ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1215 สละชีพเพื่อความถูกต้อง
อิ่นเทียนเซี่ยสุดท้ายไม่ได้ตายโดยไร้ที่กลบฝัง
จักรพรรดิประกายกาฬที่เคยยิ่งใหญ่มาหลายปีผู้นี้ ภายใต้การกลุ้มรุมของกษัตริย์จากโถงเซียนสี่คน กลับพุ่งออกจากจักรวาลโถงเซียนและกลับสู่โลกซ้อนโลก
แต่ว่าในตอนที่เห็นกษัตริย์โถงเซียนคนที่สี่ลงมือ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าจุดจบได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
แม้จะมาจากโถงเซียน แต่ว่าจิตราเซียนที่ยอดฝีมือเซียนลี้ลับผู้นั้นหลอมเปลี่ยนไม่ได้มีแค่ปรณเซียนสองชนิดรวมอยู่ และถึงจะเป็นเช่นนั้น ท้ายที่สุดอิ่นเทียนเซี่ยก็ยังฝ่าวงล้อมออกมาได้
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าถ้าหากเขามีอาวุธเซียนระดับสงบนิ่งชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ เกรงว่าจะฉุดลากฝ่ายตรงข้ามสองคนมาตายร่วมกันได้
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในการสนทนากับเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดา เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มรับรู้ความจริงของเรื่องราวมากมายในอดีต
อิ่นเทียนเซี่ยนำยอดฝีมือจำนวนมากในสำนักประกายกาฬไปต่างแดน เดิมทีเพียงออกค้นหาในมิติต่างแดน สะกดและสยบเผ่าปีศาจที่แข้งแกร่งเผ่าหนึ่งในพื้นที่ แต่ว่าในกระบวนการนี้ อาจารย์ย่าของเสวี่ยชูฉิง หรือก็คือจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซินได้ติดต่อกับอิ่นเทียนเซี่ยน อีกทั้งแจ้งให้เขาทราบถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเศษศิลาฟ้ากำเนิด
เป็นเพราะว่าหูเยว่ซินได้ข้อมูลมาค่อนข้างช้า ดังนั้นเวลาจึงกระชั้นชิดยิ่ง นางไม่ทันได้ติดต่อยอดฝีมือสำนักเต๋าคนอื่นๆ อีกมากมาย คนที่ติดต่อได้ ส่วนใหญ่แล้วกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แต่อิ่นเทียนเซี่ยเชื่อแล้ว
ดังนั้นในที่สุด สำนักประกายกาฬจึงได้เปลี่ยนเส้นทาง อาศัยข้ออ้างขอสวามิภกดิ์กับโถงเซียนเพื่ออำพรางจุดประสงค์ที่แท้จริง
นอกจากอิ่นเทียนเซี่ยนแล้ว ยังมียอดฝีมือคนอื่นๆ ในสำนัก ส่วนใหญ่ในนี้เป็นจอมยุทธ์ที่ยังไม่ได้เลื่อนสู่ระดับประมุข พอพวกเขาเหยียบย่างเข้าสู่โถงเซียนด้วย บางทีก็อาจเกิดความคิดสละชีพเพื่อความถูกต้อง การไปในครั้งนี้ไม่ได้พิจารณาว่าจะกลับมาอย่างไร
เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ว่าในตอนนั้นเป็นเพราะลูกศิษย์สำนักประกายกาฬมีการตระหนักรู้และความเด็ดเดี่ยวแข็งแกร่งขนาดนี้ หรือว่าเป็นบารมีของอิ่นเทียนเซี่ยนสูงส่งถึงขั้นนี้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือความเจ็บปวดและความกล้าหาญ
ในฐานะคนรุ่นหลัง อารมณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจสงบลงอยู่เนิ่นนาน
สิ่งที่ปลอบประโลมวิญญาณของวีรชนได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ สุดท้ายพวกเขาก็ทำสำเร็จ
อาศัยช่องว่างจากความรุ่นแรงในการต่อสู้ของโถงเซียนเต๋านอกรีตและแดนสุขาวดีศาสนาพุทธ อิ่นเทียนเซี่ยและหูเยว่ซินถอนเขี้ยวจากปากเสือ แย่งชิงเศษศิลาฟ้ากำเนิดกลับมาได้ชิ้นหนึ่งสำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่า เบื้องหลังนี้อาจมีเงาของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าสายหลักคนอื่นๆ อยู่ด้วย อย่างเช่น จักรพรรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ในตำนาน ไม่อย่างนั้นหูเยว่ซินใช่ว่าจะได้รับข่าวที่สำคัญและล้ำค่าเช่นนี้ มิหนำซ้ำ ยอดฝีมือโถงเซียนที่ไล่ล่ากลุ้มรุมพวกเขาก็เกรงว่าจะไม่ได้หยุดอยู่ที่ระดับเซียนลี้ลับ
