ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1192 ความเป็นไปได้ที่โถงเซียนจะลงมือโดยตรง
ถึงแม้หลายปีมานี้จักรพรรดินีจะไม่ได้มาเยี่ยมเยือนกษัตริย์ดารา ก่อนหน้าก็ต้องเคยสัมผัสมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น กษัตริย์กระบี่ยังทราบเรื่องของกษัตริย์ดาราด้วย
มีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถให้พวกเขาทำ ยังจำเป็นต้องให้กษัตริย์ดาราเฝ้าครุ่นคิดไปตรวจสอบที่โลกซ้อนโลกด้วยตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว เรื่องราวนี้จะต้องเกี่ยวพันกับกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับแน่
ก่อนหน้านี้กษัตริย์ดาราได้ทราบผ่านเขาแล้ว ว่าตอนนี้กษัตริย์ดินไม่อยู่บนโลกซ้อนโลก แต่ก็ยังคงต้องการกลับไป เป้าหมายจะต้องเป็นกษัตริย์เร้นลับอย่างไม่ต้องสงสัย
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะสงสัยใจ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่มาก
ผลลัพธ์ในตอนนี้ทำให้เขาพอใจมากพอแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้กษัตริย์ดาราจะต้องลงมืออย่างระมัดรวังเพราะการผนึกมารน้ำกุ่ย แต่ว่าพลังของเขายังคงน่ากลัวอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของกษัตริย์ดารายังมีอาวุธเซียนระดับสงบนิ่ง!
ดาบสั้นที่ดูธรรมดาเล่มนั้น เคยเป็นดาบอันดับหนึ่งของโลกซ้อนโลก สะบั้นคลื่นเย็นเยือก!
เดิมทีดาบนี้ยาวสามฉื่อ มีชื่อว่าคลื่นเย็นเยือก ต่อมามันถูกกษัตริย์ดาราหักทิ้งไปหนึ่งฉื่อ เปลี่ยนชื่อเป็นสะบั้นคลื่นเย็นเยือก!
สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ แม้จะถูกหักทิ้งไปท่อนหนึ่ง แต่ว่าดาบวิเศษของเซียนยังไม่ถูกทำลาย พลังกลับแข็งแกร่งขึ้น กลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของโลกซ้อนโลก
กษัตริย์ดารากลับโลกซ้อนโลก แรงกดดันที่กษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับนำมาให้เขากว่างเฉิงยังคงมหาศาล แต่ก็ลดลงไปไม่น้อย
โดยเฉพาะกษัตริย์ดาราบอกกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ว่าเขาไม่คิดจะกลับไปฟื้นตัวบนยอดเขาเมฆมรกตแห่งเขาคุนหลุน แต่เตรียมจะไปหาสถานที่พักฟื้นบนเขากว่างเฉิงในเขตสุราลัยบูรพา
แม้จะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง แต่จะต้องเป็นการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ว่าต้องการสนับสนุนเขากว่างเฉิงและเยี่ยนจ้าวเกอ
ด้วยเหตุนี้ แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะไปมรกตท่องฟ้า ทว่าก็ยังรู้สึกสบายใจ
แน่นอนว่า ความสบายใจเป็นการเทียบกับสถานการณ์บนโลกซ้อนโลกเท่านั้น
การไปมรกตท่องฟ้าในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็มีความรู้สึกซับซ้อนเช่นกัน
ตอนได้พบฉู่หลีหลีเป็นครั้งแรกเมื่อก่อนหน้านี้ เขาม่คิดว่าเรื่องราวในภายหลังจะกลายเป็นเช่นนี้
พวกผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เช่นเกาเสวี่ยโพเกรงว่าจะปวดศีรษะยิ่งกว่า
พวกเขาเดาออกว่าที่ฉู่หลีหลีมามรกตท่องฟ้า มากกว่าครึ่งเพื่อหลบเลี่ยงภัยพิบัติ แต่กลับไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นภัยพิบัติใหญ่ถึงเพียงนี้
