ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1093 เสือแม้ดุร้ายไม่กินลูกตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพาเมิ่งหว่านถอย ทางหนึ่งหันไปมองดูสถานการณ์การต่อสู้ที่กำลังดุเดือด
ยอดฝีมือจากโถงเซียนและจอมมารจากนพยมโลก ต่อสู้กับจักรพรรดิไร้จำกัดและจักพรรดริแพรเป็นพัลวัน ไม่อาจบอกว่าใครร่วมมือกับใคร ต่างฝ่ายต่างรุกและป้องกัน
จอมมารนพยมโลกตนนั้นมีร่างใหญ่มหึมาดังหินผา มีปีกสี่ปีก ขาสั้นป้อมขนาดใหญ่โตหกข้าง ร่างกายเหมือนกับถุงผ้าใบใหญ่ ไม่มีหน้าตา
มองดูจากรูปลักษณ์ภายนอกกลับเหมือนตี้หงส์ สัตว์ประหลาดในตำนาน เพียงแต่มันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนถุงเก็บไข่แดงและมีเปลวเพลิงพันรอบเหมือนกับตี้หง มันหน้ามีร่างเป็นสีดำ รอบๆ ตัวห้อมล้อมด้วยเพลิงทมิฬสีดำอมม่วง
มองไปเหมือนกับตี้หงร่วงหล่นสู่วิถีมาร กลายเป็นมารอย่างไรอย่างนั้น
จอมมารตนนี้เดิมตอนแรกมาเพียงตัวเดียว ทว่าในเพลิงมารสีม่วงอมดำที่อยู่รอบๆ ตัวมันกลับมีฟองอากาศมากมายผุดขึ้นมา
ฟองอากาศขนาดยักษ์นั้นส่งเสียเปรี๊ยะๆ แสงสายฟ้ากะพริบอยู่บนผิว เห็นได้ชัดว่าเกิดจากสายฟ้า
ฟองอากาศล่องลอย ดูเปราะบางไม่แข็งแรง
แต่ว่าในตอนที่ฟองอากาศที่เหมือนกับแสงสายฟ้านั้นแหลกสลาย มันก็ขยายออก กอปรกันเป็นมิติต่างแดนที่เป็นเอกเทศแห่งหนึ่ง จากนั้นมิติก็แหลกสลาย กลายเป็นคลื่นคลั่งที่น่ากลัวกว่าเดิม
หนึ่งสายฟ้าเหมือนกับโลกหนึ่งใบ
มิติพังทลาย ฟ้าดินรอบๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง
จอมมารที่ดูเหมือนกับตี้หงตนนี้ไม่ได้ฝืนหักหาญกับพวกจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัด แต่อาศัยความน่าอัศจรรย์ของสายฟ้า คอยลอบโจมตีอยู่ด้านข้าง
ในสถานการณ์ที่จักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัด กับสองกษัตริย์จากโถงเซียนกำลังสะกดกัน กลับทำอะไรจอมมารตนนั้นไม่ได้ชั่วขณะ
‘เป็นสายฟ้าอนัตตาเชียวหรือนี่’ เยี่ยนจ้าวเกอมองดูดวงสายฟ้าขนาดยักษ์ที่เหมือนกับฟองอากาศ “ตี้หงเดิมทีก็เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงของมิติอยู่แล้ว เมื่อได้หลอมเปลี่ยนสายฟ้าอนัตตา ก็เหมือนกับพยัคฆ์ติดปีก”
พวกจักรพรรดิแพรคิ้วขมวด ขณะมองเหตุการณ์นี้ก็เริ่มอดกลั้นไม่อยู่
ถึงอย่างไรทุกคนก็สู้กับนพยมโลก หากเวลาผ่านไปนานเข้า จะดึงดูดยอดฝีมือระดับสุดยอดของนพยมโลกมาโจมตีมากกว่าเดิม หรืออาจจะถึงขึ้นดึงดูดผู้ยิ่งใหญ่แห่งวิถีมารที่มีระดับสูงกว่ามาด้วย
ถูกจอมมารตี้หงตนนี้คอยรบกวนเหมือนกับเงาตามตัว และพร้อมเผยตำแหน่งของพวกเขาออกมาทุกเมื่อ
จอมมารที่ลักษณะเหมือนตี้หงตนนี้เห็นได้ชัดว่ากลอกกลิ้งยิ่ง มันมีสติปัญหาและไม่ได้ใจร้อน กลับต่อสู้เหมือนคนที่มีความคิด
ในตอนที่ทุกคนตั้งใจจะจัดการจอมารตนนี้ บริเวณที่อยู่ไกลออกไปซึ่งมีปราณมารพาดขวางกันพลันแว่วเสียงดังมา
ธารอัคคีสีแดงสายหนึ่งผ่าอากาศออกมา ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน
เยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิไร้จำกัดเห็นดังนั้นก็งงงันเล็กน้อย
‘ทวนพระอังคาร?’
ทะเลเพลิงลุกโชนขจัดปราณมารสีดำสนิทรอบๆ ตรงกลางทะเลเพลิงปรากฏเทพอัคคีเหยียบมังกรเพลิงสองตัว เป็นร่างแปลงของทวนพระอังคารนั่นเอง
องค์เทพที่ถูกเพลิงครอบคลุม พอเห็นจอมมารตี้หงกลับไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่พอเห็นกษัตริย์จากโถงเซียนสองคนก็เกิดความฉงนขึ้นมา “คนจากเต๋านอกรีตหรือ”
หงส์อมตะน้ำแข็งตัวนั้นพูดด้วยภาษามนุษย์ “ทวนพระอังคารหรือนี่ ถึงกับมาเจอกันในนพยมโลกแห่งนี้ วันนี้พวกเราไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว!”
มันกระพือปีก สลัดหลุดจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอ พุ่งเข้าหาทวนพระอังคารโดยตรง
ทวนพระอังคารถึงแม้จะประหลาดใจ แต่ก็ไม่เกรงกลัว พัดเพลิงโหมไร้สิ้นสุดขึ้นมา ปะทะกับน้ำแข็งเย็นเยียบนั้น สองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด
ด้านในรัศมีหมื่นลี้ของผนึกน้ำแข็งซึ่งอยู่ระหว่างฟ้าดินยังคงมีแสงเพลิงกะพริบตลอดเวลา
อีกด้านหนึ่ง ถึงแม้ยอดฝีมือจากโถงเซียนซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัดจะลดลงไปคนหนึ่ง แต่จอมมารตี้หงที่เจ้าเล่ห์ตัวนั้นกลับเริ่มเล็งเป้าหมายมาที่พวกเขา เกิดเป็นสภาวะร่วมมือกับยอดฝีมือจากโถงเซียนอีกคนอย่างรางๆ
กษัตริย์ถึงอย่างไรก็เป็นกษัตริย์ ต่อให้จะมาจากโถงเซียนก็มีพลังแข็งแกร่งสุดขีด
ไม่ว่าจะเป็นทวนพระอังคาร จักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัด หรือจอมมารตี้หงตนนั้น ก็ไม่มีผู้ใดที่ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสุดยอด แต่การต่อสู้กับกษัตริย์โถงเซียนหนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ได้ง่ายเลย
ถึงจะมาจากโถงเซียน แต่สามารถมาถึงระดับในตอนนี้ได้ ก็ต้องเป็นคนที่โดดเด่นอยู่แล้ว
กระนั้นเมื่อเทียบกับจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัด เป้าหมายอันดับแรกของกษัตริย์โถงเซียนผู้นี้ก็ยังเป็นเยี่ยนจ้าวเกอกับกงจักรมหาประกายกาฬ!
เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตสถานการณ์รบ ขณะเดียวกันก็เผชิญอันตรายอย่างไม่กริ่งเกรง พาเมิ่งหว่านเข้าใกล้สนามรบ
สายฟ้าอนัตตาที่เพิ่งจะแหลกชิ้นหนึ่งระเบิดออกมาทำให้มิติรอบๆ บิดเบี้ยว
ชายหนุ่มคว้าโอกาสได้อย่างหมดจด ฉวยโอกาสหลังจากสายฟ้าระเบิด พลังทำลายล้างลดลง พุ่งเข้าไปในมิติที่ปั่นป่วนผลกระทบที่เกิดกับมิติยังไม่หายไป!
ในสองตาของเขาเปล่งประกายสีแดงเลือนราง บัดนี้ลอบโคจรเคล็ดวิชาในกระบี่ลวงเซียน เคลื่อนไหวในกระแสปั่นป่วนของมิติที่สับสน ออกห่างจากสนามรบอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังมีเสียงแค่นหัวเราะดังมา ทรายเหลืองกว้างใหญ่ม้วนพัดพุ่งตามมาติดๆ
ส่วนด้านในมิติบังเกิดจิตมารเทียมฟ้า ปิดล้อมเข้ามาจากสี่ทิศแปดทาง!
