ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1326 โถงเซียนที่เริ่มชัดเจนขึ้นตรงหน้า
“ก้าวหน้าขึ้นอีกก้าว…หรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงพึมพำ ทวนคำของเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถไปถึงระดับนั้น ผู้ใดยินยอมย่ำอยู่กับที่ ไม่มุ่งไปหาทิวทัศน์ที่อยู่สูงกว่า?
“ไม่ใช่แค่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างแช่มช้า “เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลในปัจจุบันของโถงเซียนถึงจะหายไปสี่คน แต่ก็ยังมีอยู่ พวกเขาได้รับประโยชน์เพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แม้การฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดจะดูเหมือนจะได้ผลประโยชน์มากมาย แต่เส้นทางที่พวกเขาจะเดินต่อสมควรทำอย่างไร?”
“ยอดฝีมือของแดนสุขาวดีที่เทียบได้กับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าเรา ควรจะทำอย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาล้ำลึก “พวกเขาไม่เหมือนกับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลสำนักเต๋าสายหลักของพวกเรา หรือว่าเหมือนกับตอนที่พระศากยมุณีพุทธเจ้ายังคงอยู่ ที่พระพุทธเจ้าจากศาสนาพุทธสายหลักไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่ง อายุขัยเสมอฟ้า”
“พวกเขามีขีดจำกัดทางอายุขัยเหมือนกับจ้าวสวรรค์ในสามพิสุทธิ์สายหลักของพวกเรา”
เฟิงอวิ๋นเซิงใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยว่า “การคาดเดามากมาย เมื่อไม่อาจพิสูจน์เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงได้ แม้พูดให้คนจากเส้นทางนอกรีตฟัง ก็ยากจะโยกคลอนความคิดของพวกเขา”
“ไม่ว่าจะเป็นแผนการและความพยายามของตัวเองก็ดี หรือว่าเป็นโชคลาภวาสนาจากภายนอกก็ดี” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “หากต้องการชัยชนะ พูดง่ายๆ คือมีสองทาง ถ้าไม่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอ ก็ต้องเพิ่มระดับให้ตัวเอง”
“ปัจจุบันผู้อาวุโสสั่วชิงโอกาสพัฒนาให้แก่พวกเรา การเปรียบพลังระหว่างเส้นทางนอกรีตสูญเสียสมดุล กำลังจะเกิดสงครามรุนแรง ไม่มีเวลาว่างมาสร้างปัญหาให้พวกเราอีก เป็นโอกาสที่พวกเราต้องพยายามสั่งสมและเพิ่มระดับ”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “นี่ย่อมแน่นอน”
สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เวลาไม่คอยท่า คุณค่าของเวลาล้ำค่าเป็นพิเศษ
เวลาที่มอบให้เขาล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า
แต่ความย้อนแย้งอยู่ที่ พวกเขาใช่ว่าจะมีเวลามากพอขนาดนั้น
คู่ต่อสู้จะต้องไม่ยอมให้พวกเขาเติบโต การกลุ้มรุมและการกดดันล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ดังนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงจำเป็นต้องวางแผนให้ละเอียดกว่าเดิม รู้จักใช้โอกาสเพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้แก่ฝ่ายตัวเอง
หลังจากเห็นว่าเฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิในมิติจักรวาลด้านในตำหนักโอสถ สูดลมหายใจทำสมาธิ ฟื้นฟูตัวเองแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็นั่งตรงข้ามนาง
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เริ่มฝึกฝนในทันที
เขาดวงตาล่องลอยอยู่บ้าง กวาดมองรอบๆ มองดูจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดในตำหนัก
อดีตตำหนักโอสถของวังเทพ ปัจจุบันได้ตกมาอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว
แต่ว่าประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับเทียนซูวิญญาณตำหนัก ในตอนที่เพิ่งได้ตำหนักโอสถมา เวลานี้ได้ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้เขาทบทวนถึงเรื่องราวของตนเองก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ความทรงจำตอนยังอยู่ในหอเก็บหนังสือวังเทพ
การได้พบจักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน รวมถึงจ้าวสวรรค์จ้าว ล้วนสะเทือนอารมณ์ของเขา
เพียงเสียดายที่เขาไม่อาจสนทนากับคนเหล่านี้ต่อหน้าได้ ดังนั้นความสงสัยมากมายในใจ จึงได้แต่ต้องติดค้างอยู่ในส่วนลึกของจิตใจต่อไป
พวกจ้าวสวรรค์จ้าว และเทพสีครามจ้าวฝีดาษยังพอทำเนา จักรพรรดิโกวเฉินกลับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดที่มีไม่กี่คนในวังเทพ
ความสงสัยจำนวนไม่น้อยของเยี่ยนจ้าวเกอ บางทีอาจหาคำตอบได้จากเขา
คนที่คล้ายกับเขายังมีจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เทียบกับจักรพรรดิโกวเฉินแล้ว ยังเป็นตัวตนที่เก่าแก่ยิ่งกว่า
ผู้สืบทอดของบรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ที่แท้จริง ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ไม่กี่คนที่ได้เข้าสูวังเทพ ซึ่งไม่ได้อยู่ในทำเนียบเซียน
