ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1241 คนที่ห้า
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับจักรพรรดิอาทิตย์ตายด้วยคมทวนของตัวเอง ทวนพระอังคารกลับไม่ใส่ใจ
การต่อสู้หลายพันปี เขาได้เห็นความเป็นความตายมากเกินไปแล้ว แม้แต่ตัวเขาก็สามารถบอกได้ว่า เป็นตัวตนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
เทียบกันแล้ว การตายของจักรพรรดิอาทิตยเทียนไขยังส่งผลกระทบต่อทวนพระอังคารน้อยกว่าตอนที่ข่าวการตายของประมุขปฐวีหวังเจ้งเฉิงมาถึง
กลับเป็นการสังหารจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำที่ทำให้ทวนพระอังคารรู้สึกซับซ้อน
“ผู้อาวุโส ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท บุญคุณความแค้นระหว่างท่านกับผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ คล้ายไม่ล้ำลึกเหมือนระหว่างท่านกับเผ่ามังกรในโลกมังกรอัคคี?” เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้หันมามองทวนพระอังคาร “ตอนอยู่ในนพยมโลก ท่านถูกวางกับดัก ประสบการณ์กลุ้มรุมจากกษัตริย์เต๋านอกรีต ตอนนั้นถึงแม้ว่าจักรพรรดิแพรจะยังไม่ได้แบ่งแยก แต่ว่าจักรพรรดิแพรก็นับได้ว่าต้นเหตุของภัยพิบัติในระดับหนึ่ง จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวบางทีอาจมีความแค้นกับท่าน แต่ไม่มีทางยืมดาบจากเต๋านอกรีต”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ในอดีตเสวียนจง นักพรตผู้อาวุโสแห่งสายเอกพิสุทธิ์ได้ช่วยเผ่ามังกรสะกดท่าน ท่านต้องการคิดบัญชีนี้กับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวถือว่าสมเหตุสมผล แต่สมควรไม่ใช่แค้นตายอีกแล้ว”
ระหว่างจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวกับทวนพระอังคารหากมีบุญคุณความแค้น เยี่ยนจ้าวเกอก็จะไม่ช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“วันนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้ว” ทวนพระอังคารกล่าวอย่างแช่มช้า
ทวนพระอังคารไม่ได้รู้สึกว่าได้รับการล่วงเกินจากการเกลี้ยกล่อมของเยี่ยนจ้าวเกอแต่อย่างไร
ถึงแม้จะเพิ่งเห็นวีรกรรมสยบโลกหล้าที่แทบไม่เคยมีก่อนของเยี่ยนจาวเกอด้วยตาตัวเอง แต่ว่าทวนพระอังคารก็ไม่ได้รู้สึกว่าได้ยินการคุกคามจากวาจาของเขา
นอกจากความชิงชังต่อเผ่ามังกรในโลกมังกรอัคคีชนิดไม่ตายไม่ขอเลิกราในอดีตแล้ว ส่วนใหญ่ทวนพระอังคารจะไม่จดจำใส่ใจเรื่องอื่นๆ
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำตายด้วยมือของเขา สำหรับเขาถือว่าบุญคุณความแค้นกับผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ได้จบลงแล้ว
แน่นอนว่าถ้าหากจักรพรรดิแพรอภารณ์ขาวคิดสู้อีก ทวนพระอังคารย่อมไม่เกรงกลัวและไม่ถอยหนี
ทวนพระอังคารมองเยี่ยนจ้าวเกอ เปลี่ยนเป็นพูดว่า “เจ้าบรรลุกระบี่ลงทัณฑ์เซียนและหมัดแปลงกำเนิด สามารถหยุดพลังศรัทธาและแสงวิเศษของคนในเต๋านอกรีตได้ ทำให้คนระดับสูงของเต๋านอกรีตไม่อาจสัมผัสเรื่องที่อยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว”
ในขณะเดียวกันการการส่งข้อมูลข่าวสารในเมฆดาราปฐมกำเนิดก็ไม่สะดวกนัก
เป็นเพราะความแข็งแกร่งของเยี่ยนจ้าวเกอกับการร่วมมือของทวนพระอังคารประสานกัน พวกหร่วนหมิงเหยียนกับจักรพรรดิอาทิตย์จึงไม่อาจติดต่อกับโลกภายนอกได้ทัน
