ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 111 พิธีชำระล้างน้ำพุกิเลน
พิธีชำระล้างที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักมีอยู่มาก และจำนวนไม่น้อยที่มีผลที่ดีมาก
แต่ที่มีคุณสมบัติภายนอกครบตามเงื่อนไขนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น และพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนของเขากว่างเฉิง ก็มีจุดที่เป็นผลดีกับเยี่ยนจ้าวเกออยู่
เขากว่างเฉิงมีน้ำพุสวรรค์ประจักษ์เป็นของตัวเอง เมื่อจอมยุทธ์ได้เข้าพิธีชำระล้างภายในนั้น ก็จะเกิดผลดีอย่างยิ่งยวด พิธีชำระล้างนี้ถูกเรียกว่าพิธีชำระล้างน้ำพุสวรรค์
ในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ พิธีชำระล้างน้ำพุสวรรค์สามารถนับได้เพียงว่าอยู่ในระดับกลางค่อนสูงเท่านั้น
แต่ถ้าหากเพิ่มหินกิเลนเข้าไป กลายเป็นพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลน นั่นก็จะเป็นพิธีชำระล้างที่อยู่ในระดับสูงมาก
เพียงแต่ว่าจำนวนของหินกิเลนมีจำกัดอย่างยิ่ง ใช้ไปหนึ่งก้อนก็น้อยลงไปอีกหนึ่งก้อน
จนถึงปัจจุบัน หินกิเลนทั้งหมดของเขากว่างเฉิงเหลือเพียงแค่สามก้อนเท่านั้น การใช้ทุกๆ หนึ่งก้อนล้วนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ
เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ เมื่อการสอบสวนของเฟิงอวิ๋นเซิงสิ้นสุดลง หากสามารถฟื้นฟูจันทรากายของนางได้จริงๆ แล้วละก็ ทางสำนักก็จะเตรียมให้นางเข้าพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนหนึ่งครั้ง
ดังนั้นหินกิเลนที่เขากว่างเฉิงมีอยู่ขณะนี้ แท้จริงแล้วเหลือเพียงแค่สองก้อนเท่านั้น หรือกล่าวได้ว่าโอกาสที่จะเข้าพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนได้มีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
ตนเองได้รับรางวัลเป็นพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความดีความชอบที่ถังตะวันออกครั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเอาชนะเฉาหยวนหลงและเซียวเซิงได้ติดต่อกัน แสดงศักยภาพและพลังความสามารถที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ผ่านมา
ซึ่งเหตุผลหลังน่าจะเป็นเหตุผลหลักเสียมากกว่า
“ข้าจะระวังตนเองมากขึ้น และพยายามฝึกฝนขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
สือเถี่ยผงกศีรษะ “อีกเดี๋ยวเจ้าตามมารับหินกิเลนกับข้า ส่วนพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนของเจ้า ศิษย์น้องเยี่ยนจะเป็นผู้ดำเนินการ”
เยี่ยนจ้าวเกอเดินตามสือเถี่ยออกไป ชายชราบนที่นั่งถัดลงมาจากหยวนเจิ้งเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้กลับพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “สร้างผลงานได้ แต่ก็ก่อเรื่องวุ่นวายได้เช่นกัน บ้าดีเดือดเกินไปแล้ว
หยวนเจิ้งเฟิงโบกมือไม้โบกมือ “ไม่เหมือนกับรุ่นเยาว์คนอื่นๆ เรื่องที่จ้าวเกอก่อ โดยส่วนมากเขาก็มีวิธีเก็บกวาดของตนเอง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นมาตามเช็ดล้างให้ ก็เหมือนกับเรื่องใหญ่ที่เกิดในถังตะวันออกครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เปลี่ยนจากเรื่องวุ่นวายให้กลายเป็นเรื่องที่ดีได้ นั่นยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
