ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1250 อัจฉริยะบุคคลในตอนนี้มีกี่คน
คนที่เข้าใกล้โกดังโอสถไม่ใช่พวกเยี่ยนตี๋
เยี่ยนจ้าวเกอได้ทราบแต่แรกผ่านร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้วว่าต่อจากพวกเขามีคนอื่นๆ เข้ามาในตำหนักโอสถเช่นกัน ถึงจะไม่แน่ใจว่าเป็นเผ่าปีศาจหรือคนจากมรกตท่องฟ้า แต่มีจำนวนไม่น้อย
คนหนึ่งในนี้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะโชคไม่เลวหรือมีเบาะแสอื่น แม้จะวกวนไปมา แต่ก็เข้าใกล้โกดังโอสถโดยไม่ผ่านแกนนำทาง
เทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอที่ค้นหามาตลอดทางแล้ว ความเร็วเคลื่อนที่ของอีกฝ่ายสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเข้าใกล้บริเวณรอบๆ โกดังโอสถ เป็นเพราะว่าเข้าสู่อาณาเขตเงามืด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจึงไม่อาจจับตาดูได้ต่อ
เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงในตอนนี้สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่ามีคนมาถึงด้านนอกโกดังโอสถแล้ว
จากนั้นวินาทีถัดมา คนผู้นั้นก็แตะเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ!
เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่อาจควบคุมเตาทองคำม่วงเมฆลี้ลับได้โดยสมบูรณ์ แต่ว่ายังคงมีการเชื่อมต่อทางกระแสจิตอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้สัมผัสได้ทันทีว่ามีคนอื่นแตะเตาวิเศษ คิดจะเคลื่อนย้ายมัน
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะอยู่ในเตาโอสถก็ยังสัมผัสได้ว่าเขตแดนของที่นั่นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าหมุนดินวนอยู่ชั่วขณะ
“เหอะ!” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นหัวเราะ ลอยร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาทะลุม่านแสงเหมือนลอยขึ้นจากผิวน้ำ มาถึงด้านนอกโกดังโอสถ แต่ว่าเพิ่งจะโผล่ขึ้น ตรงหน้าก็พลันมีประกายกระบี่สีแดงฉานสายหนึ่งกะพริบวาบขึ้น บรรลุถึงด้านหน้าเขาในชั่วพริบตา
‘กระบี่ลวงเซียน!’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ลนลาน ส่ายร่างวูบหนึ่ง ประกายสีแดงทะลัก
ประกายกระบี่ของกระบี่ลวงเซียนเหมือนกันปะทะกัน ทำให้เขาหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้
เมื่อเพ่งตามองไป เห็นด้านข้างเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับในความว่างเปล่ายืนไว้ด้วยคนหนุ่ม สวมเสื้อคลุมเต๋า แต่ว่าปล่อยผมยาวสยาย ไม่ได้รวบมัดไว้ผู้หนึ่ง
คนหนุ่มผู้นี้ดวงตาคมกริบ เดิมทีจ้องมองเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเขม็ง บัดนี้หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
“เฮ่อเหมี่ยน เฮ่อเก้าสวรรค์?” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเบาๆ คำหนึ่ง “วิธีการทักทายของท่านไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก”
คนหนุ่มในเสื้อคลุมเต๋าที่ปล่อยผมยาวสยายถึงกับเป็นอัจฉริยะบุคคลที่งอนิ้วนับได้ในคนรุ่นหนุ่มสาวของมรกตท่องฟ้า ประมุขโถงศักดิ์สิทธิ์ ‘กระบี่สะท้านสวรรค์’ เฮ่อเหมี่ยน
เขากับอวี่เยี่ยได้รับการขนานนามว่าเป็นคู่อัจฉริยะแห่งยุคท่ามกลางคนมีความสามารถรุ่นหลัง เป็นจอมยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ต่อจากหลงเสวี่ยจี้ เทพกระบี่น้อย
เฮ่อเหมี่ยนอายุน้อยยิ่งกว่าหลงเสวี่ยจี้ แต่มากกว่าอวี่เยี่ย
หลายปีมานี้หลังจากหลงเสวี่ยจี้ปลอมแปลงชื่อและสร้างชื่อขึ้นเมื่อครั้งกระโน้น บุคคลสะท้านโลกที่ปรากฏขึ้นทางโลกซ้อนโลกก็คือคุณชายฟ้าเฉินเฉียนหัว จากนั้นก็เป็นกระบี่สะท้านเทพเนี่ยจิงเสิน
