ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 121 เริ่มการเดินทาง
หลังจากพูดโน้มน้าวฟู่เอินซูได้สำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็อารมณ์ดีไม่น้อยเช่นกัน
ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เพราะอาจารย์ฟู่ท่านนี้หลายครั้งมักจะทำอะไรตามความชอบและอารมณ์
มีเงินมากมายก็ซื้อความสุขของคนไม่ได้ สิ่งเหล่านี้บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายได้
หากไม่ใช่เพราะจำเป็น เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อยากทำงานร่วมกับนางหรอก ทว่าสถานการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน ตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอได้พบเฟิงอวิ๋นครั้งแรก เขาก็วางแผนเรื่องนี้มาตลอด
และถ้าหากไม่ใช่เพราะจู่ๆ ฟู่เอินซูก็ออกฌาน คงไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้
เพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ทำให้เกิดการสืบทอดขาดตอนไป มีหลายสิ่งหลายอย่างทำได้แค่ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเท่านั้น อีกทั้งในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ โลกในปัจจุบันนี้ ที่นี่ยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสตรีแห่งจันทราและจันทรากายที่จำกัดมาก
ถึงแม้จะรู้เรื่องเล่าที่ว่าฝึกคัมภีร์แห่งจันทราเป็นประโยชน์กับสตรีแห่งจันทรา กระนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนในโลกปัจจุบันนี้ยังไม่รู้
เยี่ยนจ้าวเกอที่ท่องจำคัมภีร์ในวังเทพมา รู้ว่านอกจากคัมภีร์แห่งจันทราแล้ว ยังมีคัมภีร์อื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสตรีแห่งจันทราอยู่อีกด้วย บางอย่างในนั้นไม่ได้มีขอบเขตจำกัดอยู่แค่สตรีแห่งจันทราเท่านั้น ทว่ายังมีประโยชน์กับจอมยุทธ์คนอื่นๆ เช่นกัน เขาสนใจในเรื่องนี้มาก
จากการพูดคุยกับเฟิงอวิ๋นเซิง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอได้ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา เพื่อช่วยให้ตนเองได้รู้ในวรยุทธ์ที่ต้องการจะรู้ เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ ไม่สามารถพูดกล่าวกับคนอื่นได้ ยิ่งไปกว่านั้น การช่วยเฟิงอวิ๋นเซิงพัฒนาก็มีหลากหลายวิธี ซึ่งไม่ใช่คัมภีร์แห่งจันทราเพียงเล่มเดียวจะอธิบายได้
ความลับของตนเยอะจนเกินไป ถ้าไม่เก็บเป็นความลับทั้งหมด ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อให้ง่ายในการปกปิด ถ้าเลือกที่จะปิดเป็นความลับละก็ จะรับประกันได้อย่างไรว่าเฟิงอวิ๋นเซิงจะไล่ตามกลุ่มผู้ที่นำหน้าอยู่อย่างเมิ่งหว่านได้
ถ้าไม่สามารถเอาชนะการประลองจันทรากายได้ ที่ลำบากมาจะมีความหมายอะไร
ก็จริงอยู่ที่ส่วนตัวเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธ์ ต่อให้ไม่มีจันทรากาย ค่อยๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็จะมีผลสำเร็จที่สูงมากเช่นกัน ทว่าหากความสามารถที่มีอยู่ของนางไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังที่แท้จริงได้ในระยะเวลาอันสั้น เช่นนั้นก็จะไม่เกิดผลที่จะกำหนดอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้
ตัวเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในเขากว่างเฉิง ไม่ว่าจะเป็นตนเอง หรือบิดาของตน สุขหรือทุกข์ล้วนเกี่ยวข้องกับเขากว่างเฉิง ถ้าสำนักเจริญ พวกเขาก็จะเจริญไปด้วย แต่ถ้าสำนักเสียหาย พวกเขาก็จะเสียหายไปด้วยเช่นกัน
จะส่วนรวมหรือส่วนตัว ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องรับประกันความเป็นไปของสถานการณ์ ไว้ในการควบคุมของตนเอง
