ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1229 เผยร่องรอยด้วยตัวเอง
แสงสว่างที่พุ่งมาบนซากสิ่งก่อสร้าง ทวนพระอังคารไม่ได้ไม่รู้จัก ถึงขั้นที่คุ้นเคยดี
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งได้เจออีกฝ่าย
นั่นเกิดขึ้นจากประกายกระจกของโคมในคันฉ่อง อาวุธเซียนของจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไข หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลก
ประกายกระจกในตอนนี้เกาะเกี่ยวซากสิ่งก่อสร้างที่พังทลายของวังเทพเหมือนเชือก นำพวกจักรพรรดิอาทิตย์มาที่นี่
ครั้งนี้คนของโถงเซียนรวมตัวกันที่เมฆดาราปฐมกำเนิด หลักๆ ก็เพื่อล้อมสังหารราชันพระอังคารสั่วหมิงจาง ขณะเดียวกันก็หาวิธีสืบหาที่อยู่ รวมถึงความเป็นความตายที่แท้จริงของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง
สั่วหมิงจางที่เดือดดาลเข่นฆ่าออกไปด้วยตัวเอง ทั้งยังเสาะหาตามล่ายอดฝีมือโถงเซียนที่ครั้งกระโน้นเข้าร่วมการไล่ล่าเซ่าจวินหวางในเมฆดาราปฐมกำเนิด เท่ากับทำให้โถงเซียนทราบคำตอบ
ครั้งกระโน้นราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงไม่ได้หนีไปผ่านเมฆดาราปฐมกำเนิด แต่ว่าสิ้นชีวิตอยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิดอย่างแท้จริง
เมื่อเป็นแบบนี้ คนของโถงเซียนย่อมเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ตัวสั่วหมิงจาง
ถึงจะทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แต่เนื่องจากไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของตำหนักโอสถ ดังนั้นคนจากโถงเซียนจึงคาดการณ์ว่าเยี่ยนจ้าวเกอถูกสั่วหมิงจางพาฝ่าวงล้อมออกไป
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือโถงเซียนในเมฆดาราปฐมกำเนิด หรือว่าคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมฆดารา ตอนนี้เหมือนดึงผมเส้นหนึ่งสะเทือนทั้งร่าง ต่างโอบวงล้อมเข้าหาสั่วหมิงจากดุจสายฟ้าฟาด
ในเมฆดาราปฐมกำเนิดสงบกว่าเดิม แต่ก็มีคนอื่นสนใจเรื่องอื่นเช่นกัน อย่างเช่น หลังจากราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงได้เสียชีวิตลงแล้ว ได้ทิ้งอะไรไว้หรือไม่
ถึงจะถูกสั่วหมิงจางเอาไปด้วย แต่ว่าในเมื่อที่นี่เป็นสถานที่ฝังร่างของนาง อาจจะเหลือสิ่งของที่มีค่าอยู่ส่วนหนึ่ง
จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขพกพาความคิดนี้ อยู่ค้นหาในเมฆดาราปฐมกำเนิด
ถึงอย่างไรด้วยพลังการฝึกปรือของเขา แม้จะเหนือกว่าจักรพรรดิเซียนจริงแท้ของเต๋านอกรีต แต่เมื่อเผชิญกับราชันพระอังคารสั่วหมิงจางก็สุดที่จะเทียบเคียงได้
เป็นเพราะว่าเรื่องของทวนพระอังคารก่อนหน้า เมื่อเขาเผชิญกับสั่วหมิงจาง อีกฝ่ายจะต้องระบายคามโกรธใส่เขาโดยไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายใดอย่างไม่ลังเลแน่ ดังนั้นจักรพรรดิอาทิตย์จึงไม่ได้ติดตามคนส่วนใหญ่ไป แต่ว่าอยู่ค้นหาในที่ฝังสังขารของเซ่าจวินหวง
บุรุษอาภรณ์ดำที่สง่างามแต่กลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ด้านข้างเขายืนเอามือไพล่หลัง เป็นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำนั่นเอง