ในมรกตท่องฟ้า บุคคลที่โดดเด่นที่สุดต่อจากหลงเสวี่ยจี้คือเฮ่อเหมี่ยนที่เหนือกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน จนกระทั่งภายหลังอวี่เยี่ยถือกำเนิดขึ้น และคนทั้งสองได้รับการขนานนามคู่กัน
คำนวณจากอายุ เฮ่อเหมี่ยนมีอายุใกล้เฉินเฉียนหัว วันนี้งอนิ้วนับดู ได้เลื่อนสู่ระดับประมุขมาสักระยะแล้ว
หลังจากหลงเสวี่ยจี้กลายเป็นเซียน มรกตท่องฟ้าก็กล่าวกันว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเฮ่อเหมี่ยนจะเหนือกว่าเกาเสวี่ยโพ กลายเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในมรกตท่องฟ้าแล้ว
อาจารย์ของคนผู้นี้ก็คือจักรพรรดิเมฆ หรือจักรพรรดิสัญญะเมฆ ผู้ปกครองหุบเขาธุลีวิญญาณ หลายพันปีก่อนหน้าเขามีชื่อเสียงเท่ากับกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน เป็นหนึ่งในสองคนจากเจ็ดปราชญ์ท่องมรกตที่ครั้งกระโน้นได้บุกเบิกมรกตท่องฟ้า ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในมรกตท่องฟ้า พูดถึงวัยวุฒิและคุณวุฒิ ยังมีมากกว่าตี๋ชิงเหลียน ย่าของเยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงวันนี้จะยังเป็นเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ มิเคยฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับคาดเดาได้อย่างเลือนรางว่านั่นบางทีไม่ใช่ไม่สามารถ แต่เป็นเพราะว่าจักรพรรดิเมฆมีแผนการอื่น
เฮ่อเหมี่ยนเป็นลูกศิษย์ก้นกุฎิของจักรพรรดิสัญญะเมฆได้รับการชมเชยว่าความสำเร็จด้านพลังฝึกปรือตอนยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้า เหนือกว่าอาจารย์ของเขาแล้ว
หลังจากเลื่อนมาอยู่ในระดับประมุข สำเร็จร่างมนุษย์เซียน ว่ากันว่าเมื่อเฮ่อเหมี่ยนสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันนั้น เคยพ่ายแพ้แค่ครั้งเดียว
เป็นตอนที่แพ้ให้แก่หลงเสวี่ยจี้นั่นเอง
แต่ว่าหลงเสวี่ยจี้ในตอนนั้นเลื่อนสู่ระดับประมุขมานานแล้ว เฮ่อเหมี่ยนเพิ่งเข้าสู่ระดับมนุษย์เซียนเท่านั้น
ตัวหลงเสวี่ยจี้เองก็ยังคิดว่าการต่อสู้กับเฮ่อเหมี่ยนครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดตั้งแต่เขาเคยต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันมา
ทุกคนต่างคิดว่าเฮ่อเหมี่ยนแพ้อย่างมีเกียรติ แต่หากดูจากการเหลือฉายา ‘ประมุขแปดสวรรค์ไว้’ ที่เหมือนกับเป็นเรื่องชวนหัวของเฮ่อเหมี่ยนนั้น ก็เห็นได้ว่าตัวเขาเกรงว่าจะไม่รู้สึกเป็นเกียรติ นอกจากนี้ยังคิดจะสู้กับหลงเสวี่ยจี้อีกครั้ง
ถึงแม้หลงเสวี่ยจี้จะกลายเป็นเซียน แต่เฮ่อเหมี่ยนก็ยังมีโอกาสได้ล้างอาย
“เซียนผู้ถูกเนรเทศแห่งโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอ” ถึงแม้จะได้พบหน้าจริงๆ เป็นครั้งแรก แต่เฮ่อเหมี่ยนก็ยังจำเยี่ยนจ้าวเกอได้ ในม่านตาสองข้างของเขาปรากฏประกายสีแดงกะพริบเลือนราง “เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ครั้งกระโน้นตกไปอยู่ในมือท่านหรือ”
“ด้วยความบังเอิญ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่วอย่างสงบนิ่ง “เรื่องที่พวกผู้อาวุโสถังสามคน รวมถึงคนสามคนจากยอดเขาอัศจรรย์ได้ประสบ ข้าผู้แซ่เยี่ยนรู้สึกเสียดายยิ่ง”
เฮ่อเหมี่ยนว่า “ข้าเองก็เสียดายยิ่ง โชคดีที่ตอนนี้มีโอกาสชดเชยความเสียดายแล้ว”
เขายื่นมือไปจับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ จากนั้นก็ยกมันขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอทำเหมือนกับมองไม่เห็น เพียงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ยังไม่เอ่ยถึงว่าเผ่าปีศาจจะสอดมือ แค่ตัวตำหนักโอสถก็มีความประหลาดอยู่แล้ว ไม่ได้รับมือง่ายถึงเพียงนั้น หุบเขาธุลีวิญญาณสำนักท่าน กับกษัตริย์ลี้ลับและอาจารย์ปู่น้อยหลงที่แล้วมาไม่ถูกกัน จะเหม็นขี้หน้าข้าก็ไม่แปลก แต่มาก่อเรื่องวุ่นวายภายในตอนนี้ออกจะเร็วเกินไปแล้วกระมัง”
