ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1219 โถงเซียนหยิ่งผยอง
ยังคงสง่างามไม่มีใครสู้ได้ ยังคงมีมีบุคลิกโดดเด่น ยังคงแข็งแกร่งดุจเดิม
ยามยืนด้วยกันกับเหล่าจักรพรรดิจากโถงเซียน จักรพรรดิแพรเป็นคนที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด แต่ว่าสายตาของจักรพรรดิอาทิตย์ กับการรับรู้ของทวนพระอังคาร ก็ยังเคลื่อนไปบนร่างเขารอบหนึ่ง
‘อาภรณ์ดำ…’ หนึ่งคนหนึ่งศาสตราต่างกล่าวในใจ
ทวนพระอังคารถึงแม้จะไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลก เรื่องราวที่เกิดในโลกซ้อนโลก ไม่อาจเข้าถึงข่าวสารได้ง่ายนัก แต่เรื่องราวที่ส่งผลกระทบถึงขีดสุดส่วนหนึ่ง เขาก็ยังคงแว่วข่าวมา แต่เวลาเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีความล่าช้าล้าหลัง
สถานการณ์ของจักรพรริแพรย่อมเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทวนพระอังคารให้ความสนใจมากที่สุด หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้ทราบแล้วว่าจักรพรรดิแพรแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง มิหนำซ้ำยังทราบด้วยว่าการแบ่งแยกระหว่างจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวหมายถึงสถานการณ์อะไร
หลายปีมานี้จักรพรรดิอาทิตย์อยู่ในมิติต่างแดน ไม่ได้กลับโลกซ้อนโลก ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับข่าวล่าช้าเช่นกัน แต่เรื่องราวใหญ่ๆ บนโลกซ้อนโลกเป็นลูกศิษย์ในถ้ำอาทิตย์ม่วงของเขาต่างหาวิธีรายงาน เขาจึงทราบเช่นกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำที่อยู่ตรงหน้าตน
“สหายร่วมเส้นทางสบายดี” จักรพรรดิอาทิตย์หลัจากมาถึงด้านหน้าคนที่อยู่อีกด้าน ก็หยุดยั้งท่าร่าง
ด้านตรงข้ามนอกจากจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำแล้ว ยังมีจักรพรรดิเซียนจริงแท้จากโถงเซียนอีกสามคน
พวกเขาพอเห็นจักรพรรดิอาทิตย์ต่างไม่ได้มีสีหน้าดีนัก แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาท ฝืนใจประสานมือ “สหายร่วมเส้นทางจู๋หยางจื่อ ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“อยากจะมาดูว่าช่วยอะไรได้หรือไม่” จักรพรรดิอาทิตย์สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ตอบอย่างใจเย็น
จักรพรรดิโถงเซียนคนหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามแค่นเสียง “เต๋านอกรีตเช่นพวกท่าน…”
สายตาเขาไม่เป็นมิตร ไม่เพียงกวาดมองจักรพรรดิอาทิตย์ ยังกวาดมองจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำด้วย
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเฉื่อยชาตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่พอเห็นจักรพรรดิอาทิตย์มาถึงก็ประสานมือคำนับ
จักรพรรดิโถงเซียนอีกคนหนึ่งจ้องมองจักรพรรดิอาทิตย์ กล่าวเสียงทุ้มว่า “สั่วหมิงจางขวัญกล้าเทียมฟ้า กระทำตามใจชอบ ไม่อาจให้อภัย ครั้งนี้โถงเซียนของเราส่งทัพมา จะต้องกำจัดคนผู้นี้ให้ได้ ทางที่ดีพวกท่านคิดเลยเถิดจะดีกว่า จะได้ไม่ชักนำเพทภัยสู่ตัว!”
