ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1228 เส้นทางประมุข
สั่วหมิงจางพูดจบก็ไม่กล่าวมากความ ลอยตัวขึ้นไปด้านบนทันที ท้องฟ้าเกิดเป็นช่องว่าง เงาร่างของเขาหายไปด้านใน
พริบตาต่อมา ช่องว่างกลางอากาศก็สมานตัว โลกมิติที่เยี่ยนจ้าวเกอและทวนพระอังคารอยู่กลับคืนสู่ลักษณะเดิม จากนั้นไม่นานเท่าไร สองคนก็รู้สึกว่าโลกมิติตรงหน้าพลันสั่นไหวขึ้นมา
เขตแดนมิติที่เป็นมายายามนี้กระเพื่อมไม่หยุดยั้งเหมือนกับคลื่นน้ำ ราวกับผิวน้ำที่ถูกลมกรรโชกพัดผ่าน
แม้ว่ามิติในนี้จะค่อยข้างมั่นคง แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิด
เมฆดาราปฐมกำเนิดเกิดความปรวนแปรโดยรวม ความว่างเปล่าบริเวณนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย เห็นได้ชัดว่าราชันพระอังคารสั่วหมิงจางได้ประมือกับยอดฝีมือโถงเซียนที่อยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิดแล้ว ความแปรปรวนที่เกิดจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเมฆดาราปฐมกำเนิด
ในเมื่อสั่วหมิงจางเผยโฉม ความสนใจของยอดฝีมือจากโถงเซียนส่วนใหญ่จึงถูกเขาดึงดูดไว้
สั่วหมิงจางออกไปหาคนของโถงเซียนด้วยตัวเอง อำนาจการบุกอยู่ที่เขา ด้วยเหตุนี้จึงสามารถอำพรางเส้นทางก่อนหน้า ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอเจอตามทางที่เขามา
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในลำแสงเจ็ดสาย อาบอยู่ในแสงสว่าง เขาใช้นิ้ววาดเป็นตราอาคมสายแล้วสายเล่าในแสงสว่างกลางอากาศ สลักลงไปในแสงเจ็ดสี
ถึงแม้แสงจะไหลเวียนไม่หยุด แต่ว่าตราอาคมเหล่านั้นก็ยังอยู่ในตำแหน่งตายตัว ตราอาคมทั้งหมดห้าสายร่วงหล่น แยกกันออกไปตรงกลางและสี่ทิศหลัก
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่กลางความว่างเปล่า ด้านล่างเป็นตราอาคมสายหนึ่ง เขากวาดมองรอบๆ ดีดนิ้วเบาๆ ลำแสงสี่สายพุ่งออกมาจากด้านใน แยกกันไปยังสี่ทิศ วนเวียนอยู่บนตราอาคมสี่สายที่อยู่รอบๆ
ตราประทับยักษ์สีทองอันหนึ่ง กระบี่ยาวที่คมกระบี่เหมือนกับน้ำในฤดูสารทเล่มหนึ่ง ตราแปลกประหลาดที่ยาวเท่ากระบี่สั้นอันหนึ่ง รวมถึงหีบกระบี่สีดำขนาดมหึมาหีบหนึ่ง
‘กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนกับตรากระบี่กาลเวลามีคุณสมบัติด้อยไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าน่าพอใจ’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างยินดี
ตราประทับตะวัน กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ตรากระบี่กาลเวลา และกระบี่ปีศาจเทาเที่ย สี่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงแยกกันอยู่รอบเยี่ยนจ้าวเกอ
หนึ่งคนสี่ของวิเศษ สะกดตราอาคมห้าสาย ลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศพร้อมกัน แสงอัสดงสีทองจางๆ ปรากฏ รวมกับลำแสงเจ็ดสีที่ครอบคลุมพวกเขาเป็นหนึ่ง ลำแสงเจ็ดสีสั่นไหวครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ สงบนิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านในลำแสงต่อไป