ตอนที่เยี่ยนจ้าวเหอได้พบเกาเสวี่ยโพ หนึ่งชรากับหนึ่งเยาว์วัยประสานสายตาสี่ข้าง พากันยิ้มอย่างหนักใจ
เยี่ยนจ้าวเกอเลือกรายละเอียดที่เหมาะสม เล่าเรื่องที่ได้พบเจอมาให้เกาเสวี่ยโพฟังคร่าวๆ
หลังเกาเสวี่ยโพได้ฟัง สีหน้าก็พลันเคร่งขรึม “จักรพรรดินีวางแผนมาเป็นอย่างดี ในขณะที่คิดช่วยให้กษัตริย์ดาราหลุดพ้น ก็ยังยืมมือพวกเรากำจัดหนามตำตาของนาง โยนหินครั้งเดียวได้นกสองตัว”
“ผู้อาวุโสฉู่ท่านนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงทุ้ม
“ออกจากมรกตท่องฟ้าไปแล้ว” พอพูดถึงเรื่องนี้ บนใบหน้าที่จริงจังของเกาเสวี่ยโพก็ฉายแววไม่พอใจและอับจนปัญญา “บูรพาจารย์ มารดา และบิดายังเข้าฌาน คนที่เหลืออยู่ยากจะสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวในดินแดนทมิฬได้ทันเวลา กว่าจะสัมผัสได้ว่าที่หุบเขานาวาสมัยมีปราณมารเอ่อล้นก็สายไปแล้วก้าวหนึ่ง ข่าวที่จักรพรรดิศานติกับจักรพรรดิอุรุส่งมาก็ช้าไปแล้วเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “ปราณมารเอ่อล้น…ผู้อาวุโสฉู่ท่านกลายร่างเป็นมารแล้วหรือ”
เกาเสวี่ยโพไม่ได้ตอบในทันที แต่หลังจากขบคิดอย่างตั้งใจ จึงค่อยตอบ “จากที่ข้าดู น่าจะยังไม่กลายร่างเป็นมารนะ หลังจากผ่านการดิ้นรน นางสมควรสงบจิตใจได้ ไม่อย่างนั้นหากตัวตนในสิบสองเทพมารสวรรค์อย่างมารน้ำกุ่ยคืนชีพ การเคลื่อนไหวจะต้องรุนแรงกว่านี้”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ลอบถอนใจ
เจี่ยหมิงคง ฉู่หลีหลี ชีวิตต่อจากนี้ของคนทั้งสองจะกลายเป็นอย่างไร
“ตอนนี้ได้แต่หวังว่าผู้อาวุโสฉู่ท่านนี้จะไม่ถูกจอมมารระดับสูงกลุ้มรุม” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “ถ้าไม่อย่างนั้น นางไม่คิดกลายเป็นมารยังลำบาก ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะไปหานางที่ไหน”
คนที่หายตัวไปยังมีจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง
ถึงแม้จะไม่กล้ายืนยัน แต่เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดาออกว่าก่อนที่จักรพรรดินีจะสู้กษัตริย์ดาราได้ นางไม่น่าจะกลับโลกซ้อนโลก
“จักรพรรดิปฐพีศานติ จักรพรรดิสัจอุรุตอนนี้สบายดีหรือ” พูดถึงจักรพรรดินี เยี่ยนจ้าวเกอก็นึกถึงจักรพรรดิศานติและจักรพรรดิอุรุที่ถูกทำร้าย
เกาเสวี่ยโพได้ยินพลันส่ายหน้า “จักรพรรดิศานติยังดีกว่าเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็มีเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดคุ้มครอง สถานการณ์ของจักรพรรดิอุรุย่ำแย่งยิ่ง ถึงแม้จะได้ผลักเปิดประตูเซียนละกายสังขารของมานุษย์แล้ว แต่ว่าถูกจักรพรรดินีฟันแขนขาดไปข้างหนึ่ง ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาสำเร็จปราณเที่ยงตรง คนทั่วไปมิอาจทำร้ายถึงรากฐาน แต่ถ้าเกิดว่าได้รับบาดเจ็บ จะฟื้นฟูลำบากสุดขีด”
ปราณเที่ยงตรง ปราณแปรเปลี่ยน ปราณสว่าง ปราณกาลี ปราณวิสุทธิ์ ห้าปราณเซียน ทั้งหมดล้วนแตกต่างกัน
ยอดฝีมือเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ใช้ปราณเซียนชนิดใดชนิดหนึ่งชำระร่างกาย เปลี่ยนญาณจริงแท้ของตัวเองเป็นปราณเซียน สำเร็จร่างไร้ช่องโหว่
แต่ว่าจะหลอมเปลี่ยนปราณเซียนชนิดไหน แตกต่างไปแต่ละคน ซึ่งมักจะสอดประสานกับจิตวรยุทธ์ของตัวเอง