เคราะห์ดีที่เป็นไปตามความคาดหมายก่อนหน้า แม้ว่าฟู่เอินซูจะมีนิสัยเอาแต่ใจ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนัก นางก็ยังสามารถแยกแยะตามลำดับความสำคัญได้
ถึงแม้ว่านางจะชอบเอาชนะ ซึ่งได้ยินว่าบางครั้งยังถึงขั้นเล่นลูกไม้ไม่ยอมรับผิด แต่สำหรับเรื่องของสตรีแห่งจันทรา สุดท้ายนางก็ยังยอมรับตรงๆ ว่าสู้คนอื่นไม่ได้
“เรื่องของเขานิมิตเมฆ ข้าก็ได้ยินมาแล้ว” พอฟู่เอินซูดึงสติกลับมา ก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า “เรื่องนี้เจ้ามีความมั่นใจมากแค่ไหน”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจังว่า “อย่างน้อยคือแปดส่วน หากต้องการให้บอกมากกว่านี้ ก็จำเป็นต้องไปให้ถึงเขานิมิตเมฆก่อน หลังจากสำรวจพื้นที่จริงแล้วถึงจะได้ตัวเลขที่แน่นอนขอรับ”
ฟู่เอินซูเลิกคิ้ว “หากเจ้าไม่ได้คุยโวละก็ ความมั่นใจแปดส่วนก็นับว่าสูงยิ่ง เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเลยเถิด”
ขณะฟู่เอินซูพูด ข้างกายก็มีลมเกิดขึ้น และจัดการม้วนตัวของเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ เฟิงอวิ๋นเซิง และซือคงจิงขึ้นไป
“อวิ๋นเซิงต้องไปเขานิมิตเมฆอยู่แล้ว เช่นนั้นซือคงก็ไปพร้อมกับพวกเราเลยเถอะ ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนประสบการณ์ ระหว่างทางข้าก็สามารถสอนวรยุทธ์ให้เจ้าได้ด้วย จะได้ไม่ทำให้การฝึกฝนล่าช้า”
กำแพงน้ำที่โอบล้อมเกาะน้อยกลางทะเลสาบศาลาเมฆไว้สลายตัวลงอย่างช้าๆ ส่วนฟู่เอินซูหอบเอากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอทะยานออกไปไกล
อาหู่แลบลิ้น แล้วส่งกระแสจิตไปหาเยี่ยนจ้าวเกออย่างลับๆ ‘คุณชาย ท่านผู้อาวุโสฟู่ทำแบบนี้เกินไปแล้วกระมัง เพียงคิดว่าจะออกเดินทาง ก็ออกเดินทางทันที!‘
เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือนวดไปที่กลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ‘บัดนี้น้อยนักที่จะได้ยินคำคำนี้แล้ว ข้าเองก็เคยบังเอิญได้ยินคนอื่นเอ่ยถึง ในรุ่นของพ่อข้า ตอนสมัยยังเยาว์วัยแท้จริงแล้วมีคำพูดที่พูดต่อๆ กันมาอยู่คำพูดหนึ่ง’
‘ความคิดจิตใจของฟู่เอินซูเหมือนอากาศในเดือนหก พูดว่าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเลย’
‘ตอนนี้ดูแล้ว แม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้น แต่ท่านอาจารย์ฟู่คนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม คิดเช่นไรก็ทำเช่นนั้นในทันที ทำความคุ้นเคยไว้ก็พอ’ เยี่ยนจ้าวเกอเปิดปาก “พวกเราก็ถือเสียว่าได้ออกเดินทางสมดังใจเลยแล้วกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงก็อึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน แต่ก็สงบใจลงเร็วมาก
คนแรกแม้ว่าความรู้สึกนึกคิดจะไม่แปรปรวนเหมือนฟู่เอินซู ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็มีนิสัยที่ตรงไปตรงมา กล้าได้กล้าเสียเช่นกัน ส่วนคนหลังนอกจากฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว ก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆ อีกเลย
กลุ่มคนทั้งหมดถูกฟู่เอินซูพาข้ามภูเขาผ่านหน้าผารีบเร่งไปยังภูผาพิภพ
จุดมุ่งหมายของพวกเขา อันดับแรกก็คือเขตเขาไร้พรมแดนที่อยู่ใจกลางของภูผาพิภพ จากนั้นจึงเป็นเขตของเขานิมิตเมฆที่อยู่ทางด้านตะวันออกของภูผาพิภพ
ภูผาพิภพไม่ได้ใช้เกาะแบ่งอาณาเขตพื้นที่เหมือนกับนภาพิภพ แต่ใช้ ‘เทือกเขา’ เป็นตัวกำหนดเขตที่ใช้แบ่งอาณาเขตพื้นที่
และเนื่องจากภูผาพิภพมีภูเขาจำนวนมาก ดังนั้น ‘ผืนภูผา’ ส่วนใหญ่จะแบ่งและตั้งชื่อตามภูเขาเล็กใหญ่ในภูผาพิภพ