อีกด้านหนึ่งเป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่มาจากโถงเซียนอีกหลายคน ร่วมทางกับจักรพรรรดิอาทิตย์และจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมียอดฝีมือโถงเซียนจำนวนไม่น้อยรั้งอยู่ เพื่อค้นเมฆดาราปฐมกำเนิด
เซ่าจวินหวงในเมื่อตายแล้ว โถงเซียนก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางเหมือนเดิมอีก แต่ว่าพอนึกถึงหูเยว่ซินผู้สืบทอดของนางกับอิ่นเทียนเซี่ยก่อกวนเรื่องเศษศิลาฟ้ากำเนิด และความสัมพันธ์ระหว่างเสวี่ยชูฉิงกับเยี่ยนจ้าวเกอ โถงเซียนก็แบ่งความสนใจส่วนหนึ่ง มาค้นสถานที่แห่งนี้ กระทำให้เสร็จสิ้น
“ที่นี่เป็นสถานที่ใด” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสำรวจรอบๆ
จักรพรรดิอาทิตย์ส่งกระแสเสียงตอบ “ถ้าหากข้าทายไม่ผิด สมควรเป็นซากที่เหลืออยู่หลังประสบวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของวังเทพ”
“วังเทพ…หรือ?” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสายตาดำดิ่ง “สหายร่วมเส้นทางแน่ใจได้อย่างไร”
“ในอดีตข้าเคยได้ของวิเศษมาหลอมรวมกับโคมในคันฉ่องของตัวเอง” จักรพรรดิอาทิตย์อธิบาย “เป็นโคมในคันฉ่องนำทางข้ามายังที่นี่ แต่ที่นี่พังทลายหมดสิ้น ไม่มีปราญวิญญาณให้เอ่ยถึงอีกแล้ว”
พวกเขามีพลังเหนือกว่าจอมยุทธ์โถงเซียนที่อยู่รอบๆ ยามสนทนาด้วยการส่งกระแสเสียงกลับไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเนื้อหาด้านใน
ทว่าจักรพรรดิโถงเซียนเหล่านั้นก็สัมผัสได้รางๆ ว่า สองคนกำลังลอบคุยกันอยู่ จึงมองมาด้วยสายตาไม่พอใจนัก
จักรพรรดิอาทิตย์กับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสีหน้าสงบนิ่ง ไร้การเปลี่ยนแปลง เพียงมองซากสิ่งก่อสร้างเบื้องล่าง
การมาถึงของพวกเขาพลันทำให้ทวนพระอังคารลอบขมวดคิ้ว
โชดดีที่เขาเห็นประกายกระจกของโคมในคันฉ่องแต่แรก ดังนั้นจึงปกปิดร่องรอยซ่อนตัวทันที
ถึงแม้ทวนพระอังคารจะไม่เชี่ยวชาญมรรคาการซ่อนตัว แต่อาศัยการปกปิดจากซากวังเทพในที่แห่งนี้ กอปรกับคั่นด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล พวกจักรพรรดิอาทิตย์ไม่สามารถพบร่องรอยของเขาได้ในทันที
แต่ว่าร่องรอยอื่นๆ กลับปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา
เขตแดนชายขอบของโลกสุญญตาที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่แห่งนั้น ยามนี้เละเทะไม่มีชิ้นดีเพราะการฉีกกระชากที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาในเมฆดาราปฐมกำเนิด
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะอำพรางแสงสว่างเจ็ดสีและกลิ่นอายของตัวเอง ทำให้พวกจักรพรรดิอาทิตย์ไม่อาจรับรู้ได้ชั่วขณะ แต่ว่ามิติที่ซากสิ่งก่อสร้างนี้อยู่เชื่อมต่อกับโลกซึ่งอยู่ในมิติอันเป็นเอกเทศอีกแห่งหนึ่ง ถือเป็นเรื่องที่มองก็ทราบในทันที
ปัจจุบันยังสัมผัสไม่ได้ว่าด้านในมีอะไร แต่ไม่ส่งผลต่อการเตรียมตัวเข้าไปของพวกจักรพรรดิอาทิตย์
พวกเขาเดิมทีมาเพื่อลองค้นหาร่องรอยที่เซ่าจวินหวงอาจจะเหลือไว้ ย่อมยินดีเสียเวลาตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ทุกส่วน
