ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1136 ไม่กังวลเส้นทางค้าขาย
ตึกความลับฟ้าผิดคำพูดแล้ว
ทุกคนต่างสับสนขึ้นมาชั่วขณะ
เหิงเซียนต๋า ผู้ครองจวนวายุอัสนีซึ่งที่แล้วมาโฆษณาให้แก่ตึกความลับฟ้ามายิ่งนั่งไม่ติด เร่งรุดมายังเมืองหยวนโจวด้วยความร้อนใจ
พอถึงเมืองหยวนโจว เหิงเซียนต๋ากลับไม่เห็นชิวเจียไห่ จิตใจพลันเย็นเยียบขึ้นครึ่งหนึ่ง
เขาเชื่อใจเยี่ยนจ้าวเกอ นอกจากชื่อเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอและแรงดึงดูดของสายฟ้าเทวราชแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือมีคนของกษัตริย์กระบี่ให้การรับรอง
กระนั้นก็ยังโชคดีที่เขาเจอลูกศิษย์ของชิวเจียไห่อยู่ที่นี่
เสี่ยวอ้ายต้อนรับเหิงเซียนต๋า นางแก้ไขข้อข้องใจของเขา “ท่านชิวแห่งเขานครหยกไปตามหาคุณชายของข้าแล้ว”
เหิงเซียนต๋ากล่าวในใจ สมควรไปค้นหา!
“วันที่หนึ่งมาถึงแล้ว ไฉนตึกของท่านจึงยังไม่เปิด” เหิงเซียนต๋าอดถามไม่ได้
ตอนที่เขาเข้ามา ด้านนอกมีคนมีชื่อเสียงชุมนุมกันอยู่มากมาย ซึ่งตอนนี้กำลังเออะเอ็ดตะโร เต็มไปด้วยเสียงครหา
ด้วยสายตาของเหิงเซียนต๋า ถึงขั้นเห็นมีหลายคนในนี้จงใจยั่วยุ พัดกระพือคนที่อยู่ด้านข้าง
ไม่จำเป็นต้องคิดก็ทราบว่านั่นเป็นขุมกำลังที่อาจถูกตึกความลับฟ้าแย่งธุรกิจเหล่านั้น
ของวิเศษที่ตึกความลับฟ้าจำหน่ายหายากเกินไป มีเพียงร้านเดียวในโลกซ้อนโลก กำลังการแข่งขันหลังจากได้รับการยอมรับก็แข็งแกร่งเกินไป
คนที่ถูกแย่งธุรกิจเหล่านี้ได้แต่อดทนไว้
ทว่าตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็คล้ายกับไม่จำเป็นต้องอดกลั้นแล้ว
ตึกความลับฟ้าอุตส่าห์ทำพลาด พวกเขาย่อมต้องฉกฉวยโอกาส
เหิงเซียนต๋ายิ้มขื่นขม “ไร้ความน่าเชื่อถือย่อมต้องล่มสลาย!”
ในโลกของจอมยุทธ์ ความเชื่อใจสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโสเหิงได้โปรดใจเย็นก่อน” เสี่ยวอ้ายกลับไม่นำพา “คุณชายบอกไว้แล้วว่า ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม”
นางออกไปพบกลุ่มคนที่กำลังสับสน หญิงสาวใจใหญ่ผู้นี้ยามเผชิญหน้ากับเหล่าคนที่เหมือนอยากจะกินนางทั้งเป็นกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ตึกของเราครั้งนี้อยู่ในช่วงปรับปรุง ช่างน่าเสียดายจริงๆ ขออภัยสหายร่วมเส้นทางทุกท่านด้วย แต่ว่าในนี้มีความลับบางอย่าง ขอให้ทุกท่านได้โปรดใจเย็นก่อน”
“ความลับอะไรกัน หรือคิดหาข้ออ้างเอาตัวรอด” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ
ในฝูงชนมีคนตั้งใจสร้างความวุ่นวาย
เสี่ยวอ้ายไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูด กล่าวเสียงดังขึ้น “ก่อนอื่น ของวิเศษในเดือนนี้ของตึกเรานั้น ความจริงได้จัดเตรียมไว้แล้ว สาเหตุที่เปิดตึกช้าเป็นเพราะว่ายังเหลืออีกเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการ เมื่อเดือนก่อน มีสหายร่วมเส้นทางหลายคนอยากซื้อมนุษย์กระดาษแทนตัวแต่ซื้อไม่ได้ ได้แต่พกความเสียดายกลับไป ดังนั้นเพื่อสหายร่วมเส้นทางทุกท่าน ครั้งนี้ตึกเราได้จัดเตรียมมนุษย์กระดาษแทนตัวไว้ชุดหนึ่งเป็นการเฉพาะ”
“เพียงแต่ของวิเศษหายาก จำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักหลายวัน ดังนั้นขอให้ทุกท่านได้โปรดให้อภัยด้วย” เสี่ยวอ้ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รอมนุษย์กระดาษแทนตัวได้รับการจัดเตรียมแล้วเสร็จ จะทำการเปิดตึกทันที ถึงเวลานั้นของวิเศษอย่างอื่นก็จะไม่ขาดเช่นกัน”
ไม่รอให้ทุกคนมีปฏิกิริยา เสี่ยวอ้ายก็กล่าวต่อ “นอกจากนี้แล้ว การเปิดตึกในเดือนนี้จะมีการเพิ่มของล้ำค่าที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจำหน่ายมาก่อนอีกอย่างหนึ่ง!”
ทุกคนปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เสียงครหาเหมือนเมื่อครู่
จิตใจของผู้คนร้อนรุ่มขึ้นอีกครา
เดือนก่อนไม่มีมนุษย์กระดาษแทนตัว สร้างความผิดหวังให้แก่คนจำนวนมาก ดังนั้นจึงให้ความสนใจการเปิดตึกของเดือนนี้เป็นพิเศษ
พอเดือนนี้ตึกความลับฟ้าไม่ทำตามคำพูด ทุกคนจึงได้คลั่งขนาดนั้น
แต่ว่าการเปิดตึกของเดือนนี้สุดท้ายจะมีมนุษย์กระดาษแทนตัวหรือไม่ เดิมทียังเป็นปริศนา ทุกคนได้แต่คาดหวังรอคอย
คำพูดที่ตึกความลับฟ้าประกาศเมื่อเดือนก่อน เพียงบอกว่า เดือนนี้อาจจะมี แต่กลับไม่ได้บอกว่ามีแน่นนอน
มาวันนี้ พอฟังคำพูดของเสี่ยวอ้าย ก็เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีมนุษย์กระดาษแทนตัว
ความไม่พอใจของคนส่วนใหญ่ค่อยๆ หายไป กลับเฝ้ารอการเปิดตึกในครั้งนี้มากกว่าเดิม
เพียงแต่เลื่อนออกไป ไม่ได้ปิดตัวโดยสมบูรณ์
ไม่อาจไม่พูดว่าการเปิดตึกสำเร็จหลายครั้งก่อนหน้านี้ทำให้คนไม่พอใจ แต่ก็ได้เปิดหูเปิดตา สร้างความน่าเชื่อถือในระดับสูงให้แก่ตึกความลับฟ้า
อย่างน้อยการหาที่ตายครั้งหนึ่ง ย่อมไม่ไม่ถึงล้มละลายจริงๆ
กลับทำให้ผู้คนคาดหวังกว่าเดิม
โดยเฉพาะเมื่อครู่เสี่ยวอ้ายยังบอกอีกว่า นอกจากมนุษย์กระดาษแทนตัว เตาผลึกหินชั้นใน และยันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็ดทบ ซึ่งเป็นของวิเศษในตอนแรกแล้ว ครั้งนี้ตึกความลับฟ้าจะเพิ่มของวิเศษใหม่ออกมาจำหน่าย
นี่จะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยใคร่รู้ จนเอาแต่หมกมุ่นได้อย่างไร
ถึงแม้คนส่วนใหญ่และทุกค่ายสำนักล้วนซื้อได้แค่สามชิ้น แต่ว่าของสามชิ้นนี้จะเลือกอะไรก็ได้ ทุกคนย่อมต้องอยากรู้ว่าของล้ำค่าอันใหม่เป็นอะไร
คนที่ตั้งใจก่อความวุ่นวายสัมผัสได้ว่าลูกศิษย์เขานครหยกสังเกตเห็นพวกเขาแล้ว จึงได้แต่หยุดก่อความปั่นป่วน ไม่อย่างในในสภาพแวดล้อมตรงหน้า ออกจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไป
“ของวิเศษที่ตึกเรานำเสนอในครั้งนี้ มีชื่อว่าสากทำลายค่ายกล” เสี่ยวอ้ายพูดต่อ
พอฟังชื่อนี้ ทุกคนต่างมึนงงเล็กน้อย
จากนั้นก็มีคนมองไปที่ตัวแทนของตระกูลหลัวจากยอดเขาพยัคฆ์กระโจนโดยสัญชาตญาณ
หลังจากซื้อขายสำเร็จสามครั้งติดต่อกัน ครั้งนี้ตัวแทนของตระกูลหลัวไม่ใช่หลัวเป่ยอีกแล้ว แต่ว่าตระกูลหลัวได้รับป้ายคำสั่งระดับต้นที่ตึกความลับฟ้ามอบให้ ป้ายคำสั่งนี้มอบให้แก่ตระกูลหลัว ไม่ใช่ให้คนใดคนหนึ่ง ดังนั้นตัวแทนของตระกูลหลัวเพียงรับคำสั่งมาก็พอ
“ขอถาม สากทำลายค่ายกลมีประสิทธิผลใด” ตัวแทนตระกูลหลัวได้สติ สีหน้าพลันเคร่งเครียด เอ่ยปากถามด้วยความหวังสุดท้าย