“แต่ว่าการหายสาปสูญของเซียนจริงแท้หกคนในครั้งเดียว เมื่อผ่านไปนานแล้วไม่มีข่าวคราว คนในเต๋านอกรีตไม่ช้าก็เร็วจะต้องค้นพบ”
พวกหร่วนหมิงเหยียนยังเคลื่อนไหวพร้อมกับจักรพรรดิอาทิตย์ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ เดิมทีก็ดึงดูดความสนใจของคนอยู่แล้ว
สองฝ่ายแม้ว่าจะร่วมทางกัน แต่ระหว่างกันจะต้องไม่ได้สมัครสมานสามัคคี คอยระวังให้แก่กันแน่
คนที่ทราบเรื่องจะต้องจับตาดู
พวกเขาพอหายไปด้วยกัน ย่อมดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ มากกว่าเดิม
สถานการณ์ในเมฆดาราปฐมกำเนิดซับซ้อน หากมีคนสูญเสียการติดต่อไปชั่วขณะ คนอื่นๆ คิดตามหาก็ยากลำบากจริงๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป อีกฝ่ายจะต้องยิ่งมายิ่งให้ความสำคัญ
ถึงอย่างไรการเดินทางของพวกจักรพรรดิอาทิตย์และหร่วนหมิงเหยียนก็ไม่ใช่ว่าไร้จุดหมาย การค้นหาในเมฆดาราปฐมกำเนิดเดิมทีก็รับภารกิจเสาะหาเบาะแสของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงอยู่แล้ว
“ข้าจะกลับไปแจ้งเรื่องกับพวกบิดาเจ้าที่โลกซ้อนโลก อาจจะกลับมาไม่ทัน” ทวนพระอังคารกล่าวเสียงทุ้ม
สองคนสนทนาพร้อมกับมาถึงซากปรักหักพังของวังเทพ
ในซากสิ่งก่อสร้างเต็มไปด้วยร่องแยกเขตแดน เผยให้เห็นโลกสุญญตาที่อยู่ด้านใน
ขณะเดียวกัน เป็นเพราะสงครามก่อนหน้าของทั้งสองฝ่าย มิติเวลาที่อยู่ใกล้ๆ จึงได้รับผลกระทบ โลกสุญญตาแห่งนั้นปั่นป่วนสุดขีด
ต้นผมขาวถูกราชันพระอังคารสั่วหมิงจางนำไป เมื่อไม่มีต้นไม้เทพคอยสะกด โลกมิติเวลาก็กำลังจะพังทลาย เผยให้เห็นสัญญาณของการดับสูญ
“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง ถึงแม้ว่าโถงเซียนเต๋านอกรีตกับกษัตริย์ดินจะสูญเสียร่องรอยที่อยู่ของพวกจักรพรรดิอาทิตย์ แต่ก็ยังคงกำหนดอาณาเขตคร่าวๆ ที่พวกเขาหายตัวไปได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเดินพลาง
มิติเวลาในเมฆดาราปฐมกำเนิดตอนนี้เปลี่ยนเป็นมายาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
เมื่อมียอดฝีมือที่มีพลังการฝึกปรือสูงส่งมากพอออกเคลื่อนไหว หรือส่งคนจำนวนมากพอเข้ามาก็ยังคงมีโอกาสตรวจสอบมาถึงที่นี่
ถึงจะไม่ใช่เรื่องแน่นอน แต่ก็ต้องระวังตัว
“ดังนั้นข้าจะย้ายประตูที่เชื่อมไปยังตำหนักโอสถนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอพูด
ทวนพระอังคารประหลาดใจเล็กน้อย “จะทำได้หรือ”
ความสามารถนี้ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับแค่พลังและการฝึกปรือ คนส่วนใหญ่คิดจะทำความเข้าใจความแยบยลที่อยู่ด้านในไม่ใช่อาศัยพลังเพียงอย่างเดียวแล้วจะทำได้
“เป็นเพราะว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมของเมฆดาราปฐมกำเนิด แม้ไม่ได้มั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ก็ลองดูได้ แน่นอนว่าจะต้องหยุดอยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิด” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “อีกฝ่ายจะหาที่นี่เจอหรือไม่ ข้าไม่ใช่มั่นใจเต็มร้อย ดังนั้นสามารถลองดูได้”
เมื่อเลื่อนสู่ระดับประมุข สำเร็จร่างของมนุษย์เซียน เยี่ยนจ้าวเกอสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าเดิม นี่จึงเป็นสาหาเหตุที่เขาเลื่อนระดับในวันนี้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าพวกจักรพรรดิอาทิตย์จะตามหาที่นี่เจอ