เรื่องราวส่วนนี้ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังคงมีข้อมูลจำกัด ได้แต่คาดเดา ไม่อาจพิสูจน์ยืนยัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในกาลเวลาหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เส้นทางที่ผงาดขึ้นมาใหม่ในสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋าค่อนข้างบิดงอ กอปรด้วยความคดเคี้ยวและขรุขระ การต่อสู้ในที่ลับไม่รู้ว่ามีอยู่มากเท่าไร
เพียงแต่ว่าในตอนนั้น เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิดนี้ดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษ ก่อให้เกิดมรสุมใหญ่ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่หายไป ถึงขั้นที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ส่วนเขาเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คือคนที่ยืนอยู่บนคลื่นมรสุมในยุคสมัยนี้
‘เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ…เศษศิลาฟ้ากำเนิด…’ เยี่ยนจ้าเวกอครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อยู่ในใจ ขณะที่เขาใคร่ครวญก็ยังคงผนึกกลิ่นอายทั่วร่างไว้ ไม่ปล่อยออกไปด้านนอกแม้แต่น้อย
ต่อให้กงจักรมหาประกายกาฬจะเกิดความผิดปกติขึ้นเพราะการปรากฏตัวของกษัตริย์หิมะ แต่ว่าภายใต้การอำพรางของยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย
ตอนอยู่ในนพยมโลก จักรพรรดิไร้จำกัดและจักรพรรดิแพรต่างอยู่ข้างกาย เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ใช้ความลี้ลับของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ดังนั้นพอกษัตริย์โถงเซียนสองคนนั้นเข้าใกล้จึงสัมผัสการดำรงอยู่ของกงจักรมหาประกายกาฬได้ทันที
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่เพียงแต่มีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่าเดิม ยังใช้ความลี้ลับในคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตออกมาจนหมดสิ้น เหมือนกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ไม่เพียงแต่ซ่อนตัวเอง ยังซ่อนกงจักรมหาประกายกาฬด้วย แต่ถ้าอีกฝ่ายลงมือกวาดล้างรอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอยังคงไม่อาจไม่เผยตัว
โชคดีที่ยอดฝีมือจากศาสนาพุทธเหล่านั้นถอยไปแล้ว การต่อสู้สงบลงชั่วคราว
“จมูกของคนหัวโล้นไวยิ่ง กลับสัมผัสได้เร็วขนาดนี้” กษัตริย์หิมะไพล่สองมือไว้ด้านหลัง ยืนอยู่กลางความว่างเปล่า มองทิศทางที่ยอดฝีมือศาสนาพุทธจากไปอย่างเย็นชา “ยังไม่ต้องไปสนใจพวกเขา จัดการเรื่องราวในตอนนี้ก่อนค่อยว่ากล่าว ไม่อย่างนั้นระดมคนมาตั้งมาก กลับล้มเหลวในตอนท้าย จึงทำให้เหล่าคนหัวโล้นหัวเราะเยาะ”
บุรุษที่มีฉายาว่ากษัตริย์สู่ฟากฟ้า ซึ่งฝึกฝนคัมภีร์เซียนหลิงกวงทะยานเอ่ยปากกล่าวว่า “กลับไปแจ้งโถงเซียน บอกทิศทางที่เกี่ยวข้องกับมารร้ายจากแดนสุขาวดี ส่งคนไปจับตาดูอย่างใกล้ชิด ป้องกันเหล่าคนหัวโล้นส่งมือดีมาสอดมือที่นี่มากกว่าเดิม และป้องกันไม่ให้พวกเขาตีชิงตามไฟ บุกแดนเซียนของโถงเซียนเรา”
“ไม่เลว” กษัตริย์ดาราผงกศีรษะ หันไปมองจอมยุทธ์โถงเซียนคนอื่นที่อยู่ด้านข้าง “พวกเจ้าอย่าเพิ่งใส่ใจเรื่องราวที่นี่ ให้แบ่งคนกลับไปแจ้งโถงเซียนมากหน่อย”