จอมมารตี้หงตนนั้นเหมือนกับทำสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งวิถีมารจำนวนมากกว่าเดิมบนนมยมโลกในที่สุดก็มาที่นี่
สถานการ์ณการต่อสู้ของสองฝ่ายโกลาหลมากกว่าเดิม การเคลื่อนไหวของกษัตริย์จากโถงเซียนผู้นั้นถูกถ่วงให้ช้าลง เยี่ยนจ้าวเกอกับเมิ่งหว่านหายไปจากที่เดิม
ทั้งคู่ล่องลอยไปตามมิติที่ปั่นป่วน ตอนที่ภาพตรงหน้ากลับคืนสู่ลักษณะเดิม สุดท้ายก็ออกจากสถานที่ต่อสู้ก่อนหน้าสำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสถึงความแปรปรวนของปราณมารในเขตมารแห่งนพยมโลก หันไปมองอีกทางหนึ่ง
ทางด้านนั้นยังคงเห็นลำแสงหลายสายกะพริบได้อยู่ เป็นแสงแห่งความตาย
เมิ่งหว่านกล่าวเสียงเบา “ขอบคุณศิษย์พี่เยี่ยนที่ช่วยเหลือ”
“ไม่ต้องเกรงใจ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบพร้อมกับมองทิศทางนั้น
เมิ่งหว่านลังเลเล็กน้อยค่อยกล่าวว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน ท่านพ่อเขาสุดท้าย…”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะบอกเล่าสถานการณ์ของจักรพรรดิแพร และการคาดเดาก่อนหน้าของตนให้เมิ่งหว่านฟังคร่าวๆ
แม้ว่าจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งหว่านก็ยังประหลาดใจเหลือแสน “…ต้องการสังหารข้ากับ…พี่สาวของข้า?”
“ตอนนี้ยังเป็นแค่การคาดเดาของข้า แต่ที่ข้าคาดไว้สมควรไม่ผิด บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือในนพยมโลกแห่งนี้มากที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเสียงทุ้ม “ถึงจะบอกว่าเสือแม้ดุร้ายแต่ไม่กินลูกตัวเอง แต่เสือตัวนี้ปัจจุบันผิดปกติ”
หลังจากเว้นครู่หนึ่งแล้ว เขาก็กล่าวเสริมว่า “นอกจากเจ้าแล้ว เป้าหมายของเขาอาจจะเป็นข้า หากลงมือในนพยมโลกจะไม่มีใครรู้ ทุกอย่างสามารถผลักไปที่เหล่ามารในนมยมโลกได้ ถือว่าเหมาะสมเป็นที่สุด”
เมิ่งหว่านได้ยินก็กล่าวเสียงเบา “พวกเราตอนนี้ออกจากสายตาของจักรพรรดิไร้จำกัด คงสะดวกลงมือกว่าเดิมกระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “นี่กลับเป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ นับว่าข้าทำให้เจ้าลำบากไปด้วยแล้ว กษัตริย์โถงเซียนสองคนนั้นมาหาข้า ดูจากการคุกคามแล้ว พวกเขาอันตรายกว่าบิดาเจ้าเสียอีก คิดจะสร้างความลำบากให้แก่ข้าอย่างแน่นอน ความคิดในตอนนี้ของจักรพรรดิแพรเปลี่ยนแปลงมากมายยากหยั่งคาด”
“ศิษย์พี่เยี่ยนกล่าวอะไรเช่นนั้น ท่านจะทำให้ข้าลำบากไปด้วยได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ในสถานการณ์เมื่อครู่ ต่อให้ท่านพ่อไม่ลงมือ ข้าก็เกรงว่าอาจจะตายคาที่ไปแล้ว” เมิ่งหว่านกล่าว “เป็นข้าทำท่านลำบากไปด้วยถึงจะถูก”
นางมีจิตใจแจ่มใส หลังจากทราบลำดับเหตุการณ์ ก็คิดอะไรออกมากมาย “มาตรแม้นจะพลัดหลงกัน ท่านพ่อก็เกรงว่าจะมีวิธีตามหาข้าเจอ ท่านพาข้าร่วมทางไปด้วยรังแต่จะถูกเจอตัว”
เยี่ยนจ้าวเกอพานางหนีต่อ ทางหนึ่งเคลื่อนไหว ทางหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าหากอวิ๋นเซิงได้เจอเจ้าในวันที่กลับมา คงจะดีใจเป็นพิเศษ รู้สึกยินดีเหลือล้นแน่”
เมิ่งหว่านกล่าวเสียงเบา “ศิษย์พี่เยี่ยนมอบอะไรให้ศิษย์พี่เฟิงได้มากมาย ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเพราะข้า”
“เทียบกับ ‘ข้าคิดจะให้อะไร’ แล้ว…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงเบา “เจ้าไม่รู้สึกว่าการตอบคำถาม ‘นางชมชอบอะไร’ ให้ถูกต้องจะประเสริฐกว่าหรอกหรือ”
เมิ่งหว่านมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก
ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เยี่ยนจ้าวเกอก็แยกเขี้ยว “ถึงแม้ข้าจะทราบว่าบิดาของเจ้าจะตามหาเจ้าเจอ แต่ก็เร็วเกินไปหน่อยกระมัง เตรียมตัวไว้อยู่แล้วจริงๆ ด้วยหรือนี่”
เสียงยังไม่ทันขาด มิติพลันสั่นไหว ถึงกับมีปราณมีม่วงยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้น!
………………..