามา
เพียงแต่ในอดีตนักพรตสือที่ได้แต่ฟังคำสั่งของพวกเขา เมื่อพูดถึงมรรคาค่ายกลแล้ว ถือว่าโดดเด่นในกลุ่มจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนของโลกซ้อนโลกมาก
นอกจากนักพรตสือจะมีพรสวรรค์ด้านค่ายกลไม่ธรรมดา ก็เกี่ยวพันกับการชี้แนะของจักรพรรดิเอกภพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงด้วย
ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย จักรพรรดิเอกภพมีผังค่ายกลไม่สมบูรณ์อยู่ในมือ ถ้าหากพวกเยี่ยนจ้าวเกอวางค่ายกลนี้ต่อหน้าเขา เขาแค่ดีดนิ้วครั้งเดียวก็ทำลายได้แล้ว
จะมีหรือไม่มีค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ก็ไม่มีข้อแตกต่างใดสำหรับจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ค่ายกลอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน
ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งเมื่ออยู่ต่อหน้า ถ้าหากไม่ใช่ยอดฝีมือที่ได้เปิดประตูเซียนบังคับ จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เพียงเดินผ่านไปตรงๆ!
เขาในตอนนี้เพียงแต่หวั่นวิตถึงจักรพรรดินีที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งพร้อมจะกางค่ายกลชั่วคราวใส่ตนเองได้ทุกเวลา
ดังนั้นจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจึงไม่กล่าวมากความ ทิ่มนิ้วออกใส่กลางคิ้วของเยี่ยนจ้าวเกออีกหนึ่งรอบ
จักรพรรดินีที่อยู่ในป่ารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนอกค่ายกล ใบหน้านางพลันเฉยชาดุจเกล็ดน้ำแข็ง
“กานหยวนจื่อ อย่าใช้ลูกไม้เหล่านี้” หนังตาด้านนอกดวงตาที่ปิดของนางพลันสั่นเล็กน้อย กำลังจะเปิดขึ้น
แต่ว่าไม่ทันไรนางก็ส่งเสียงประหลาดใจ รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดที่ทุ่มเดิมพันครั้งสุดท้ายก็พบความผิดปกติเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอที่เหมือนกับไร้ความเกี่ยวข้องกับสนามรบตรงหน้า เพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งเงียบ รอผลลัพธ์การต่อสู้ของสองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้มีแสงสว่างขึ้นรอบตัว แล้วสาดไปทั่วใต้หล้า!
………………..