กลิ่นโอสถไม่มีทีท่าว่าจะจางลงแม้แต่น้อย กลับเข้มข้นขึ้น หล่อเลี้ยงร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีมีการสั่งสมเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว รู้สึกว่าพลังจิตของตัวเองเพิ่มขึ้นสู่ระดับสมบูรณ์ หากมองเข้าไปในร่าง จะเหมือนกับมองดูจักรวาลที่แท้จริง ดวงดาวโคจรไม่หยุดยั้ง เกิดดับอย่างต่อเนื่อง มีแบบแผนของตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นที่เห็นว่าจักรวาลในร่างของตนเหมือนกับกำลังเจอการเกิดและการดับจากการเปลี่ยนแปลงของการสรรสร้าง ตั้งแต่เกิดใหม่จนดับสูญ จากนั้นก็เกิดใหม่อีกครั้ง
เขายังเหลือจุดลมปราณอีกไม่กี่จุดที่ยังไม่ได้หลอมถึงขั้นทลายนภาเห็นเทวะสำแดง
สำหรับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายมากมาย การหลอมจุดลมปราณไม่กี่จุดสุดท้ายนี้มีความยากลำบากยิ่ง อาจจะยากจนไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
สามารถบอกว่าการขยายต้นไผ่ร้อยฉื่อให้ยาวขึ้นอีกขั้นมักจะยากที่สุดเสมอ แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติจากไม่สมบูรณ์แบบเป็นสมบูรณ์ ดังนั้นจึงยากลำบากเป็นพิเศษ
บนโลกซ้อนโลกมียอดฝีมือด้านวรยุทธ์จำนวนมากที่ติดอยู่ด่านนี้หลายสิบปีหลายร้อยปี ศักยภาพเหือดแห้ง ค่อยๆ มุ่งสู่ความเสื่อมถอย
หากแต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขอแค่ตนปรารถนา จะสามารถทำให้การฝึกฝนจุดลมปราณไม่กี่จุดสุดท้ายนี้ก้าวข้ามอุปสรรคสุดท้าย สำเร็จร่างมนุษย์เซียนได้
ตั้งแต่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าไปถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ เยี่ยนจ้าวเกอจำเป็นต้องมีวรยุทธ์กระแสตรงของสายสามพิสุทธิ์ทั้งหมด
ทว่าวรยุทธ์กระแสตรงสายสามพิสุทธ์ที่เขาครอบครองอยู่ในตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์มากแล้ว
ของล้ำค่ามากมายที่เขาขุดค้นพบช่วยให้เขารุดหน้า และเป็นเพราะว่าศึกษาวรยุทธ์มากมาย จึงมีความลี้ลับในวิชาบางอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องขัดเกลา
โดยเฉพาะเขายังฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ต้องทำให้ตนเองหลอมสิ่งที่ร่ำเรียนจนแตกฉานให้ได้
คัมภีร์เบิกนภาที่เพิ่งได้มากับคัมภีร์กระบี่สังหารเซียน ในฐานะวรยุทธ์ของสายหยกพิสุทธิ์กับสายเหนือพิสุทธิ์ที่มีจำกัด ขณะที่มีอานุภาพไร้ขอบเขต ยังมีความน่าอัศจรรย์เหลือคนานับทำให้เขาศึกษาจนเพลิดเพลิน
ตอนเลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอคิดเพิ่มระดับเพียงอย่างเดียวจะประหยัดเวลาได้มากกว่าตอนนี้ แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแต่แรก ก่อนหน้าเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้
ดังนั้นตอนนี้พอยู่ในลำแสงเจ็ดสาย ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีโอาสสำเร็จร่างมนุษย์เซียน แต่ไม่ได้ผลีพลามก้าวเท้าก้าวนั้น เพียงสงบจิตใจศึกษาหลักการวรยุทธ์ต่างๆ
เยี่ยนจ้าวเกอาบอยู่ในแสงสว่างเจ็ดสี มีพลังสมาธิเต็มเปี่ยม จิตใจประเปรียวถึงขีดสุด เมื่อศึกษาหลักการย่อมได้ผลลัพธ์เป็นเท่าตัว
ทวนพระอังคารมองดูเยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านข้าง ลอบผงกศีรษะ ‘มีวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วยจริงๆ’
เขาได้รับการไหว้วานจากเยี่ยนจ้าวเกอ เตรียมจะกลับไปส่งข่าวที่โลกซ้อนโลก กระนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนจากไป รอจนกว่าราชันพระอังคารสั่วหมิงจางดึงคนของโถงเซียนออกไป วงล้อมด้านนอกคลายออกจนหมดจึงค่อยเคลื่อนไหว
ตอนสิ่งที่ทวนพระอังคารสนใจยิ่งกว่าก็คือตราอาคมห้าสายที่เยี่ยนจ้าวเกอได้กางไว้
หลังจากการพิจารณาอย่างระมัดระวัง เยี่ยนจ้าวเกอจะสำรวจตำหนักโอสถอีกครั้งเมื่อได้เตรียมการส่วนหนึ่งแล้ว แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกินไป ก็อาจจะหลงอยู่ในเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังตำหนักโอสถ เพราะการเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาเช่นกัน
สาเหตุที่ให้ทวนพระอังคารกลับไปตามคน ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอรั้งอยู่ หลักๆ แล้วเป็นเพราะเขามีวิธีสะกดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังตำหนักโอสถนี้
‘วิชามีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ดูคุ้นตาอยู่หลายส่วน แต่ยากจะเข้าใจถึงความนัยในระดับลึกยิ่งกว่า’ ทวนพระอังคารกล่าวในใจ ‘ไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากวรยุทธ์แล้ว ด้านค่ายกลก็มีระดับสูงยิ่ง’
ในระหว่างที่รอ การกระเพื่อมของเมฆดาราปฐมกำเนิดที่นอกโลกก็เริ่มสงบลง ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันคล้ายค่อยๆ ออกห่างจากเมฆดาราปฐมกำเนิด
แต่เป็นเพราะว่าผลกระทบจากการต่อสู้ เขตแดนสุญญตาแห่งนี้จึงเริ่มบิดเบี้ยวแหลกสลาย เผยให้เห็นร่องแยกหลายสาย
นี่กลับเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงได้ สั่วหมิงจางไม่มีทางทิ้งผนึกพลังของตัวเองไว้เพื่อเพิ่มการป้องกัน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการนำทางให้ศัตรู
เห็นแสงสว่างเจ็ดสีกะพริบ เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย กงจักรมหาประกายกาฬลอยขึ้นมา
กงจักรเหล็กสีดำหมุนวน ในรูสิบสองรูบบนตัวมันมีสิบเอ็ดรูที่แสงดับลงไป เหลือเพียงรูเดียวที่เปล่งแสง
เงามืดหลายสายปรากฏออกมาจากในประกายแสง ครอบคลุมมิติ ห่อหุ้มแสงสว่างเจ็ดสีไม่ให้รั่วไหลออกด้านนอก
“ข้าจะออกเดินทางแล้ว” ทวนพระอังคารเห็นดังนั้นก็พยักหน้า จากนั้นค่อยลอยตัวขึ้นด้านบนทันที
หลังจากออกจากมิติแห่งนั้นไป ด้านหน้าก็เป็นซากปรักหักพักที่วังเทพได้เหลือไว้ในอดีตอีกครั้ง เขามุ่งหน้าไปยังความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป เตรียมทดลองออกจากเมฆดาราปฐมกำเนิด
ทว่าทันใดนั้นเองพลันเห็นเงาคนหลายสายปรากฏแวบขึ้นด้านในความว่างเปล่า คนหนึ่งในนี้บนศีรษะมีแสงสายหนึ่งสาดลงด้านล่าง ส่องสว่างซากสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น กลายเป็นสภาวะดึงดูด
‘นั่นคือ…’ ทวนพระอังคารดวงตาพลันสั่นสะท้าน
ท้ายที่สุดก็มีคนมา
ไม่ใช่เพราะสั่วหมิงจาง และไม่ใช่เพราะแสงสว่างเจ็ดสีที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บ แต่เป็นเพราะซากวังเทพที่อยู่ที่นี่
………………..