อย่างเช่นเขตพื้นที่ที่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำนักเขาไร้พรมแดนแห่งภูผาพิภพตั้งอยู่ ก็มีชื่อว่าผืนภูผาไร้พรมแดน
ผืนภูผานิมิตเมฆเองก็เป็นพื้นที่ที่แนวเทือกเขานิมิตเมฆตั้งอยู่ และยอดสูงสุดของเทือกเขาในนั้นก็มีชื่อเดียวกับแนวเทือกเขา ซึ่งนั่นก็คือเขานิมิตเมฆ
ผืนภูผานิมิตเมฆตั้งอยู่ทางตะวันออกของภูผาพิภพ ทิศตะวันออกติดกับอัศนีพิภพ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับปฐพีพิภพ ทิศใต้ติดกับเกาะนภาตะวันออกแห่งนภาพิภพ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเกาะนภาเหนือแห่งนภาพิภพ
หุบเหวปราการมังกรที่มีจุดเริ่มต้นมาจากปฐพีพิภพ ทอดผ่านเกาะนภาตะวันออกแห่งนภาพิภพ แล้วยื่นขยายเข้าไปในเทือกเขาผืนภูผานิมิตเมฆของภูผาพิภพ
แม่น้ำกรมท่าที่มีต้นกำเนิดมาจากปฐพีพิภพเช่นเดียวกัน ทว่ากลับตัดผ่านผืนภูผานิมิตเมฆก่อน แล้วจึงเข้าสู้เกาะนภาเหนือแห่งนภาพิภพ
เนื่องด้วยเขานิมิตเมฆกับศิลาวิญญาณลึกล้ำ ที่แห่งนี่แม้จะตั้งอยู่ตรงชายแดนของภูผาพิภพ แต่กลับเป็นพื้นที่ที่เขาไร้พรมแดนให้ความสำคัญมากที่สุด และมีการป้องกันการรุกรานของตำหนักอัศนีฟ้าของอัศนีพิภพ และเขากว่างเฉิงของนภาพิภพอย่างเข้มงวด
หลังจากที่ได้รับข่าวการมาเยือนของกลุ่มเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซู เขาไร้พรมแดนก็ไม่ได้ลดความเข้มงวดลงเลย
มีข่าวรั่วไหลออกมาจากทางฝั่งของเขากว่างเฉิงว่าเรื่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับศิลาวิญญาณลึกล้ำ เขาไร้พรมแดนจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเป็นธรรมดา
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือฟู่เอินซู ต่างก็รู้สึกได้ว่าท่าทีของเขาไร้พรมแดนเหมือนจะคลุมเครืออยู่บ้าง
หลังจากผ่านสงครามถังตะวันออกก่อนหน้านี้มา ขุมกำลังใหญ่ในใต้หล้าทุกวันนี้ ความจริงแล้วก็ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังสัมผัสถึงต้นตอความผิดปกติได้อยู่เล็กน้อย
‘ประหลาด…’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ ทว่าก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
และในขณะที่กำลังเดินทางไปยังภูผาพิภพ กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้รับข่าวที่ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับเขากว่างเฉิง
การทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สาม เมิ่งหว่าน ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หงส์เพลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้กลับมารับชัยชนะอีกครั้ง และรับเอามงกุฎจันทราไปไว้ในกระเป๋า!
ราวกับกำลังยืนยันคำพูดในอดีตของเฟิงอวิ๋นเซิง
ขอเพียงตนเองไม่มีปัญหา เมิ่งหว่านก็คือสตรีแห่งจันทราที่แข็งแกร่งที่สุด ณ เวลานี้
มงกุฎจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้กลับสู่มือของสำนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันอีกครั้ง
ขุมกำลังใหญ่ในใต้หล้าพลันเปลี่ยนไปในทันที
ถึงแม้ว่าหวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนจะยังไม่ได้ออกฌาน ทว่าสถานการณ์ย่ำแย่ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ได้จบลงแล้ว
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็มองเฟิงอวิ๋นเซิงครั้งหนึ่ง
สีหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิงนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีตกใจสักนิด สายตาของนางมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป การเดินทางครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ยิ่งสำคัญมากขึ้น
………………..