เห็นหลังจากพวกจักรพรรดิอาทิตย์หยุดในซากสิ่งก่อสร้างครู่หนึ่งก็เริ่มเข้าใกล้ร่องแยกมิติ เตรียมจะเข้าไปในโลกสุญญตาซึ่งเยี่ยนจ้าวเกออยู่ จิตใจของทวนพระอังคารกลายเป็นเคร่งเครียด
หลังจากเขาไตร่ตรองเล็กน้อยก็ส่ายศีรษะ หยุดซ่อนตัว ร่างกลายเป็นเพลิงกลุ่มหนึ่ง พุ่งไปยังที่ไกลในทันใด
การเคลื่อนไหวนี้ถูกพวกจักรพรรดิอาทิตย์และจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสัมผัสได้ในทันที
ถึงแม้ว่าจะมีนิสัยเถรตรง แต่ว่าทวนพระอังคารก็เป็นผู้มีประสบการณ์โชกโชน ไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของตัวเองเด่นชัดเกินไป เขายังคมเก็บกลิ่นอาย เหมือนกับตั้งใจซ่อนตัวจากพวกจักรพรรดิอาทิตย์ คอยหาช่องว่างเพื่อหนีไปโดยแข่งกับเวลา
หากแต่กลับเหมือนว่าหากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว จะทำให้พวกจักรพรรดิอาทิตย์พบร่องรอยของเขาทันที
“หยุดเขาไว้” จักรพรรดิอาทิตย์ขมวดคิ้ว หันแสงโคมของโคมในคันฉ่องไปส่องใส่ทวนพระอังคารในทันที
คนอื่นๆ ต่างมีความคิดเหมือนจักรพรรดิอาทิตย์ ที่นี่อาจจะมีสิ่งของที่ราชันพระพฤหัสบดีเหลือไว้จริงๆ
สั่วหมิงจางไม่ได้นำไป แต่ให้ทวนพระอังคารลอบเก็บรักษาไว้ แล้วค่อยจากไป
พอคิดถึงตรงนี้ ทุกคนพลันกลายเป็นลำแสงหลายสาย ไล่ตามแสงเพลิงนั้นไป
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพบร่องรอยของตัวเองแล้ว ทวนพระอังคารก็เร่งความเร็วถึงระดับสูงสุด คิดจะหนีไปยังที่ไกล เหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ถึงแม้การร่วมมือกันต้านศัตรูกับเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับจะมีผลดีมากกว่า แต่ประการแรกเป็นเพราะไม่อยากจะให้คนของโถงเซียนค้นพบความลับของตำหนักโอสถ ประการที่สองเป็นเพราะลักษณะของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับกำลังเข้าฌานฝึกฝน
ดังนั้นทวนพระอังคารจึงตัดสินใจล่อศัตรูเอง เขาเดิมทีคิดจะออกจากเมฆดาราปฐมกำเนิด กลับโลกซ้อนโลกอยู่ การหนีในตอนนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนการ เพียงแต่ความยากและความอันตรายมีมากกว่า
“พี่ร่วมเส้นทางโปรดหยุดก่อน” จักรพรรดิอาทิตย์ตะโกนไล่หลัง
“จู๋หยางจื่อ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ หยุดใช้ใบหน้าจอมปลอมของเจ้าได้แล้ว” ทวนพระอังคารกล่าวเย็นชา
จักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขสีหน้าสงบนิ่ง “พี่ร่วมเส้นทางแค้นข้า ข้าเข้าใจได้ แต่ขอให้พี่ร่วมเส้นทางฟังวาจาของข้า ราชันพระอังคารกระทำการตามใจตัวเอง ไร้กฎเกณฑ์ไร้การควบคุม ที่แล้วมาไม่เคยใยดีผู้อื่น ก่อเภทภัยขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง กลับดึงผู้สืบทอดทั้งหมดของสามพิสุทธิ์สายหลักมาเกี่ยวข้อง ข้าเพื่อค้ำจุนโลกซ้อนโลก ไม่อาจไม่ใช่แผนการนี้ คนที่ล้ำเส้นไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่เขาล้ำเส้นหลายครั้งเกินไป จนไปถึงขั้นที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกแล้ว ตอนนี้ได้แต่ต้องสู้กันเพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี