ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1132 ผู้เสนอราคาสูงได้ไป
ในที่สุดก็ใกล้จะครบหนึ่งปี
ในช่วงนี้ มีข่าวของตึกความลับฟ้าส่งออกมาอีกเป็นจำนวนมาก
มีการลือกันว่าที่นี่จะจำหน่ายยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้น อันเป็นของวิเศษของสำนักฟ้าเร้นซึ่งเป็นสำนักใหญ่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เท่านั้น
สำหรับสำนักระดับเล็กไปจนถึงระดับกลาง วรยุทธ์ของสำนักฟ้าเร้นย่อมโดดเด่น
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกัน สำนักฟ้าเร้นมีเพียงการโจมตีธรรมดา การป้องกันก็ธรรมดาเช่นกัน
แต่ในกรณีเดียวกัน สำนักฟ้าเร้นกลับโดดเด่นถึงขีดสุด ถึงขั้นที่โด่งดังขึ้นบนโลกก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นั่นเป็นเพราะท่าร่างและท่าหลบเร้นที่โดดเด่น และไม่มีใครเลียนแบบได้
กอปรกับได้ศึกษาและสร้างของวิเศษขึ้นมาบนพื้นฐานนี้ ช่วยให้คนเคลื่อนย้ายมิติ หนีจากห้วงอันตรายได้ นั่นก็คือยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นนี่เอง
ยันต์ใบหนึ่งสามารถใช้ได้เจ็ดครั้ง
นอกจากนี้ หากต้องการ โอกาสเจ็ดครั้งนี้สามารถใช้ได้ติดต่อกัน มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมยิ่ง
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหนีรอดได้ในทุกสถานการณ์ แต่ก็ทำให้ทุกคนเกิดความต้องการ
ถ้าใช้อย่างเหมาะสม นี่จะเทียบเท่ากับมีทางรอดชีวิตอีกหลายเส้นทางเพิ่มขึ้นมา ไฉนจะไม่ทำให้ผู้คนสนใจ
สุราภูตผี ยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นทำให้คนทั่วทั้งโลกซ้อนโลกวิพากษ์วิจาร์ณด้วยความสนใจ แต่ไม่ทันไรทางตึกความลับฟ้าก็มีข่าวส่งออกมาอีกว่าจะจำหน่ายกระดานก่อนพิรุณด้วย
ข่าวนี้พอกระจายออกไป ทีแรกคนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกงงงันเล็กน้อย เพราะชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูนัก
ทว่าไม่ทันไร หลัวเป่ย บุคคลชนชั้นแม่ทัพรุ่นที่สอง บุตรคนโตของประมุขตระกูลจากตระกูลหลัวแห่งยอดเขาพยัคฆ์กระโจน ก็มาที่ตึกความลับฟ้าทันที
ถึงแม้หลัวเป่ยจะพยายามเคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างเต็มที่ แต่ข่าวก็ยังหลุดออกไปเพราะความตั้งใจของใครบางคน
คนอื่นๆ เริ่มนึกอะไรออกแล้ว
ตระกูลหลัวยอดเขาพยัคฆ์กระโจนเป็นปรมาจารย์ค่ายกลที่มีชื่อเสียง ไม่เพียงแต่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเขตมหานภากลางเท่านั้น ยังโด่งดังในโลกซ้อนโลกมากเช่นกัน
นอกจากสามกษตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบแล้ว ผู้คนต่างยอมรับว่าระดับด้านมรรคาค่ายกลของตระกูลหลัวแห่งยอดเขาพยัคฆ์กระโจนบนโลกซ้อนโลกมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
บิดาของหลัวเป่ย หลัวไป๋หยวนประมุขตระกูลหลัว ตอนนี้ยังโด่งดังในฐานะยอดฝีมือด้านค่ายกลอันดับหนึ่งในหมู่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนด้วย
จนกระทั่งหลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอได้สังหารยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ด้วยค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งในเขตเพลิงทักษิณ ก็ทำให้รัศมีบนศีรษะของหลัวไป๋หยวนจางลงไปหลายส่วน
หากแต่ยังคงไม่มีใครสงสัยถึงความแข็งแกร่งในมรรคาค่ายกลของตระกูลหลัวแห่งยอดเขาพยัคฆ์กระโจน
หลัวเป่ยในฐานะบุคคลชั้นแม่ทัพรุ่นที่สองของตระกูลซึ่งหลัวไป๋หยวนเชื่อถือที่สุด มีพลังโดดเด่นถึงขีดสุดอยู่แล้ว
ครั้งกระโน้นนักพรตสือที่ตายใต้เขากว่างเฉิง แม้มีระดับพลังฝึกปรือต่ำกว่าผู้วิเศษเซิง แต่ก็มีชื่อเสียงไม่ต่ำทราม ระดับค่ายกลของเขาถือเป็นตัวตนแถวหน้าในหมู่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนบนโลกซ้อนโลก
ทว่าในฐานะที่มีเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นะสพานเซียนระยะต้นเหมือนกัน ก็มีคนพูดกันว่าหลัวเป่ยยังเหนือกว่านักพรตสือขั้นหนึ่ง
บุคคลชนชั้นนี้หลังจากได้ยินข่าวของกระดาษก่อนพิรุณแล้วก็เร่งรุดมาถึง จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนไปโดยปริยาย
ไม่ทันไร ทุกคนในที่สุดก็ทราบถึงประสิทธิผลของกระดานก่อนพิรุณเพราะมีคนจงใจเปิดเผย
กระดานก่อนพิรุณตั้งตามความหมาย ‘ซ่อมแซมหน้าต่างก่อนพิรุณ’
ทุกคนทราบดีว่าความแข็งแกร่งของค่ายกลอาศัยฟ้าดิน แต่มีได้ก็ต้องมีเสีย ค่ายกลเมื่อวางแล้วจะเกิดเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย
คิดจะแสดงประสิทธิผลของค่ายกลที่แข็งแกร่งจำนวนมากอย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีกาละฟ้า ชัยภูมิดิน และประชากรหนุน จะขาดไม่ได้เลยสักอย่างเดียว
อย่างเช่นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งที่เยี่ยนจ้าวเกอวางในตอนนั้น ก็จำเป็นต้องยืมสภาวะของสายน้ำขนาดใหญ่ถึงจะใช้ได้เช่นกัน
คำว่า ‘ขนาดใหญ่’ ในที่นี้ต้องใหญ่มากพอจริงๆ ใหญ่จนทอดตัวไปทั่วโลกซ้อนโลก และสิ่งที่สอดคล้องกับเงื่อนไขมีแม่น้ำเพียงไม่กี่สายเท่านั้น
นอกจานี้มีค่ายกลที่แข็งแกร่งบางค่ายกล สามารถวางได้ในสถานการณ์ที่เงื่อนไขไม่ครบ ทว่าอานุภาพจะลดน้อยถอยหลัง
คิดจะวางค่ายกลโดยไม่สนใจชัยภูมิดิน ไม่สนใจสภาพแวดล้อม ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
โดยเฉพาะในหลายๆ ครั้ง การใช้งานในความจริงยังติดที่เวลาเร็วช้า
ถ้าหากสามารถกางค่ายกลได้ทันที นั่นย่อมประเสริฐสุด ถ้าหากต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง นั่นนอกจากต้องซุ่มโจมตีแล้ว จะใช้ได้เหมาะสมหรือไม่ก็ยากจะบอกได้
ถึงอย่างไรสถานการณ์รบที่แท้จริงก็มีการเปลี่ยนแปลง สถานการณ์เปลี่ยนแปลงนับพันนับหมื่น
คนที่สามารถกางค่ายกลได้ทันที และมีอานุภาพไม่อ่อนแอ นั่นต้องเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกลระดับสุดยอด เช่นชนชั้นนักพรตสือและหลัวเป่ย
ตระกูลหลัวแห่งยอดเขาพยัคฆ์กระโจนขึ้นชื่อในเรื่องค่ายกล แต่คนที่ทำถึงจุดนี้ได้มีเพียงไม่กี่คน
กระดานก่อนพิรุณปรากฏขึ้นมาเพราะสาเหตุนี้
นี่เป็นอารยธรรมก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และหายสาปสูบไปหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ดูจากความหมาย ซ่อมแซมกระจกก่อนพิรุณ ประโยชน์ของของวิเศษชิ้นนี้คือการทำให้คนตระเตรียม สำรองวิชาลับไว้ด้านในได้ก่อน เวลาที่จำเป็นต้องใช้ ค่อยเปิดค่ายกลขึ้นมาในพริบตา
ขณะที่สู้กับผู้คน หากใช้กระบวนท่านี้อย่างกะทันหัน ย่อมกำหนดสถานการณ์รบได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าไม่ใช่ค่ายกลใดๆ ก็สามารถูกสำรองใช้ไว้ก่อนได้
ขณะเดียวกันข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดของค่ายกลนี้อยู่ที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียว ทว่าความล้ำค่าของของสิ่งนี้ยังคงไม่ต้องอธิบายมากความ
ตระกูลหลัวให้ความสำคัญกับค่ายกลนี้ถึงเพียงนี้ นับว่าอยู่ในความคาดหมาย
ด้านหนึ่ง คนในตระกูลหลัวไม่ใช่ว่าสามารถกางค่ายกลสู้กับศัตรูได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทุกคน ของชิ้นนี้ย่อมมีส่วนช่วยพวกเขา
อีกด้านหนึ่ง ถ้าหากว่าถูกคนอื่น หรือว่าถูกศัตรูของตระกูลหลัวได้ไปครอง นั่นจะต้องเป็นการลบข้อได้เปรียบในด้านค่ายกลของตระกูลหลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
แล่นเรือทวนน้ำ ไม่คืบหน้าก็ถอยหลัง
ตนเองก้าวอยู่กับที่ แต่อีกฝ่ายกลับรุดหน้า นั่นเท่ากับตัวเองกำลังถอยหลัง ตระกูลหลัวย่อมร้อนใจ
คนอื่นๆ ที่ได้ข่าวต่างก็เกิดความโกลาหลโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ของจะยังไร้ร่องรอย ทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ แต่การจับจองไว้ก่อนไม่มีทางขาดทุน
เหตุผลนี้ก็ใช้กับสุราภูตผีและยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงก่อนที่จะครบหนึ่งปี ตึกความลับฟ้าก็ได้ส่งข่าวออกมาว่าจะจำหน่ายเตาผลึกหินชั้นในเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้คนจึงคลุ้มคลั่งกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าคนที่ไม่มีวัตถุดิบสำหรับหลอมอุปกรณ์ ก็เหมือนกับสตรีที่ดีหุงเข้าไม่ได้เพราะไร้ฟืน แต่ว่าคนที่มีวัตถุดิบเปี่ยมล้น หลังจากมีเตาผลึกหินชั้นในแล้ว ความเร็วในการหลอมอาวุธของตัวเองจะเพิ่มขึ้นในระดับสูง ได้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องการมาเร็วกว่าที่คาดการณ์
ยังเป็นประโยคนั้น สำหรับสำนักที่มีความทะเยอทะยานแล้ว ท่านไม่ต้องการ คู่ต่อสู้ของท่านต้องการ แล้วท่านจะทำอย่างไร
ชั่วขณะนั้น ตึกความลับฟ้าที่ยังไม่ได้เปิดอย่างแท้จริง กลับมีคนชุมนุมคึกคัก แทบจะถูกคนที่มาถึงย่ำธรณีประตูจนพังเสียหาย
แต่ว่าตึกความลับฟ้ากลับประกาศกับภายนอกว่า เป็นเพราะมีจำนวนจำกัด จึงยังไม่รับจอง
ไม่ว่าจะเป็นประโยคหน้าหรือประโยคหลัง ล้วนทำให้ผู้คนปั่นป่วน
แต่เทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้ผู้คนอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยก็คือ ตึกความลับฟ้าบอกว่า ในตอนที่จำหน่ายสิ่งของอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่คนเสนอราคามากจะได้ไป แต่ใครมาก่อนได้ก่อน
ขณะเดียวกันประโยค ‘ยังไม่รับจอง’ คำว่ายังก็เหลือพื้นที่ให้ผู้คนได้ขบคิด
“คุณชาย ไฉนไม่ใช่คนเสนอราคาสูงได้ไป” เสี่ยวอ้ายถามอย่างสงสัย
เมื่อใกล้จะเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ออกจากหุบเขาผีเสื้อมังกร มาถึงตึกความลับฟ้าในเมืองหยวนโจว
“เรื่องราวในตอนนี้เป็นแค่โหมโรงเท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ “สิ่งของที่ผู้เสนอราคาสูงต้องแข่งกันอยู่ด้านหลัง สิ่งที่ให้พวกเขาแย่งชิงกันไม่ใช่ของวิเศษชิ้นสองชิ้น แต่เป็น…”
เขาชูนิ้วหนึ่งขึ้นส่ายไปมาด้วยรอยยิ้ม “…แต่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่ง”
………………..