หญิงชราผู้นั้นส่ายหน้า “แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโชคดีได้ทุกครั้ง”
“โชคดีได้ทุกครั้ง ก็หมายความว่าไม่ได้พึ่งแต่ความโชคดีเท่านั้น” หยวนเจิ้งเฟิงยิ้ม “คนหนุ่มสาวต้องมีประสบการณ์บ้างถึงจะถูก มิเช่นนั้นพออายุเท่าพวกเราปูนนี้ ก็คงจะเก็บตัวยิ่งกว่าพวกเราไม่ใช่หรือ ถึงเวลานั้นคงจะเป็นการนอนรอเวลาเข้าโลงแล้วจริงๆ”
ผู้อาวุโสเก่าแก่ทั้งสองนิ่งเงียบ แต่ฟางจุ่นที่อยู่ด้านข้างกลับอมยิ้ม
เยี่ยนตี๋ลุกขึ้นคำนับให้หยวนเจิ้งอย่างเงียบๆ ครั้งหนึ่ง “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์อาทั้งสองท่าน ข้าขอตัวไปเตรียมกิจธุระของพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนก่อนนะขอรับ”
กว่าเยี่ยนจ้าวจะได้พบกับบิดาของตนอีกครั้ง ก็เป็นตอนที่อยู่ข้างน้ำพุสวรรค์ประจักษ์แล้ว
มองจากภายนอก น้ำพุสวรรค์ประจักษ์เหมือนกับกระจกหินหยกสีขาว ตรงพื้นผิวไม่มีเงาสะท้อนเลยสักนิด สีของน้ำพุเป็นสีขาวขุ่นเหมือนสีของน้ำนม
ภายในนั้นเต็มไปด้วยพลังชีวิต แม้ไม่มีรูปร่าง แต่เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ น้ำพุ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งและสบายใจ
ส่วนหินกิเลนเป็นหินวิเศษที่มีสีแดงเพลิง มีลักษณะกึ่งโปร่งแสง ด้านในราวกับมีเงาเคลื่อนไหวอยู่รางๆ มองดูแล้วราวกับกิเลน สัตว์เทพในตำนาน และเหมือนกับเพลิงไฟที่กำลังลุกโชน
เยี่ยนจ้าวเกอนำหินกิเลนส่งให้เยี่ยนตี๋ ผู้เป็นบิดางอนิ้วดีดออกไป หินกินเลนพลันลอยขึ้นไปกลางอากาศเหนือน้ำพุ ฝ่ายชายหนุ่มใช้พลังตรึงหินเอาไว้ไม่ให้ตกลงมา
สายตาของเยี่ยนตี๋มองไปยังน้ำพุสวรรค์ประจักษ์ ที่ผิวน้ำแน่นิ่งราวกับของแข็ง
แต่จู่ๆ ผิวน้ำพุก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นมา ราวกับน้ำเดือดก็ไม่ปาน
จากที่แน่นิ่งอย่างยิ่ง ในชั่วขณะนี้กลายเป็นคลื่นที่กระเพื่อมไม่หยุด
กระแสน้ำหลายสายพุ่งตรงขึ้นฟ้า โดยมีหินกินเลยเป็นศูนย์กลาง และแผ่ออกกลายเป็นน้ำพุ
ชายหนุ่มก้าวเดินไปในทันที ร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศเหนือน้ำพุสวรรค์ประจักษ์ เขานั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ค่อยๆ จมลงไปในน้ำพุทั้งตัวอย่างช้าๆ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอจมลงไปในน้ำทั้งตัวแล้ว กระแสน้ำที่มีรูปร่างเหมือนร่มด้านบนก็ประคองหินกิเลนลงไปด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นหินกิเลนสลายไปในน้ำพุอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสน้ำสีแดงหลายสาย ผสมปนเปอยู่กับน้ำพุสีขาวสะอาด และหมุนเวียนอยู่รอบกายของเขา
ความรู้สึกที่อยู่ในน้ำพุสวรรค์ ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่อยู่ในน้ำเลย อีกทั้งไม่แตกต่างจากการอยู่ในโลกภายนอกแต่อย่างใด
ถึงกระนั้นทั่วทั้งร่างกายกลับมีความรู้สีกเหมือนถูกแช่แข็ง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ราวกับเป็นแมลงที่อยู่ในอำพัน
แสงสีแดงเหล่านั้น เคลื่อนตัวไปมาในน้ำสีขาวขุ่น และค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง!
หัวเป็นมังกร ลำตัวเป็นกวาง หางเป็นวัว ขาเป็นม้า
โอ่อ่าผ่าเผย สว่างไสวน่าเกรงขาม
นั่นก็คือกิเลนตัวหนึ่ง!