“สหายร่วมเส้นทางเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาที่นี่เพราะกระวนกระวายใจ ดังนั้นจึงมาดูว่ามีอะไรที่ช่วยเหลือได้หรือไม่” จักรพรรดิอาทิตย์ไม่มีโทสะ “ถึงราชันพระอังคารจะเป็นผู้อาวุโสสำนักเต๋าของโลกซ้อนโลกเรา แต่ทุกคนเดินไปตามเส้นทางของใครของมันแต่แรก”
“เขาก่อความวุ่นวายกะทันหัน ข้าก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน”
จักรพรรดิจากโถงเซียนคนที่สามว่า “สหายร่วมเส้นทางจู๋หยางจื่อถ้าหากมีความตั้งใจเช่นนี้จริงๆ ย่อมประเสริฐสุด หากแต่สถานที่แห่งนี้ถูกปิ้นกั้นเอาไว้ อย่าเคลื่อนไหวตามใจจะดีกว่า จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด”
“ขอบคุณสหายร่วมเส้นทางที่กล่าวเดือน ข้าจะระวังตัว” จักรพรรดิอาทิตย์พยักหน้า จากนั้นก็มองจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ
“สหายร่วมเส้นทางฟู่ พวกเราไม่เจอกันหลายปี ก่อนหน้านี้ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้กับท่าน หลังจากที่ได้ฟังในมิติต่างแดน เพราะมีธุระมากมายติดตัวจึงไม่อาจกลับโลกซ้อนโลกไปสนทนากับท่านได้ คาดคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอกันกันโดยบังเอิญเช่นนี้”
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้เช่นกัน”
“เหล่าสหายร่วมเส้นทางตอนนี้กำลังจะไปแล้ว?” จักรพรรดิอาทิตย์มองจักรพรรดิโถงเซียนสามคนนั้น
อีกฝ่ายว่า “ได้รับคำสั่งให้ไปด้านหน้า ในเมื่อสหายร่วมเส้นทางจู๋หยางจื่ออยากช่วยเหลือ เช่นนั้นก็ร่วมทางกับพวกเราเถอะ”
พวกเขาย่อมไม่ต้องการให้เซียนจริงแท้จากโลกซ้อนโลกคนหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างเป็นอสิระในอาณาเขตแห่งนี้
“เป็นความปรารถนาของข้าอยู่แล้ว” จักรพรรดิอาทิตย์ผงกศีรษะ ติดตามอีกฝ่ายไปทันที
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำร่วมทางด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิอาทิตย์มองเขา อยากกล่าวอะไรแต่ก็หยุดไว้
ผ่านการเดินทางอันแสนยาวนาน ข้ามผ่านมิติมากมาย เนิ่นนานให้หลัง ทุกคนก็หยุดฝีเท้า
ไกลออกมา กลิ่นอายของพลังที่แข็งแกร่งหลายสายปรากฏ สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ผู้คน กระนั้นสิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจยิ่งกว่าก็คือเมฆดาราขนาดยักษ์กลุ่มหนึ่งที่เหมือนกับวังวน
เมฆดารากลุ่มนี้ใหญ่โตมากกว่าโลกซ้อนโลก และพื้นที่แดนเซียนของโถงเซียนรวมกัน ด้านในเมฆดารามีมิติเวลาไร้สิ้นสุดทับซ้อนและตัดสลับกันยุ่งเหยิง ถ้าหากเปิดออกจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าเดิมจนยากจะประมาณ
‘เมฆดาราปฐมกำเนิด…’ เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็เริ่มเกิดความเข้าใจ ‘ด้านในเมฆดารานี้ เป็นไปได้ว่าจะมีกระแสวังวนของมิติเวลา เชื่อไปยังสถานที่ที่ไม่ทราบว่าไกลโพ้นขนาดไหน’
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางถ้าหากเข้าไปด้านใน คนจากโถงเซียนคิดตามหาเขามีความลำบากจริงๆ
มีพริบตานั้นเยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นสงสัยว่าสั่วหมิงจากมาที่นี่เพื่อสลัดให้หลุดจากคนไล่ตามเท่านั้น ที่นี่ไม่ใช่จุดหมายของเขา
แต่ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ โถงเซียนสมควรไม่โง่เง่าจนส่งกำลังคนจำนวนมหาศาลขนาดนี้เข้ามา พวกเขาจะต้องแยกแยะผ่านปัจจัยบางประการได้แล้วว่าสั่วหมิงจางไม่มีทางออกไปง่ายๆ
คิดถึงยอดฝีมือโถงเซียนที่ถูกสั่วหมิงจากจับไว้ เยี่ยนจ้าวเกอก็คาดเดาออกว่า ข้อมูลจากปากของเขาเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ทราบ
โถงเซียนแยกแยะเป้าหมายที่สั่วหมิงจางต้องกระทำการอย่างใหญ่โตเช่นนี้ออกแล้วโดยผ่านคนอื่น
‘ในเมฆดาราปฐมกำเนิดกลุ่มนี้ซ่อนอะไรเอาไว้…’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ ‘ราชันพระพฤหัสบดี…ไม่ว่าจะเป็นตอนยังอยู่หรือตอนจากไป ที่นี่เป็นไปได้ว่าจะเป็นสถานที่ที่นางหายตัวไปเป็นครั้งสุดท้าย’
ดังนั้นก่อนที่จะค้นหาและยืนยันที่อยู่ของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงในเมฆดาราปฐมกำเนิดกลุ่มนี้ได้โดยสมบูรณ์ ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางต่อให้มีเส้นทางไป เขาก็ไปไม่ได้
ครั้งนี้โถงเซียนอาจจะตัดสินใจเด็ดขาด คิดค้นหาในเมฆดาราปฐมกำเนิดกลุ่มนี้ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ขัดขวางสั่วหมิงจางก่อนที่เขาจะออกไปให้ได้ และถือโอกาสยืนยันความเป็นความตายของเซ่าจวินหวงไปด้วย
พวกเขาครั้งนี้ส่งยอดฝีมือจำนวนมากมา ต่อให้ต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรเป็นจำนวนมหาศาล เกรงว่าถ้าไม่บรรลุเป้าหมายไม่มีทางเลิกราเด็ดขาด
ขณะที่กำลังขบคิดอยู่ จักรวาลเบื้องหน้าก็พลันเกิดความผิดปกติ!
เมฆดาราปฐมกำเนิดที่ใหญ่โตจนยากจะกะประมาณกลุ่มนั้นถึงกับเริ่มขยายใหญ่ไม่หยุด
จีบซ้อนของมิติหลายชั้นในเมฆดาราที่เพิ่มขนาดขึ้นอย่างบ้าคลั่งแผ่ออก ก่อนจะกลืนกินมิติช่องว่างที่อยู่รอบๆ
วังวนนั้นม้วนพัดมิติทั้งหมด คล้ายกับกลายเป็นสัตว์ยักษ์ที่กลืนกินจักรวาลในชั่วพริบตา
‘ด้านในเกิดอะไรขึ้น มีสงครามใหญ่หรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอมใคร่ครวญในใจ จากนั้นก็เห็นคลื่นคลั่งม้วนเข้าหาพวกตนที่อยู่ด้านนอกวงล้อม
ทวนพระอังคารลอบติดต่อกับจักรพรรดิอาทิตย์ “โอกาสที่ข้ารออยู่”
“มิผิด” จักรพรรดิอาทิตย์เข้าใจดี แสร้งเป็นถอยหลังหลบหลีกกระแสคลื่นมิติเวลานั้น แต่สุดท้ายหลบไม่ทัน ถูกม้วนเข้าไป
แต่ว่าความจริงต่อให้เขาคิดหลบ ก็เกรงว่าจะหลบไม่ได้
กระแสคลื่นมิติเวลารุนแรงรวดเร็วเกินไป แม้จะเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนเช่นพวกเขา ก็ยากจะหลบหลีก
ถึงแม้จะไม่ถึงกับได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ถูกม้วนพัดกวาดกระแทก
ไม่เพียงแต่จักรพรรดิอาทิตย์เท่านั้น จักรพรรดิแพร กับจักรพรรดิจากโถงเซียนหลายคนที่อยู่ด้านข้างต่างถูกกระแสคลื่นมิติเวลากลืนกิน
ไม่ทราบว่าล่องลอยอยู่ด้านในนานขนาดไหน รอหลังจากกระแสคลื่นมิติเวลาสงบลงเล็กน้อย ในที่สุดจักรพรรดิอาทิตย์ก็ตั้งหลักได้
ทวนพระอังคารกับเยี่ยนจ้าวเกอมีเวลาสำรวจสถานการณ์ตรงหน้า เห็นด้านในอาณาเขตของสายตาเป็นหมอกขมุกขมัวบริเวณหนึ่ง
ตามปกติแล้วเมื่อจีบของมิติช่องหว่างซ้อนทับและบีบอัดจนถึงระดับหนึ่ง จะมีรูปร่างเหมือนกับผลึกแก้วที่ส่องแสงระยิบระยับ ทว่าตอนนี้ เมื่ออยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิดนั้น ทุกอย่างเหมือนกับหมอกบางตา
ด้วยพลังฝึกปรือของจักรพรรดิอาทิตย์ กลับไม่กล้ากระทบถูกหมอกบางนั้น ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะถูกบีบอัดกลายเป็นผุยผง
ยามเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน ได้แต่หลบหลีกอย่างเต็มที่ คิดจะแยกแยะเส้นทางยากยิ่งกว่ายาก
แต่ว่าหลังจากเคลื่อนไหวอยู่สักพักหนึ่ง สีหน้าของจักรพรรดิแพรพลันสั่นไหว จากนั้นบุรุษสวมอาภรณ์ดำผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในคลองจักษุ กลับเป็นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเห็นจักรพรรดิอาทิตย์ก็เลิกคิ้วเบาๆ ไม่ได้มีความรู้สึกประหลาดใจ แต่มองออกว่าการพบกันอีกครั้งอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเช่นดัน
เพียงแต่ครั้งนี้จักรพรรดิอาทิตย์กลับไม่ได้ทำตัวตามสบายเช่นเมื่อครู่ แต่เอ่ยถามอย่างแช่มช้า “สหายร่วมเส้นทางฟู่ ไฉนถึงมายังมิติแห่งนี้”
………………..