เขากล่าวกับทวนพระอังคาร “ถึงแม้เมื่ออยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิดจะยากกำหนดตำแหน่ง แต่หลังจากผู้อาวุโสเล่าให้บิดาข้าฟัง บิดาข้าจะมีวิธีตามหาข้าหลังจากที่เคลื่อนที่เอง”
ก่อนเยี่ยนจ้าวเกอจะออกสำนัก ได้มีการเตรียมการกับเยี่ยนตี๋ ทิ้งวิชาลับไว้
อีกประเดี๋ยวเยี่ยนจ้าวเกอจะผลักดันวิชาลับ ถึงเวลาเยี่ยนตี๋มาตามหาจะมีโอกาสตามเขาเจอ
“ในเมื่อเจ้ามีความมั่นใจ เรื่องราวก็ไม่อาจชักช้า ข้าไปแล้ว” ทวนพระอังคารพยักหน้า
เขามีวิธีติดต่อกับส่วนหมิงจางราชันพระอังคารเช่นกัน
ถึงแม้ว่าราชันพระอังคารจะดำเนินการไล่ล่าและเข่นฆ่ากันไปมาอย่างดุเดือดกับยอดฝีมือของโถงเซียนอยู่ก็ตาม
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
หลังจากใช้สายตาส่งทวนพระอังคารจากไป เยี่ยนจ้าวเกอก็กลับมายังโลกที่กำลังจะแหลกสลายใบนั้น
เงามืดหายไปมุมหนึ่ง ลำแสงหลายสายปรากฏ
ตราประทับตะวัน ตรากระบี่กาลเวลา กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน กระบี่ปีศาจเทาเที่ย สี่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงหมุนวนโดยมีกงจักรมหาประกายกาฬเป็นศูนย์กลาง ต่างอาบอยู่ในลำแสงเจ็ดสี
พร้อมกับที่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปด้านใน เงามืดก็ครอบคลุม บดบังทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง
“ทำงาน!” เยี่ยนจ้าวเกอประกบฝ่ามือสอง ตราอาคมห้าสายที่ของวิเศษห้าชิ้นสะกดไว้ หมุนวนพร้อมกัน เกิดการผสานค่ายกลอย่างลางๆ ระหว่างกันและกัน
ลำแสงเจ็ดสีเชื่อมต่อกับตัวเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะค่อยๆ หดตัวลงเพราะการโคจรของค่ายกล
เงามืดปกคลุม ลำแสงเจ็ดสีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่ง มิติเวลาทับซ้อนเปลี่ยนเป็นยากจะตรวจจับ ล่องลอยอยู่ในเมฆดาราปฐมกำเนิด
โลกมิติเวลาที่อยู่ใกล้ๆ ซากปรักหักพังใบนั้น ในที่สุดก็เริ่มพังทลาย
มองจากด้านนอก ลำแสงเจ็ดสีหายไปไม่เห็นร่องรอย ลอยละล่องอย่างไร้จุดหมายอยู่ในมิติเวลาเหมือนกับเงาดำจางๆ กลุ่มหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในเงาดำ ร่างอยู่กลางลำแสงเจ็ดสี ยังคงเห็นว่าลำแสงข้ามผ่านมิติเวลา เหยียดยื่นไปเชื่อมกับความว่างเปล่าอีกแห่งหนึ่ง
ณ ที่แห่งนั้น ตัวตนที่แข็งแกร่งตัวตนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น
‘จำเป็นต้องใช้คนห้าคน เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะเจอจักพรรรดิดินีหรือไม่ แล้วนางจะยินยอมช่วยหรือไม่’ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในลำแสงเจ็ดสี กลืนกินสูดเอากลิ่นโอสถ คาดคำนวณเงียบๆ ในใจ
การเคลื่อนไหวของราชันพระอังคารสั่วหมิงจางยิ่งมายิ่งรุนแรง
ไม่ว่าในใจจะมีความคิดอย่างไร กษัตริย์ดินกับกษัตริย์กระบี่ก็เกรงว่ายังคงต้องรั้งอยู่ในมิติ
ด้วยเหตุนี้ ขณะที่กษัตริย์ดาราสะกดโลกซ้อนโลก คอยเฝ้ากษัตริย์เร้นลับก็สามารถข่มขวัญคนอื่นๆ ได้
เยี่ยนตี๋กับเนี่ยจิงเสินสามารถปลีกตัวออกจากโลกซ้อนโลกได้ เมื่อบวกกับเยี่ยนจ้าวเกอและทวนพระอังคารก็มีสี่คน กลับเป็นคนที่ห้าที่ทำให้เขาต้องคิดหนัก
………………..