เฮ่อเหมี่ยนส่ายหน้า “ประสกเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว ครอบครัวพวกท่านสร้างความวุ่นวายใหญ่บนโลกซ้อนโลก ข้าผู้แซ่เฮ่อเอาใจช่วย ยิ่งวุ่นวายยิ่งดี ดังนั้นจึงไม่ได้คิดร้ายกับท่าน”
อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ได้คิด
“เรื่องอื่นๆ ในนี้ ข้าผู้แซ่เฮ่อไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว ครั้งนี้ที่มาก็เพื่อเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ เมื่อได้แล้วนับว่าสมความปรารถนา จะจากไปทันที ไม่ต้องการสิ่งอื่นอีก”
ในม่านตาที่ล้ำลึกของเขา ประกายสีแดงฉานบัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญาหาย ล่องลอยไม่แน่นอน “น่าเสียดายสุดท้ายกลับพบท่าน”
ตอนเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายได้ทำสงครามสะท้านฟ้าบนโลกซ้อนโลก เอาชนะจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ สังหารประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงที่มีรูปภูผาธาราโบ่วกี้ในมือ
ขณะที่สั่นสะท้านโลกซ้อนโลกก็สร้างความตระหนกให้แก่จักรวาลสำนักเต๋า ในนี้ย่อมรวมถึงมรกตท่องฟ้า
จอมยุทธ์ระดับกลางถึงต่ำบางทีอาจไม่ทราบ แต่ว่าเฮ่อเหมี่ยน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขซึ่งถูกจัดอยู่ในจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกแห่งมรกตท่องฟ้าจะต้องเคยได้ยินมา
เฮ่อเหมี่ยนล้วนไม่เกรงกลัวจักรพรรดิแพรงามที่ไม่มีธงจตุกำเนิดอยู่ในมือ และประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงที่ต่อให้พกพารูปภูผาธาราโบ่วกี้ติดตัว
ทว่าเมื่อได้พบกันในตอนนี้ เขาก็มองออกว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายอีกแล้ว แต่จุดลมปราณทั้งหมดได้เห็นเทวะสำแดง ครอบครองร่างมนุษย์เซียนที่มีจักรวาลอันสมบูรณ์แบบในร่าง อยู่ในประดับประมุขเหมือนกับเขา!
เขารู้สึกเหลือเชื่อที่เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบได้ในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้
แต่ว่าความจริงวางอยู่ตรงหน้า สิ่งที่แน่นอนก็คือเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จะต้องเหนือกว่าตอนที่เอาชนะจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำและสังหารหวังเจิ้งเฉิงอย่างแน่นอน
หากแต่เฮ่อเหมียนไม่หวั่นเกรง เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายแสงสีแดงฉานในดวงตาสองข้างยิ่งมายิ่งคมกริบ
“ขอกล่าววาจาจริงจังจากใจสักประโยค” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาศัยตอนข้าสู้กับคนอื่น เพื่อหาโอกาสเป็นชาวประมงได้ประโยชน์ ถือว่าเป็นผลดีกับท่านยิ่งกว่า”
เจตจำนงกระบี่ทั่วร่างของเฮ่อเหมียนยิ่งมายิ่งโชติช่วง “เผชิญหน้ากับคนที่เป็นประมุขเหมือนกัน กลับหลบหนีเพราะกลัวอันตราย แม้แต่ความกล้าในการต่อสู้ยังไม่มี ข้าผู้แซ่เฮ่อมีแต่ต้องหักกระบี่ฆ่าตัวตายแล้ว”
“นามอันยิ่งใหญ่ของประสกเยี่ยน ข้าได้ยินมานาน คราก่อนท่านมาถึงมรกตท่องฟ้า พวกเราขาดวาสนาไม่ได้เจอกัน วันนี้ได้ชดเชย ขอคำชี้แนะด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย มองเฮ่อเหมียนแล้วพยักหน้าเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “อืม”
วินาทีถัดมา แสงสีแดงก็ปรากฏ!
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงด้านข้างเฮ่อเหมี่ยนกับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับในพริบตา!
………………..
Next