ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1315 เหนือคนมีคน เหนือฟ้ามีฟ้า
“ประมุขสูงสุด…”
ทุกคนเงียบกริบ เหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ
“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งสูงส่งที่สุดในโลกมนุาย์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะมีเซียนมาจากสวรรค์ชั้นเก้าก็ยังต้องให้ความเคารพ” หลิวเจิงกู่ประมุขอีสานกล่าวเหมือนชมเชยเหมือนถอนใจ “ประมุขสูงสุด เหมาะกับความจริง กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
หวังผู่ถอนใจพลางเอ่ย “ตัวตนอย่างศิษย์น้องเยี่ยน ในอดีตไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อจากนี้ก็เกรงว่าก็ยากจะเกิดขึ้นกระมัง?”
“ตั้งแต่เริ่มยุคบรรพกาลจนถึงวันนี้ หลายยุคสมัยได้พ้นผ่าน จึงค่อยมีคนแบบนี้” หลิวเจิงกู่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้จะอยากให้มีอีกคน ไหนเลยง่ายดาย?”
ชิวเจียไห่พึมพำ ครึ่งหนึ่งถอนใจชมเชย ครึ่งหนึ่งเยาะเย้ยตนเอง “พวกเรากำลังเป็นสักขีพยานแก่ปรวัตศาสตร์!”
พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าอย่างเงียบงัน
เหล่าแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์จากเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งมีความสะท้อนใจที่ล้ำลึก
ย้อนนึกถึงวันนั้น เยี่ยนจ้าวเกอแทบจะผงาดขึ้นมาใต้หนังตาของพวกเขา
ในเวลานั้น คนบนโลกยังไม่ทราบถึงสถานะความเป็นมาของเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก
ทว่าในตอนนั้น พวกเขาก็เริ่มสร้างตำนานมากมาย
จนกระทั่งกลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นตอนนี้
ถึงตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะยังไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ทว่าเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องทิ้งรอยตราที่เป็นของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ ยากจะทำลายทิ้ง
“ข้าเกิดมาช้า ไม่ได้เห็นการบุกเบิกโลกซ้อนโลกในอดีต วันนี้กลับได้เห็นราชันพระอังคารขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล ได้เห็นภาพแยกโลกซ้อนโลก ถือว่าเป็นสักขีพยานแก่เรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์”
หลิวเจิงกู่ลูบเครา “คิดไม่ถึงว่า ทุกอย่างจะยังไม่จบ วันนี้ยิ่งทำให้ข้าได้เห็นวีรกรรมอันสะท้านเทือนเช่นนี้ของเยี่ยนสูงสุด”
ชายชราร่างสูงใหญ่ที่มีกำลังวังชากล่าวพลางถอนใจ “สำนักเต๋าของพวกเรามีโอกาสรุ่งเรืองอีกครา ชีวิตนี้ข้าไม่เสียดายแล้ว”
คนที่อยู่รอบๆ พอฟัง ต่างแสดงสีหน้ารู้สึกเหมือนกัน
มีแต่หยวนเจิ้งเฟิงประมุขคนเก่าของเขากว่างเฉิงถึงมีสีหน้าผ่อนคลาย
ถ้าหากบอกว่าใครได้เห็นการผงาดของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตาตัวเอง เขามีสิทธิ์พูดยิ่งกว่าคนของเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้
ประมุขคนเก่าวินาทีนี้ไม่ได้ประหลาดใจ ถอนใจชมเชยเหมือนคนอื่นๆ มีเพียงแต่ความปลาบปลื้มยินดี
เขาเชื่อมั่นว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องแสดงให้เห็นเกียรติยศที่ไม่มีใครสู้ได้ ความจริงในวันนี้เป็นแค่การพิสูจน์เรื่องราวนี้เท่านั้น
จักรวาลในตำหนักโอสถในที่สุดก็สงบลง
จอมยุทธ์โถงเซียนที่อยู่ด้านในถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งหมดสิ้น!