เสี่ยวอ้ายทำเหมือนไม่ยี่หระ “ของวิเศษชิ้นนี้เป็นวังธงม่วง ขุมกำลังก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่สร้างขึ้น สามารถทำลายและสะกดข่มค่ายกลในใต้หล้าได้ ในฐานะเป็นของวิเศษใช้แล้วทิ้ง ถึงแม้ว่าไม่อาจทำลายได้ทุกค่ายกล แต่ว่าสามารถแก้ไขต่อค่ายกลส่วนใหญ่ เพียงโจมตีครั้งเดียว ค่ายกลจะสลายโดยสิ้นเชิง”
สีหน้าของตัวแทนจากตระกูลหลัวพังทลายแล้ว
เขาถึงขั้นรู้สึกได้ว่ามีสายตาที่ไม่ประสงค์ดีสายหนึ่งมองตนจากที่ไกล
นั่นเป็นตัวแทนขุมกำลังคู่แข่งของตระกูลหลัว ทั้งสองมีความสัมพันธ์ตึงเครียด ปกติกระทบกระทั่งกันไม่หยุดหย่อน
ลูกศิษย์ของสองสำนักยามพบหน้ากัน แทบจะลงมือตัดสินสูงต่ำโดยไม่พูดคุยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นปรกติไร้ปัญหา เป็นเพราะว่าต้องการซื้อของจากตึกความลับฟ้าเท่านั้น
ในช่วงนี้ตระกูลหลัวซื้อของจากตึกความลับฟ้า นอกจากเตาผลึกหินชั้นในเตาหนึ่งแล้ว ล้วนเป็นกระดานก่อนพิรุณ
อย่าเห็นว่าเป็นเพียงแค่วัตถุสิ่งของส่วนหนึ่ง การคุกคามและการสะกดศัตรูเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้ เป็นฝ่ายได้เปรียบยิ่งยวด
แต่ว่าตอนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏสากทำลายค่ายกล เรียกได้ว่าเป็นดาวข่มของตระกูลหลัวพอดี!
กระดานก่อนพิรุณยังจำเป็นต้องให้คนสำรองค่ายกลไว้ก่อน สากทำลายค่ายกลเป็นของวิเศษที่ใช้ได้ทันที
คนหลายคนสามารถใช้ของวิเศษชิ้นนี้ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มีแค่ตระกูลหลัวที่มีค่ายกล
แต่มันย่อมส่งผลโดยตรงต่อตระกูลหลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
“ของชิ้นนี้ของตึกท่าน…” ตัวแทนตระกูลหลัวพูดถึงครึ่งหนึ่ง พลันไม่พูดต่อ
เสี่ยวอ้ายมองเขาด้วยสายตาที่ไร้เดียงสายิ่ง “ผู้อาวุโสท่านนี้มีปัญหาใดหรือ”
“ของชิ้นนี้ของตึกท่าน…” ตัวแทนตระกูลหลัวสูดหายใจลึก กล่าวอย่างจนปัญญา “…ตระกูลหลัวข้าต้องการจอง!”
การปรากฏขึ้นของสากทำลายค่ายกล เดิมทีไม่ต้องกังวลถึงเส้นทางค้าขาย
ต่อให้คนอื่นๆ ไม่ซื้อ ตระกูลหลัวยอดเขาพยัคฆ์กระโจนก็จะต้องทุ่มหมดหน้าตักมาเหมาไป!
ยิ่งไปกว่านั้น ไฉนคนอื่นๆ จะไม่รู้สึกสนใจ!
แม้ไม่ใช้รับมือตระกูลหลัว แต่เอามาใช้รับมือศัตรูของตัวเองก็ได้ ในตอนที่บุกสำนัก ยามจู่โจมค่ายกลสำนัก ก็ทำลายความได้เปรียบด้านชัยภูมิของอีกฝ่ายทิ้งได้โดยตรง
เสี่ยวอ้ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านสามารถพักอยู่ที่เมืองหยวนโจวก่อน ถึงแม้ว่าการเปิดตึกในเดือนนี้ของเราจะล่าช้าไปเล็กน้อย แต่จะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังแน่นอน ได้โปรดตั้งตารอ”
………………..