ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1188 เห็นแล้วถอยหนี กริ่งเกรงไม่เข้าใกล้
ในนพยมโลกที่ปั่นป่วนวุ่นวาย ควันมารดำมืดถูกวาดล้างไปแถบใหญ่
รอบบริเวณมีเพียงแต่พายุและเกล็ดหิมะครอบคลุมอยู่
จุดที่เจี่ยหมิงคงใช้ตามอง ลมและหิมะกลายเป็นดาบคมไร้น้ำใจ เข่นฆ่าทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ โดยมีนางเป็นศูนย์กลาง
ฝนน้ำแข็งร่วงหล่นจากฟากฟ้า เหมือนพายุฝนคมดามที่ถี่ยิบจนลมก็มีอาจหลุดลออกออกไป
เกล็ดน้ำแข็งกลับกลายเป็นคมดาบ พุ่งใส่ประกายกระบี่ของจักรพรรดิอุรุไม่ขาดสาย สะสมจากน้อยเป็นมาก เสมือนปั้นทรายเป็นหอคอย กระแทกกระทั้นจนประกายกระบี่สั่นไหวไม่หยุดยั้ง ยากจะป้องกันต่อไป และไม่อาจเคลื่อนไปด้านหน้าได้
ห่างจากดวงแสงนั้นเพียงคืบเดียว กลับเป็นเกาทัณฑ์แรงปลาย ไม่อาจยิงทะลุผ้าแพรต่วน
คมดาบที่ถี่ยิบนั้นฟันลงใส่จักรพรรดิอุรุ
จักรพรรดิอุรุสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วหมุนร่าง ประกายกระบี่สีดำหลายสายพุ่งออกมาจากด้านในกาย
ปราณสีดำมากมายกลายเป็นตาข่าย สานกันแน่นหนา ก่อนจะป้องกันพายุหิมะทั่วฟ้า
แทบจะในชั่วพริบตา จักรพรรดิอุรุถูกน้ำแข็งและหิมะกว้างใหญ่ครอบคลุมใส่ จนเหมือนกลายเป็นรังไหมขนาดใหญ่
หิมะและน้ำแข็งที่เป็นประกายถูกตาข่ายสีดำขวางทาง ตามตาข่ายมีน้ำแข็มแหลมคมติดอยู่หลายแท่ง
ประกายกระบี่สีดำกับคมดาบสีขาวเผยให้เห็นถึงจิตสังหารที่ดุร้ายเย็นเยือก ปะทะใส่กันและกัน
สภาวะกระบี่ของจักพรรรดิอุรุไม่หยุดนิ่ง ด้านในปราณกระบี่สีดำกว้างใหญ่มีประกายกระบี่สีแดงสว่างวาบขึ้น ฟันทำลายมิติช่องว่าง
ประกายกระบี่ที่ทำลายเวลา เข่นฆ่าสรรพชีวิตเหมือนกับทลายรังไหมเพื่อคืนชีพ พุ่งออกจากการครอบคลุมของพายุหิมะ
แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในตอนนี้ เป็นดวงตาที่เปล่งประกายสีฟ้าคู่หนึ่ง
เจี่ยหมิงคงใบหน้าเย็นชาเรียบเฉย ยกมือหนึ่งขึ้นสูง ห้านิ้วตั้งประดุจดาบ จากนั้นก็ฟันลงเหมือนไม่นำพา
ประกายเย็นเยียบกะพริบ โลหิตกระจัดกระจาย
จักรพรรดิสัจอุรุครางหนักๆ คำหนึ่ง มือขวาที่กลายเป็นคมกระบี่ของเขา ถูกเจี่ยหมิงคงฟันขาดถึงข้อศอก!