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกระทำเรื่องเล็กๆ ที่ไร้ความสำคัญ ร่างหายไปจากในจักรวาล จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นกลางหอเซียนม่วงอันเป็นแกนกลางหลักของตำหนักโอสถอีกครั้ง
เขาใช้สองมือประสานมุทรา แล้วกดลงบนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับสั่นไหว พิธีกรรมทำงาน รัศมีแสงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าขยายตัวในจักรวาลในตำหนักโดยมีหอเซียนม่วงเป็นศูนย์กลาง
ตำหนักโอสถทั้งตำหนักวินาทีนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพิ่มพลังขึ้นกว่าเดิมอีกขั้น
ควันสีม่วงที่รองรับตำหนักวังเซียนหยกขาว กลายเป็นทะเลเมฆหลายกลุ่ม ขยายตัวไปทั่วสี่ทิศไม่หยุดยั้ง
ยอดฝีมือโถงเซียนที่กำลังต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงและเยว่เจิ้ยเป่ยเห็นดังนั้น ล้วนจิตใจหนักอึ้ง “พวกเขาถึงกับล้มเหลวแล้ว?!”
ทะเลเมฆสีปราณสีม่วงยิ่งใหญ่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อยอดฝีมือจากโถงเซียน
แสงสีทองหลายสายสาดลง ทำให้ยอดฝีมือเส้นทางนอกรีตซึ่งทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้ยิ่งยากต้านทานกว่าเดิม
สถานการณ์สูสีที่ตอนแรกฝืนรักษาไว้ได้ กลับตาลปัตรในชั่วพริบตา เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยว่เจิ้นเป่ยพากันเปลี่ยนการป้องกันเป็นจู่โจม
ประกายกระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ยทวีพลัง ฟันกษัตริย์เซียนลี้ลับของโถงเซียนคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นสองท่อน!
ในขณะเดียวกัน พอสัมผัสได้ว่าเจตจำนงดาบอันเหี้ยมโหดที่ก่อนหน้านี้เฟิงอวิ๋นเซิงได้เก็บไปก่อน ตอนนี้มีแนวโน้มที่จะปล่อยออกมาอีกครา จ้าวสวรรค์โถงเซียนผู้นั้นขมวดคิ้ว “ไปก่อน ตอนนี้เมื่อไม่เสียท่า อีกเดี๋ยวค่อยคิดบัญชีกับพวกมัน”
พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ช่วยบังสภาวะการโจมตีของกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยแทนกษัตริย์เซียนลี้ลับโถงเซียนกลุ่มหนึ่งด้านข้าง จากนั้นก็หลบพลังของเฟิงอวิ๋นเซิงและตำหนักโอสถ ทะลวงวงล้อมออกไป
เยี่ยนจ้าวเกอบังคับตำหนักโอสถ แสงสีทองหลายสายม้วนตัว จับอีกฝ่ายเหมือนกับสายโซ่
เฟิงอวิ๋นเซิงออกดาบไปทันที จ้าวสรรค์โถงเซียนผู้นั้นครางเสียงหนักๆ รับการโจมตี แสงสว่างทั่วร่างปั่นป่วน
เขาไม่มีความคิดโต้ตอบ และไม่ได้หยุดยั้งลง รีบพาคนอื่นๆ หนีไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาพริบตานี้ มีกษัตริย์โถงเซียนอีกคนตายใต้กระบี่ของเยว่เจิ้ยเป่ย
หลังจากมนุษย์เซียนจากเส้นทางนอกรีตผละจากโลกซ้อนโลก ถึงขั้นไม่กล้ารั้งอยู่ในจักรวาลสำนักเต๋าต่อ ถอยเข้าไปในมิตินอกเขตแดน
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ไล่ตามจู่โจม เปลี่ยนมาเพ่งสมาธิกับการเชื่อมต่อระหว่างพิธีกรรมของตัวเองและโลกซ้อนโลกอีกครั้ง
เจี่ยงเซิ่นราชันพระจันทร์ฉวยโอกาสตอนที่เขาแบ่งสมาธิ สร้างผลลัพธ์ได้มากพอ ไม่เอ่ยถึงการเพิ่มความมั่นคงให้แก่อาณาเขตที่เหลือบนโลกซ้อนโลก ยังเริ่มทดลองดึงอาณาเขตโลกซ้อนโลกที่ถูกตำหนักโอสถม้วนเอาไปกลับมา
