ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1330 เงาร่างด้านหลังประวัติศาสตร์
อามิตตาภพุทธเจ้าประทับอยู่ในดินแดนอันบริสุทธิ์ ไม่แก่งแย่งจึงไม่พ่ายแพ้
ไม่ใช่ไม่มีตอนที่ลงมือ แต่มีให้เห็นน้อยอย่างแท้จริง
แต่ถ้าหากตัวตนนี้ออกจากแดนสุขาวดีตะวันตกเสด็จมายังโลกมนุษย์จริงๆ เกรงว่าบารมีของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์จะอ่อนด้วยลงหลายส่วน
ถ้าอมิตตาภพุทธเจ้ายังอยู่ แม้จะไม่เสด็จออกจากแดนสุขาวดีตะวันตก ไม่ลงมือด้วยตัวเอง ทว่าขอแค่ท่านยังอยู่ นั่นก็เป็นการข่มขวัญ ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินง่ายๆ
มารสวรรค์บุพกาลเป็นตัวอย่างหนึ่ง แม้จะถูกสะกดไว้นับหมื่นปี แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกมัน
นอกจากนพยมโลกยังพอว่า ถ้าหากว่าบุกนพยมโลก ต้องพิจารณาด้วยว่าจะทำให้มารสวรรค์บุพกาลทำลายผนึกออกมาเพราะสาเหตุนี้หรือไม่
ถ้าอมิตตาภพุทธเจ้าไม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิพพานหรือดับขันธ์ไป ครั้งนี้แดนสุขาวดีตะวันตกปรากฏขึ้นใหม่ เกรงว่าจะมีเลศนัยคุ้มค่าพอให้ศึกษา
“ความเป็นไปได้ที่อามิตตาภพุทธเจ้ายังอยู่มีสูงกว่ากระมัง?” เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด”
ก่อนหน้านี้คิดว่า สาเหตุที่แดนสุขาวดีตะวันตกไม่มีข่าวคราว เป็นเพราะค่อยๆ รวมตัวกับแดนสุขาวดีอภิรดี
แต่ดูจากตอนนี้ ในยุคไซอิ๋วสองฝ่ายอาจจะมีการติดต่อกัน ไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด แต่หลังจากยุคไซอิ๋ว ความเป็นไปได้ในทางตรงกันข้ามมีมากกว่า
หลังจากพระศรีศากยมุนี พระยูไลแห่งเขาหลิงซานได้เสด็จสู่นิพพาน พระศรีอาริยเมตไตรยประสูติ กลายเป็นผู้ปกครองแดนสุขาวดีอภิรดีคนใหม่ คำสอนของวัดลุ่ยอิมตะวันตก(วัดนาลันทา)แห่งเขาหลิงซานก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ค่อยๆ กลายเป็นลักษณะในปัจจุบัน
ตอนนั้นสมณะทั้งหลายในศาสนาพุทธบนเขาหลิงซาน มีส่วนหนึ่งหันมานับถือพระศรีอาริย์ มีบางส่วนผละจากแดนสุขาวดีอภิรดี เข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
ถึงจะยังไม่อาจยืนยัน แต่การปรากฏตัวและจุดยืนของสมณะไป๋ซยง ไม่อาจไม่สร้างความสงสัยให้แก่ผู้คนว่า ถ้าหากยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่จำนวนหนึ่งของศาสนาพุทธ และทีปังกรพุทธเจ้าซึ่งเคยมีการข้องเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ไม่ได้สิ้นชีวิตไป ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
พระพุทธเจ้าองค์นี้เก่าแก่ถึงขีดสุด ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นมาบนแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลาง ก็ดำรงอยู่มาแล้ว อีกทั้งยังมีชื่อว่า พระพุทธเจ้ากัลป์อดีต
ในเรื่องเล่ามากมาย นี่เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เคยเคลื่อนไหวหลายครั้งผู้หนึ่ง
แน่นอนว่า เรื่องเล่ามักเต็มไปด้วยภาพลวงตา ปัจจุบันผ่านมาหลายปี สภาพการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ยากจะตัดสินจริงๆ
แต่ว่าในเมื่อแดนสุขาวดีอภิรดีมียอดฝีมือเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก ถึงขั้นที่มีจำนวนไม่น้อย นั่นอธิบายได้ว่า อามิตตาภพุทธเจ้ามีความเป็นไปได้มากถึงขีดสุดว่าจะยังคงมีชีวิตอยู่
ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ยอดฝีมือจำนวนมากของศาสนาพุทธแห่งอภิรดีแตกฉานซ่านเซ็น พระศรีอาริย์กลับไม่เทศนาบรรดาพระพุทธเจ้าแห่งตะวันตก ถือเป็นเรื่องแปลก
สองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ยากบอกกล่าว มาตรแม้นว่ามี สำหรับทิศทางของศาสนาพุทธในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่เวลาพูดถึงความสัมพันธ์เก่า
สิ่งที่ทำให้พระศรีอาริย์กริ่งเกรง มีแต่ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าสวรรค์ชั้นสูงสุดเท่านั้น
แม้ว่าอมิตตาภพุทธเจ้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีตัวตนที่อยู่เหนือกว่าสวรรค์ชั้นสูงสุดคนอื่นๆ คอยคุ้มครองแดนสุขาวดีตะวันตกอยู่
ไม่อย่างนั้นครั้งนี้ยอดฝีมือแห่งชมพูทวีปไม่มีทางเข้าร่วมสงครามอย่างยิ่งใหญ่และใช้กำลังมากมายเช่นนี้
พวกเขากระทำการอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ ต่อให้ก่อนหน้าแดนสุขาวดีตะวันตกจะซ่อนตัวยากเสาะหาก หลังสงครามครั้งนี้ก็จะถูกคนที่มีความต้องการตามหาเบาะแสงได้ง่ายดาย
กล้าเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ ต้องจะมีผู้สนับสนุน
“ดังนั้น ปัญหาแรกจึงมาแล้ว…” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เผ่าปีศาจกล้าโผล่มาสู้กับแดนสุขาวดีตะวันตก ความมั่นใจของพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยพยักหน้าแช่มช้า “ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าสวรรค์ชั้นสูงสุดยากทำความเข้าใจ ข่าวคราวเป็นปริศนา แต่ในเมื่อศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีตชักนำให้พวกเขามาช่วยเหลือ ทั้งยังสู้กับแดนสุขาวดีตะวันตก ก็อธิบายได้หลายอย่าง”
“ถูกต้อง เพียงไม่ทราบว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังพวกเขาเป็นใคร” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหนักใจ
ชั่วขณะนี้ เขาความจริงคิดอะไรได้หลายอย่าง
แดนสุขาวดีตะวันตกเริ่มหายไปในยุคก่อน หรือก็คือยุคไซอิ๋ว พอเข้าสู่ยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่หรือหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ต่างไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ไม่กี่ปีมานี้เพิ่งปรากฏตัวขึ้นใหม่…
พระยูไลแห่งแดนสุขาวดีอภิรดีเสด็จสู่นิพพาน เมตไตรยพุทธเจ้ารับตำแหน่งต่อ หลังจากเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ก็ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งเดิม คำสอนของแดนสุขาวดีอภิรดีเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ยอดฝีมือแดนสุขาวดีอภิรดีได้จากไป หันไปเข้าร่วมกับแดนสุขาวดีตะวันตกเร้นกายไม่ออกมา จนกระทั่งวันนี้…
เผ่าปีศาจค่อยๆ ตกต่ำลงในยุคไซอิ๋ว หลังจากเข้าสู่ยุคใหม่ส่วนใหญ่เก็บตัวเงียบ เหมือนกำลังรวบรวมกำลัง ปัจจุบันค่อยโผล่ออกมาอีกครั้ง…
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ไม่มีโถงเซียน หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ โถงเซียนปรากฏ เป็นศัตรูกับแดนสุขาวดีอภิรดี…
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาสามฝ่ายช่างน่าสนใจจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ
หลังจากเผ่าปีศาจผ่านยุคบุพกาลและยุคสถาปนาเทพเจ้า ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีก เผ่ามนุษย์ยึดครองความเป็นใหญ่เพียงฝ่ายเดียว
แต่เผ่าปีศาจตกต่ำโดยสิ้นเชิงในยุคกลางหรือก็คือยุคไซอิ๋ว
ยุคกลางยังเป็นยุคสมัยที่พระพุทธเจ้าแห่งตะวันตกค่อยๆ เป็นที่รู้จัก ศาสนาพุทธเริ่มรุ่งเรือง
หากกล่าวกันจริงๆ เป็นแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลางรุ่งเรือง
ผลลัพธ์เผ่าปีศาจที่ตอนนี้ฟื้นฟูกำลังออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง กลับกลายเป็นพันธมิตรของแดนอภิรดี
มาตรแม้นว่าพระศรีอารย์จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงคำสอนของแดนอภิรดี ทำให้ถูกคนอื่นๆ กล่าวหาเป็น ‘พุทธปลอม’ ท่าทีของเผ่าปีศาจกลับทำให้คนสงสัย
แดนสุขาวดีตะวันตกที่ถูกเรียกว่าศาสนาพุทธสายหลักในปัจจุบัน ร่วมมือกับโถงเซียน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่บนเส้นทางเดียวกับแดนอภิรดี แต่ว่าตัวเลือกในตอนนี้ ก็ทำให้ผู้คนเกิดความคิดเชื่อมโยง
เยี่ยนจ้าวเกอจัดระเบียบความคิดที่สับสนเล็กน้อยของตัวเอง หลังจากจัดการเสร็จก็มีการคาดการณ์จำนวนหนึ่ง แต่ว่ายังไม่อาจพิสูจน์ได้
ประวัติศาสตร์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก เบื้องหลังมักยืนด้วยเงาร่างจำนวนหนึ่ง
“สถานการณ์สับสนเกินไป น้ำขุ่นเกินไป จับปลาไม่ได้ ตัวเองอาจกลายเป็นปลาให้คนอื่นจับ” เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “ก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ พวกเราระวังตัวก่อน ให้ความสำคัญกับการสั่งสมของตัวเอง และรวบรวมข่าวสารให้มากกว่าเดิมดีกว่า”
“ตอนนี้พวกเขาสู้กัน เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างเงียบๆ ของพวกเรา”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม
คนอื่นๆ ยิ้มเช่นกัน
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยกับกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นด้วยสีหน้าของพวกเขา พลันคาดเดาออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไร อดกล่าวอย่างจนปัญญาไม่ได้ “ก็ได้ๆ ข้ายอมรับว่าข้าเป็นตัวปัญหา ชอบก่อเรื่อง ชอบเสี่ยงอันตราย แต่ถ้าหากวันๆ ไม่ต้องทำอะไรได้ ข้าก็ยังทำตัวดีอยู่”
ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้
เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอว่า ทุกคนในที่นี้ต่างสงบใจฝึกฝน สั่งสมอย่างเงียบๆ
สงครามภายนอกดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตำหนักโอสถ เหมือนกับสวนท้อนอกโลก แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่คิดปิดหูตาของตัวเอง ขณะที่เก็บตัวฝึกฝน ก็รวบรวมข้อมูลจากโลกภายนอกไม่เคยขาด
ข่าวเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ กลับมีความหมายลึกซึ้ง
อย่างเช่น ภายใต้การบัญชาของพระศรีอาริย์ ศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีตยังคงเรียกตัวเองเป็นแดนอภิรดีศูนย์กลาง เผ่าปีศาจก็เรียกพวกเขาเช่นนี้
ยอดฝีมือศาสนาพุทธสายหลักจากแดนสุขาวดี เรียกศาสนาพุทธเส้นทางอกรีตว่าแดนสุขาวดีบัวขาว
โถงเซียนเลยเปลี่ยนจาก ‘ปีศาจร้ายแดนสุขาวดี’ ที่เรียกกันก่อนหน้า เป็น ‘ปีศาจร้ายบัวขาว’
………………..