หลังจากผ่านยุคสถาปนาเทพเจ้า ยุคไซอิ๋ว มาจนถึงยุคปัจจุบัน ข้อมูลที่เขามีอยู่ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมากกว่าจักรพรรดิโกวเฉิน
“ฟู่ว….” เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจยาว สะสางความคิดที่ยุ่งเหยิง จิตใจค่อยๆ สงบลง
เขาละสายตากลับมา ไม่ซึมเซาเลื่อนลอยอีก เริ่มต้นการฝึกฝน
การเดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ไม่มีผู้ใดเคยกระทำ ทุกๆ ย่างก้าวล้วนจำเป็นต้องให้เขาคลำหาและสรุปด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ฝึกฝนมาถึงวันนี้ อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในที่สุดก็ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นตรงหน้า
การเปิดประตูเซียน แม้เดินบนเส้นทางทั่วไป ก็ยังเป็นด่านยาก ยิ่งอย่าว่าแต่เส้นทางใหม่อย่างเช่นตอนนี้
ดังนั้นการก้าวเท้าก้าวนี้ ด้วยความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังต้องระวังตัวให้มาก ไม่อย่างนั้นยังไม่เอ่ยถึงอันตรายจากภัยพิบัติมนุษย์เซียน แต่เพื่อสร้างรากฐานที่ดีแก่เส้นทางการพัฒนาในภายหลัง เขาจะรีบร้อนไม่ได้
ปัจจุบันเป็นเพราะสั่วหมิงจางสร้างความเสียหายให้แก่พลังของโถงเซียน การต่อสู้ของเต๋าและพุทธกำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมีเวลาสงบใจฝึกฝน
หลายวันมานี้ เขาอยู่ในตำหนักโอสถ ค่อยๆ เกิดความคิดใหม่
ขณะนี้ แค่ขัดเกลาอีกขั้น ก็ทำให้ความคิดกลายเป็นแผนการที่สามารถทำได้จริง
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา ค่อยๆ เข้าสู่ระดับไร้ความนึกคิด ซึ่งส่งผลดีต่อการฝึกฝนมากที่สุด
…
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอได้กระตุ้นให้ตำหนักโอสถม้วนโลกมากมายออกจากจักรวาลสำนักเต๋า ล่องลอยอยู่กลางความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ก็มีคนอื่นๆ เดินทางในมิติต่นอกเขตแดนที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเช่นกัน
แสางจันทร์ที่เย็นเยียบสุกสกาวแวบผ่านมิติเวลาอันมืดมิด
แสงจันทร์กระจ่างข้ามผ่านมิติเวลาหลายชั้นที่ทับซ้อนกัน จากนั้นก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
จันทร์เต็มดวงอันเย็นเยียบดวงหนึ่งลอยนิ่งอยู่กลางความมืด สาดแสงใส่ความว่างเปล่ารอบๆ
แสงกระจายไปทั่ว เงาคนสายหนึ่งค่อยๆ ปรากฏ กลับเป็นคนหนุ่มอาภรณ์ขาว
คนหนุ่มผิวซีดขาว ไม่เห็นสีเลือด เหมือนกับยังขาวยิ่งกว่าอาภรณ์บนร่าง แม้แต่จิตใจก็ซึมเซาอยู่หลายส่วน แต่สายตาสงบนิ่ง ไม่มีความท้อถอย
เป้นกานหาน ราชันพระอาทิตย์
ตอนนี้แสงจันทร์ของจันทร์เต็มดวงอันเย็นเยียบเริ่มมืดลง เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน
แสงจันทร์แม้จะจางลง แต่ว่าสตรีนางหนึ่งเมื่อเดินออกมาจากด้านในแสงจันทร์ กลับทำให้โลกเพิ่มสีสันขึ้นมาหลายส่วน
“เดินหมากผิดตาเดียว ล้มเหลวเสียแล้ว” เกาหานมองราชันพระจันทร์หลิงชิงที่เดินมาหาเขา ส่ายหน้าด้วยความเสียดาย
หลิงชิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทำไม่สำเร็จ เจี่ยนซุ่นหวาล้มเหลว กลับเป็นเด็กสาวที่นางคิดใช้คืนชีพได้อำนาจของจอมมารไป”
นางมองเกาหาน “ไม่ใช่มารทองแก แต่เป็น…มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม”
“มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม…” เกาหานเงยหน้า คล้ายพิจารณาอะไรอยู่
หลิงชิงคุ้นชินดี ไม่ได้ไต่ถาม และไม่ได้เร่งเร่า
เห็นเกาหานรู้สึกตัว นางก็ไม่ได้ถามเรื่องของเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูอีก เหมือนกับลืมเรื่องนี้ไปแล้ว “อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไร?”
“โดนทำลายไปหนึ่งบุปผา ชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง” เกาหานครุ่นคิดอย่างละเอียด แก้ใหม่ว่า “หายไปมากกว่าครึ่ง”
หลิงชิงเอ่ยอย่างราบเรียบ “ถ้าไม่ใช่สหายร่วมเส้นทางสั่วยั้งไมตรี ท่านเกรงว่าคงไม่มีแม้แต่ชีวิตแล้ว”
เกาหานยิ้ม “เป็นอย่างที่สหายร่วมเส้นทางสั่วว่า คิดอาศัยดาบของเขาฆ่าคน หากไม่จ่ายราคาอะไรเลยจะได้อย่างไร? นาเสียดายที่ถึงเวลาจ่ายราคา แผนการกลับไม่สำเร็จ ขาดอีกเพียงก้าวเดียว”
“ครั้งนี้ไม่สำเร็จ จักรพรรดิโกวเฉินต้องมีการเตรียมตัว ภายหลังยิ่งสำเร็จยากกว่าเดิม” หลิงชิงว่า
“ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ค่อยๆ หาโอกาส” เกาหานเอ่ยโดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “กลับเป็นในตอนที่รอท่านกลับมาก่อนหน้า ข้าได้ติดต่อกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ พอฟังเรื่องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่ทราบมาก่อน ก็แก้ไขข้อสงสัยให้แก่ข้าไม่น้อย”
………………..