แผนการของเยี่ยนจ้าวเกอมีเวลาจำกัด ได้แต่ดำเนินแผนการของตัวเองบนโลกซ้อนโลก ไม่อาจเก็บกวาดร่องรอยของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ได้ทัน
หลางชิงประมุขประจิมแม้จะไม่ได้อยู่ในเขตหยวนเทียนตะวันตก แต่ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอปรับเปลี่ยนที่นั่นโดยสมบูรณ์ เวลามีไม่มากพอ
เขตราตรีอุดรกับชายฝั่งยมโลกมีการเชื่อมต่อกัน คิดเอาไปกลับทำไม่ได้
ตอนนี้เจี่ยงเซิ่งอาศัยเขตตะวันตกเฉียงเหนือ เขตเหนือ และเขตตะวันตก ต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกออยู่บนเขตจวินเทียนศูนย์กลาง
ขอแค่ทำให้พิธีกรรมของเยี่ยนจ้าวเกอไร้ผลได้ เจี่ยนเซิ่นมีโอกาสทำสำเร็จ
คิดจะดำเนินพิธีกรรมอีกครั้ง เวลาและสมาธิรวมถึงทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้มีมากเกินไปจริงๆ
รอจนถึงตอนนั้น มิพักเอ่ยถึงว่าโถงเซียนจะทำอย่างไร จักรพรรดิโกวเฉินอาจจะพุ่งความสนใจมาทางโลกซ้อนโลกอีกครั้งหนึ่ง
ถึงตอนนี้จะมีเฟิงอวิ๋นเซิงกับเยว่เจิ้นเป่ย แต่เจี่ยงเซิ่นยังคงทดลองเสี่ยงดู
น่าเสียดายที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ให้โอกาสเขา
ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอเดินวนรอบเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ เหยียบย่ำตำแหน่งของหมู่ดาว เท้าอยู่ในตำแหน่งผังเหอถูเก้าตำหนัก กระแทกฝ่ามือใส่เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเก้าครั้ง
แสงหลายสายสว่างขึ้นบนผิวเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ เกิดโซ่แสงเก้าเส้น จากนั้นต่างหายไปในแต่ละที่ของตัวหอ
จากนั้น โซ่แสงเก้าเส้นก็บิดงอพร้อมกัน!
ตำหนักใหญ่วังเซียนหยกขาว เปล่งแสงที่ไม่เคยมีมาก่อน สาดส่องความว่างเปล่ารอบๆ โลกซ้อนโลก
เส้นทางที่พลังของเขตแดนบิดเบี้ยวทับซ้อนกันหลายสายปรากฏขึ้นกลางจักรวาล เชื่อมต่อโลกซ้อนโลกกับโลกแต่ละใบเหมือนเส้นด้าย
นั่นล้วนเป็นบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์หลายสายที่เชื่อมต่อโลกซ้อนโลกกับโลกเบื้องล่างจำนวนมาก!
ขณะนั้น ทางเชื่อมเขตแดนเหล่านี้ ล้วนถูกย้ายมาอยู่บนตำหนักหยกขาว
ตำหนักหยกขาวส่งเสียงมหามรรคาครืนครั่น กระแทกเจี่ยงเซินถอยไป
จากนั้นเห็นวังเซียนที่ยิ่งใหญ่ ใช้ลำแสงหลายสายลากโลกเบื้องล่างใบแล้วใบเล่าให้เข้าไปในประตู!
โลกแปดพิภพ
โลกผืนสมุทร
โลกลอยน้ำ
โลกยมทะยาน…
โลกเบื้องล่างใบแล้วใบเล่า จำนวนนับร้อยนับพัน ต่างเคลื่อนเข้าไปในวังเซียนหยกขาวกลางทะเลเมฆสีม่วง ดุจร้อยธาราคืนสู่สมุทร
เจี่ยงเซิ่นได้แต่มองเหตุการณ์นี้อยู่ในโลกซ้อนโลก โดยไม่สามารถทำอะไรได้
“เหนือคนมีคน เหนือฟ้ามีฟ้า…หรือ?” พวกจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัด ยืนมองความว่งเปล่าที่อยู่ไกลแสนไกลบนเขาคุนหลุน จิตใจล้วนซับซ้อน ยากจะบรรยายออกมา
เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยว่เจิ้ยเป่ยเข้ามาในตำหนักโอสถแล้ว
ตำหนักหยกขาวสั่นสะเทือน ประตูปิดลง กลายเป็นลำแสง ทะลุมิติเวลาในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ผละจากโลกซ้อนโลก เข้าไปยังมิตินอกเขตแดน!
หลังจากไป ก็ไม่ใช่คนของโลกซ้อนโลกอีกต่อไป แต่บุกเบิกฟ้าดินแห่งใหม่เป็นของตัวเอง!
………………..