หลังจากหนึ่งดาบ เจี่ยหมิงคงไม่หยุดมือ ชูคมดาบขึ้นอีกหน
จักรพรรดิปฐพีศานติขับความเย็นจากหิมะน้ำแข็งที่ครอบคลุมอยู่ออก รีบเร่งพุ่งเข้าไปขวางคมกระบี่ของเจี่ยหมิงคงแทนจักรพรรดิอุรุ
เกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดอันเป็นอาวุธเซียนเพิ่มพลังให้แก่จักรพรรดิศานติ ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิม
ในเมื่อเป็นเกราะ เช่นนั้นนอกจากจะช่วยเหลือด้านการจู่โจมแล้ว พลังป้องกันย่อมโดดเด่นยิ่งกว่า แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างที่ว่า หลังจากรับดาบของเจี่ยหมิงคงแล้ว พยัคฆ์มังกรต่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมกัน แสงสีทองและแดงพลันมืดมัวลงไป
น้ำแข็งและหิมะทั่วฟ้าม้วนพัด กำลังจะแช่แข็งจักรพรรดิศานติไปพร้อมกับเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาด
“เจี่ยหมิงคง ประเสริฐนัก!” จักรพรรดิศานติตวาดขึ้นเสียงหนึ่ง ภายใต้แรงกดดันกลับกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิม
เขาดวงตาเคร่งขรึม ยื่นมือสองข้างออกมาด้านหน้า ประกบสิบนิ้วเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นด้านบน เหมือนกับกำลังยกอะไรบางอย่าง
แสงสว่างกะพริบ กลายเป็นมังกรจริงแท้และและพยัคฆ์ร้ายหลายตัว แล้วลอยขึ้นด้านบนด้วยกัน
ประกายที่มืดมัวลงของเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดผนึกกันอีกครั้ง กลับละทิ้งการป้องกันทั้งหมด แต่รวมพลังไว้ที่สองมือของจักรพรรดิศานติ
สุดท้ายมังกรและพยัคฆ์บินเข้าหากัน แสงสว่างปรากฏ กอปรเป็นหยกหรูอี้ขนาดยักษ์ท่อนหนึ่งกลางสองมือของจักรพรรดิศานติ
ในยุคสถานปนาเทพเจ้า ยุคตำนานเมื่อครั้งโบราณกาล เจ้าแม่จินหลิงผู้ยิ่งใหญ่แห่งลัทธิเจี๋ยเจี้ยว ลูกศิษย์สายตรงของบรรพจารย์เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ใช้หยกหรูอี้พยัคฆ์มังกรจนฟ้าดินพลิกคว่ำ
จักรพรรดิศานติเป็นผู้สืบทอดสายตรงของเจ้าแม่จินหลิงที่มีอยู่ไม่กี่คนในยุคสมัยนี้
ห้าอัคคีเจ็ดวิหคเลียนแบบของราชวงศ์เต้าเสวียนอ๋องบนทะเลหวงเจียที่โลกซ้อนโลกในครั้งกระโน้น เป็นแค่วิชารอบนอกสายหยกพิสุทธิ์ที่คนรุ่นหลังเลียนแบบขึ้น หยกหรูอี้ที่เกิดจากการผนึกรวมญาณจริงแท้วรยุทธ์และปราณเซียนทั่วร่างในตอนนี้ของจักรพรรดิศานติ กลับเป็นสำนักสายเหนือพิสุทธิ์ดั้งเดิม
เขารวบสองหมัดแล้วต่อยลง พริบตานี้มีสภาวะการร่วงหล่นจากฟ้าของหยกหรูอี้พยัคฆ์มังกรที่แท้จริงอยู่หลายส่วน!
ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิสัจอุรุสีหน้าเคร่งขรึม ไม่สนใจอาการบาดเจ็บซึ่งเกิดจากแขนขวาที่ขาดไป ใข้แขนซ้ายประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางเป็นท่ามือกระบี่ จากนั้นก็จู่โจมออกอีกกระบี่จากอีกด้านหนึ่ง
เจี่ยหมิงคงยืนอยู่กลางฟ้าดิน ไม่มีความคิดจะหลบหลีก
นางขวางสองมือไว้กลางหน้าอก จากนั้นก็ผลักออกตรงๆ แล้ววาดออกไปสองข้าง
คมดาบที่มือซ้ายกระจายทั่ว พร่าเลือนคลุมเครือ เหมือนกับพายุหิมะที่ผิดปกติ เปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาด ทำให้คมกระบี่ของจักรพรรดิสัจอุรุยากจะกระทบส่วนที่เป็นจริง
ขณะที่จักรพรรดิอุรุใจสั่นสะท้าน พายุหิมะก็พลันผันแปร คมดาบปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ประกายเย็นเยียบสว่างวูบวาบ จักรพรรดิอุรุเบี่ยงตัวหลบ ไม่โดนจุดตาย แต่ว่าบนร่างเพิ่มบาดแผลสาหัสหลายสายขึ้นมาในชั่วอึดจัด โลหิตสาดกระจาย
ขณะเดียวกัน คมดาบที่มือขวาของเจี่ยหมิงคงก็ฟันลงบนหยกหรูอี้ที่ผนึกจากปราณเซียนของจักรพรรดิศานติ
ดาบนี้ไม่ได้บรรจงเหมือนกับคมดาบที่มือซ้าย
สิ่งที่มันมีคือความเกรี้ยวกราดและความรุนแรงสะท้านโลก!
คมดาบกระจัดกระจาย โลกเหมือนกระจกที่ถูกฟาดแตกอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
หยกหรูอี้นั่นถูกทำลายไปด้วย!