บ้างคล้ายคลึงกัน บ้างสอดประสานกัน มีคนเพียงไม่กี่คน ที่เดินบนเส้นทางตรงกันข้าม ใช้เส้นทางทวิลักษณ์คู่เคียง
สืบเนื่องจากเหตุนี้ ทำให้ในตอนที่เหล่าจักรพรรดิเซียนจริงแท้ลงมือต่อสู้ แต่ละคนจึงมีข้อแตกต่างกัน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ฝึกฝนปราณวิสุทธิ์จะเดินทางสายกลาง ไม่มีด้านไหนโดดเด่น เพื่อสร้างรากฐานให้แก่การหลอมเปลี่ยนปราณเซียนชนิดที่สามต่อจากนี้ ในตอนที่เงื่อนไขอย่างอื่นเหมาะสม จะสามารถก้าวหน้าได้อีกขั้น ทะลวงภัยพิบัติสัจพิศวงได้ง่ายที่สุด
ผู้ที่ฝึกฝนปราณแปรเปลี่ยน มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรให้เอ่ยถึง และสามารถรุดหน้าอีกก้าวได้ง่ายดายยิ่ง
ผู้ฝึกฝนปราณสว่าง จะมีพลังชีวิตโชติช่วง พลังป้องกันและการฟื้นฟูแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันร่างกายยังดูดซับปราณเซียนได้เร็วที่สุด เก็บไว้ได้มากที่สุด ถนัดการต่อสู้ที่กินเวลานาน
ผู้ฝึกปราณเที่ยงตรง มีการโจมตีเหมือนภูเขากดทับ การป้องกันเหมือนกับแพงเหล็กกล้าผนังสำริด มีทั้งการโจมตีและการป้องกัน ไม่สั่นไหวโยกคลอน แต่จะลำบากในการหลอมเปลี่ยนปราณเซียนชนิดที่สองในกาลต่อมา
ผู้ฝึกฝนลมปราณกาลีก็เติบโตยากเช่นกัน นอกจากนี้หากจิตใจสูญเสียการควบคุม ก็มีความเสี่ยงที่จะร่วงหล่นสู่วิถีมาร
แต่คนที่ใช้ปราณกาลีเป็นปราณเซียนชนิดแรกผลักประตูเซียนสำเร็จ เมื่อเข่นฆ่ากับศัตรูในระดับเซียนจริงแท้จะเหี้ยมหาญมากที่สุด
แน่นอนว่าความพิเศษหลักๆ อยู่ที่คนคนเดียวกัน
คนแต่ละคน ปัจจัยที่มีอิทธิผลก็มีหลากหลาย มิใช่มีแค่การแบ่งแยกห้าปราณเท่านั้น
“ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าจักรพรรดินีฝึกฝนลมปราณเที่ยงตรง สุดท้ายข้าถึงค่อยรู้เพราะการลืมตาในครั้งนี้ ว่านางถึงกับเดินบนเส้นทางกาลี” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าพลางกล่าว
“ข้าได้ยินเรื่องบนโลกซ้อนโลกก่อนหน้านี้ของพวกเจ้ามาแล้ว” เกาเสวี่ยโพกล่าว “วันนี้ในเมื่อกษัตริย์ดารากลับมา ครั้งกระโน้นเขาสนิทสนมกับราชันพระศุกร์ สมควรปกป้องพวกเจ้า ข้าสามารถวางใจได้หลายส่วน”
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจความนัยของเขา นั่นก็คือถ้าหากจำเป็นก็สามารถมามรกตท่องฟ้าได้
“ขอบคุณน้ำใจของอาจารย์ลุงเกา”
ถึงแม้ว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่คิดมามรกตท่องฟ้า แต่ย่อมขอบคุณเจตนาดีของเกาเสวี่ยโพ
“จ้าวเกอไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้” เกาเสวี่ยโพส่ายหน้า “จะว่าไปแล้ว มรกตท่องฟ้าของเราต้องขอบคุณเจ้าถึงจะถูก หากเจ้าไม่ได้ประสบพบเจอโดยบังเอิญ ช่วยเหลือกษัตริย์ดาราอีกแรง ที่นี่เกรงว่าจะต้องพบกับมรสุมส่วนหนึ่ง”
“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องใส่ใจ” ชายชรากล่าวพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวเสียงทุ้ม “การต่อสู้ของโถงเซียนและแดนสุขาวดี หลังจากผ่านจุดสูงสุดเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงตกต่ำแล้ว พวกเขามีกำลังเหลือเฟือในการจับตาดูสามพิสุทธิ์สายหลักของพวกเรา พวกเจ้าจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้โถงเซียนเต๋านอกรีตสอดมือเข้ามา เพราะถึงตอนนั้นแล้ว ก็ไม่แน่ว่าโลกซ้อนโลกจะปกป้องพวกเจ้าได้”
………………..