แสงสีแดงจากกิเลนปกคลุมไปทั่วร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอ ห้อมล้อมเขาเอาไว้ตรงกลาง
แสงจากกิเลนนี้ค่อยๆ หดเล็กลงตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป คล้ายกับว่ากำลังหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอ
ส่วนในน้ำพุสีขาวขุ่นนั้นมีพลังชีวิตจำนวนมากถูกเหนี่ยวนำไว้ด้วยกัน หลอมรวมเข้าไปในร่างกายของเขาด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ปิดเปลือกทั้งสองข้างลง ขับเคลื่อนพลังปราณอย่างช้าๆ ซึมซับเอาพลังชีวิตเข้าไป และคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง
‘จุดชี่ไห่ขยายขึ้นอีกขั้น สามารถกักเก็บปราณจิตราได้มากขึ้น…’
‘ชีพจรก็แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น สามารถรองรับการปะทุของพลังที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นได้…’
‘ไขกระดูกและหลอดเลือดก็กำลังถูกทำให้แข็งแกร่งขั้น ความสามารถในการสร้างเลือด และความสามารถในการฟื้นตัวก็เพิ่มขึ้น…’
‘แม้แต่ความรู้สึกนึกคิดก็คล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นอีกด้วย…’
‘ไม่ใช่ผลลัพธ์เพียงชั่วขณะเท่านั้น แต่มีส่วนช่วยสำหรับการฝึกฝนระยะยาวในภายภาคหน้า’
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย แสดงถึงความพึงพอใจในผลลัพธ์เป็นอย่างมาก
หลังจากพิธีชำระล้างเสร็จสิ้นลง เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกมาจากน้ำพุสวรรค์ ยืนเงียบอยู่ข้างน้ำพุไม่ขยับเขยื้อน
เยี่ยนตี๋ก็ไม่ได้เร่งรัดเช่นกัน ทว่ายืนรออยู่อีกฝั่งหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าปราณจิตราทั่วร่างกายกำลังกระเพื่อมไม่หยุด ทั้งยังส่งเสียงคำรามออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นเสียงราวกับเสียงคำรามของมังกรฟ้าที่ยาวนานไม่มีสิ้นสุด!
เสียงคำรามยาวนี้ดังออกไปทั่วสารทิศ ดังก้องสะเทือนใจทุกคน
หลังจากผ่านไปนาน เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดส่งเสียงคำรามลงแล้วขยับร่างกายเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่ารากฐานของตนหนาแน่นมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มหันศีรษะมายิ้ม พลางกล่าวว่า “สมกับเป็นพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนจริงๆ”
“ตั้งใจฝึกฝน” เยี่ยนตี๋ยิ้มเล็กน้อย “ครั้งนี้เจ้ากลับมา ข้าจะไม่ทดสอบความสามารถของเจ้าแล้ว เจ้าเด็กน้อยทั้งหลายของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นการยืนยันความก้าวหน้าของเจ้าแล้ว”
“เพิ่งจะเสร็จสิ้นพิธีชำระล้าง เจ้ากลับไปที่พักไปแล้วฝึกปราณจิตราอีกสักหน่อยแล้วกัน ของที่นำกลับมาจากอัคคีพิภพและมอบให้เจ้าครั้งนี้ได้ ก็วางไว้ในที่พักของเจ้าแล้ว”
ในแววตาทั้งสองของเยี่ยนตี๋ปรากฏความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน “เดี๋ยวเจ้าก็จะต้องไปภูผาพิภพแล้ว เจ้ากลับที่พักไปเตรียมตัวให้ดีเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านพ่อวางใจเถิด ข้าจะไม่ประมาท”
เมื่อกลับถึงที่พัก เยี่ยนจ้าวเกอพบสมบัติจำนวนมากวางอยู่ในนั้น อาหู่ที่นั่งเฝ้าที่นั่งเฝ้ากองสมบัติอยู่ กำลังยิ้มตาหยีจนไม่เห็นฟัน
เขาตรวจนับอยู่ชั่วครู่ สิ่งของที่ตนจำเป็นต้องใช้อย่างยิ่ง หลายๆ อย่างก็อยู่ที่นี่แล้ว
“ไหนข้าดูหน่อย กระจกเมฆเคลื่อน…กระดูกไฟใต้ดิน…หยกลายเพลิง…เถาวัลย์ป่ายฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “นับเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่เชียว!”
ของทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ได้ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และอัคคีพิภพ
สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ของล้ำค่าเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่ในสภาวะที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ในยามปกติ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีการจำกัดการส่งออกของล้ำค่าเหล่านี้อย่างเข้มงวด การจะนำของล้ำค่าที่มีแหล่งผลิตจากนภาพิภพไปแลกนั้นยากยิ่งกว่า และต่อให้แลกเปลี่ยนกันได้ ก็เป็นเพียงแค่ของที่อยู่ในระดับรองลงมาเท่านั้น
ทว่าคราวนี้ สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกออยากได้ เขาล้วนได้มาตามที่ต้องการ อีกทั้งปริมาณและคุณภาพก็เป็นของชั้นดีมากด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบกระจกเมฆเคลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับแรก แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “กระจกเมฆเคลื่อนหลอมกับไข่มุกกลั่นโลหิต คราวนี้ก็ได้หลอดเลือดปีศาจแล้ว”
………………..