สภาวะของคมดาบยังไม่หมดลง ฟันใส่ร่างของจักรพรรดิศานติ พลังป้องกันของเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดอ่อนแอลง บนร่างพลันเพิ่มรอยแผลน่ากลัวขึ้นมาสายหนึ่ง!
เลือดกระจายไปทั่วฟ้าดิน สองจักรพรรดิแห่งมรกตท่องฟ้าถูกยันกลับไป เลือดไหลเป็นทางยาว มีเพียงสตรีสวมอาภรณ์ขาวที่ยืนสง่าอยู่กับที่ ไม่แม้แต่จะก้าวเท้า
ดวงแสงขนาดยักษ์นั้นโคจรอย่างช้าๆ ลวดลายอาคมแสงหลายสายด้านในกลายเป็นเส้นแสงที่บัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวหายไป แผ่ขยายในความว่างเปล่านอกนพยมโลก เหมือนอยู่ในสภาพปกติ ไม่ได้รับผลกระทบใด
‘เมื่อเจี่ยหมิงคงลืมตา เฉินเฉียนหัวเลื่อนเป็นเซียน ถ้าพวกท่านพบให้ถอยทันที หากลังเลจะไม่ทันกาล’ จักรพรรดิศานติมองเงาร่างสีขาวสายนั้นด้วยใบหน้าซีดขาว คิดถึงคำวิจารณ์ของจักรพรรดิสัญญะเมฆต่อยอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลก
มีเรื่องบางเรื่อง เพียงแค่ฟังไม่มีประโยชน์ มีเพียงได้ประสบด้วยตัวเอง ถึงได้ทราบว่าเป็นอะไร
ก่อนหน้าวันนี้ จักรพรรดิศานติทราบความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงแห่งโลกซ้อนโลกอยู่แล้ว
จอมยุทธ์ล้วนเป็นคนทะนงตนไม่ยอมแพ้ แต่มาตรว่าไม่อยากจะยอมรับอย่างไร เมื่อเผชิญกับเจี่ยหมิงคง เขาก็ได้แต่ยอมศิโรราบ
ทว่าถ้าหนึ่งต่อหนึ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ มือเปล่าหมัดเปลือยไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ต้องคิดหาวิธีอื่น
ดังนั้นครั้งนี้เขายังคงกล้าตามหาของวิเศษที่ถูกอีกฝ่ายชิงไป
กระนั้นเพียงเห็นเจี่ยหมิงคงลืมตา ก็ทราบว่าความแตกต่างระหว่างสองฝ่ายมีมากขนาดไหน!
มือเปล่าหมัดเปลือย ใช้หนึ่งสู้สอง เอาชนะการร่วมมือกันของสองจักรพรรดิแห่งมรกตท่องฟ้า จักรพรรดิศานติยังพกเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดอาวุธเซียนไร้ช่องโหว่
ถ้าหากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง และไม่มีอาวุธเซียนคอยหนุนเสริม ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอุรุหรือจักรพรรดิศานติ เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตอยู่ชั่วขณะ
โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้คนทั้งสองจากมรกตท่องฟ้าหวาดกลัวก็คือ เจี่ยหมิงคงที่อยู่ตรงหน้าถึงกับเหมือนยังคงไม่ได้ลงมือสุดกำลัง
สตรีอาภรณ์ขาวยืนนิ่งกลางฟ้าดิน สายตาไม่ได้มองพวกจักรพรรดิอุรุ แต่มองตราอาคมที่ส่องแสงสีขาวในมิติไร้สิ้นสุดนอกนพยมโลก
ถึงแม้ว่าสายตาของนางจะไม่ได้มองมา แต่จักรพรรดิปฐพีศานติกับจักรพรรดิสัจอุรุก็ยังคงสัมผัสถึงจิตสังหารที่เย็นเยียบนั้นได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้น ตราอาคมที่ส่องแสงสีขาวในมิตินั้นพลันสั่นไหวรอบหนึ่ง บนแสงสีขาวปรากฏริ้วเลือดหลายสาย แผ่ขยายอย่างไม่หยุดยั้ง
“หือ?” จักรพรรดินีดวงตาสั่นสะท้าน หันไปมองดวงแสงที่อยู่ด้านข้าง
ลวดลายอาคมที่ไหลเวียนในดวงแสงนั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง และถึงขั้นแหลกสลายได้อย่างชัดเจน
“ไม่ใช่ปัญหาทางมรกตท่องฟ้า เป็น…” จักรพรรดินีหันหน้าไปมองชายฝั่งยมโลกที่เป็นธารน้ำแข็งล้านล้านลี้ ด้านนอกนพยมโลกไกลออกไป “ท่านอจารย์!”
………………..