นอกจากจักรพรรดิโถงเซียนที่อยู่ในระดับเซียนจริงแท้ผู้นั้นที่ยังอยู่แล้ว ยอดฝีมือโถงเซียนคนอื่นๆ ล้วนโน้มกายคารวะ “ตามแต่กษัตริย์หิมะและกษัตริย์สู่ฟากฟ้าจะบัญชา”
รอพวกเขาแยกย้าย สามยอดฝีมือจากโถงเซียนก็มุ่งหน้าไปยังทิศที่กษัตริย์หิมะมา
ไกลออกไป ก่อนหน้านี้ยังมีความปรวนแปรของกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน แต่พร้อมกับที่ยอดฝีมือของศาสนาพุทธจากไป ตอนนี้ก็สงบลงอีกครั้ง
ไม่ทราบผ่านไปนานขนาดไหน เยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง เขามองความว่างเปล่าตรงหน้าเงียบๆ หลังจากใคร่ครวญสักพักก็ออกเดินทางต่อ
อีกฝ่ายคลี่แหฟ้าตาข่ายดินอีก รวบรวมยอดฝีมือไว้นับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อขัดขวางราชันพระอังคาร แต่เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะเข้าไปจากด้านนอกวงล้อมก็ลำบากขึ้นกว่าเดิมมาก
เมื่อครู่ที่หลบเลี่ยงการรับรู้ของอีกฝ่ายได้ สาเหตุส่วนหนึ่งอยู่ที่คนของศาสนาพุทธช่วยดึงดูดความสนใจ กระนั้นยังไม่พูดถึงยอดฝีมือศาสนาพุทธจะรวบรวมกำลังมาใหม่หรือไม่ แค่ไปด้านหน้าต่อก็จะทราบว่ายิ่งเข้าไปลึกเท่าไร วงล้อมก็ยิ่งหนาแน่น ยอดฝีมือของโถงเซียนยิ่งมาก
จะเข้าไปลึกกว่าเดิมได้อย่างไรกลายเป็นปัญหาสำคัญ
‘อาจารย์ลุงเยว่อาจจะมาถึงแล้วก็ได้’ เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนที่อยู่กลางความว่างเปล่าอย่างระมัดระวัง ทดลองตามหากษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย
ถึงแม้ว่าจะออกจากโถงเซียนแล้ว แต่การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของราชันพระอังคารใหญ่โตถึงเพียงนั้น เรื่องราวก่อนจะมีข้อสรุปชัดเจน กษัตริย์ดินกับกษัตริย์กระบี่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะต้องให้ความสนใจสูงสุด
เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ เยว่เจิ้นเป่ยจะต้องไม่ได้รับความเชื่อใจ เป็นไปได้ว่าจะถูกจับตามองมากกว่า
แต่ว่าตอนนี้ในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ถ้าหากหาเยว่เจิ้นเป่ยเจอ ภายใต้การดูแลและปิดบังของเขา เยี่ยนจ้าวเกอจะมีอิสระในการเคลื่อนไหวมากขึ้น
ในการเดินทางนี้ เยี่ยนจ้าวเกอลงมืออำมหิตไม่เหลือพยานไว้ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ สมควรไม่มีใครสัมผัสได้ เขาอ้อมรอบโถงเซียนมารอบหนึ่ง อีกทั้งยังมาถึงความว่างเปล่าบริเวณนี้ เช่นนี้ย่อมไม่มีทางวางกับดักไว้ข้างกายเยว่เจิ้นเป่ยแล้วรอให้เขาไปติดกับ
ดังนั้นที่ที่อันตรายก็ยิ่งเป็นที่่ที่ปลอดภัย อาจจะกลายเป็นเงามืดใต้แสงไฟ
เยี่ยนจ้าวเกอทดลองตามหาที่อยู่ของกษัตริย์กระบี่โดยกระทำขัดกับสามัญสำนึก
‘อืม นั่นคือ…’ เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป ในความว่างเปล่าอันมืดมิดไกลออกไปมีแสงคันฉ่องกะพริบ สะท้อนไปทั่วบริเวณ
‘แสงคันฉ่องนี้…’ เขาเหมือนนึกอะไรได้ ‘หรือจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขจะอยู่ที่นี่’
จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไข หรือจักรพรรดิอาทิตย์ถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกันกับจักรพรรดินี จักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัด และจักรพรรดิเอกภพ
หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลก
………………..