ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1340 ฝนกำลังจะมา พายุพัดเต็มตึก
พอฟังคำพูดของเจ้าของนิวาสสถาน อีกสองคนสีหน้าหวั่นไหว “อ้อ?”
“พวกท่านลืมแล้ว หลังจากยุคสถาปนาเทพเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์จำนวนมาก ความจริงต่างมีคำตำหนิต่อเจ้าแม่อู๋ตัง” เจ้าของนิวาสสถานกล่าวเตือน
“เพียงแต่ว่าวันนี้สำนักเต๋าเสื่อมโทรม สายสืบทอดของเจ้าแม่อู๋ตังจึงกลายเป็นสายเหนือพิสุทธิ์สายหลัก ทว่าผู้มีความสัมพันธ์ทางญาติกับสายเหนือพิสุทธิ์ในฝ่ายเรา ยังคงไม่ชื่นชอบเจ้าแม่อู๋ตัง”
อีกสองคนพอได้ยิน สีหน้าเผยแววกระจ่างแจ้ง
“นอกจากนั้น หลายปีมานี้สหายร่วมเส้นทางกวางขาวก็จับจ้องทางนั้นมาโดยตลอด” เจ้าของนิวาสานว่าต่อ “มหาเทวะสยบฟ้าไม่มีทางออกหน้าให้เขา แต่ถ้าเขาเกลี้ยกล่อมให้มหาเทวะสยบฟ้าเกิดความสนใจต่อตำหนักโอสถวังเทพได้ เรื่องนั้นไม่แน่ว่าอาจมีผลลัพธ์อีกอย่างหรอกหรือ?”
ฟังว่าเบาะแสในตอนแรกสุดของตำหนักโอสถเป็นกวางขาวตนนั้นหาเจอ? น่าเสียดายเขาคิดฮุบไว้คนเดียว ความสามารถไม่พอ ผลลัพธ์ถูกคนอื่นเอาเปรียบ” นักพรตพยักหน้าติดต่อกัน “แต่ว่าครั้งนี้ถ้าหากเขาพูดให้มหาเทวะสยบฟ้าหวั่นไหวได้จริงๆ ย่อมประเสริฐที่สุด”
สำหรับนักพรต สามารถแบ่งปันผลประโยชน์ของตำหนักโอสถได้ย่อมดีที่สุด
ต่อให้ไม่ได้ เมื่อต้องการล่อให้เยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถปรากฏขึ้นมา ต้องเล่นงานมรกตท่องฟ้าก่อน ถึงอย่างไรเขาก็ได้ระบายความโกรธ ไม่ถึงกับไปเสียเที่ยว
สตรีนางนั้นคิดไปมากมายในชั่วพริบตา
มีมหาเทวะเผ่าปีศาจจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จับจ้องตำหนักโอสถ ต่อให้ได้รับตำหนักโอสถในตอนสุดท้าย ก็ไม่ได้มีโอกาสมากนัก ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของมหาเทวะเหล่านั้น
แต่ในเมื่อต้องการให้จอมปีศาจเช่นมหาเทวะเก้าเศียรรับแรงกดดันของเทวกษัตริย์สำนักเต๋าเช่นเจ้าแม่อู๋ตัง นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงพวกตน ใช่ว่าจะทำสำเร็จ อย่างน้อยก็มีความเสี่ยง
ปีศาจกวางขาวหมายฮุบสมบัติเพียงคนเดียว สุดท้ายเตะใส่แผ่นเหล้ก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
เมื่อมีตัวอย่างให้เห็น ย่อมต้องคิดก่อนว่าจะเก็บสมบัติของตัวเองให้ปลอดภัยได้อย่างไร จากนั้นจึงมาแบ่งสรรปันส่วนกัน
นางจะได้ประโยชน์เท่าไร ยากจะบอกได้จริงๆ
แต่ว่านางไม่ได้โลภมาก เป้าหมายเป็นแค่ยาวิญญาณไม่กี่ชุดที่ถูกเก็บอยู่ในตำหนักโอสถเท่านั้น ถ้าหากว่าตำหนักโอสถตกอยู่ในมือของเผ่าปีศาจจริงๆ คิดจะนำมาย่อมไม่ลำบาก
ยาวิญญาณไม่กี่ชุดนี้มีความสำคัญสำหรับนางยิ่ง ไม่อาจหาจากที่อื่น มีคุณค่าให้พยายาม
ถึงอย่างไรฟ้าเมื่อถล่มลงมา ก็มีมหาเทวะเก้าเศียรดันเอาไว้
ภัยพิบัติฟ้าถล่มสำหรับนาง สำหรับมหาเทวะเผ่าปีศาจไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้น้องไม่มีปัญหาแล้ว” นางกล่าว “ครั้งกระโน้นผู้น้องเคยพูดว่าต้องการยาวิญญาณสองสามชุดในตำหนักฟ้าฟื้น คิดไม่ถึงว่าพี่ร่วมเส้นทางยังจำได้ตลอด ครั้งนี้ยังดูแลผู้น้อง รู้สึกตื้นตันจริงๆ”
เจ้าของนิวาสสถานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นางเซียนกล่าววาใจใด ทุกคนดูแลซึ่งกันและกันต่างหาก”
เขากล่าวอย่างรำพึงรำพัน “พวกเราลำบากมาหลายปี ปัจจุบันในที่สุดก็ได้ออกมา ยังคงต้องระมัดระวัง ดำเนินการทีละก้าวๆ”
“ตำหนักโอสถของวังเทพในอดีตเป็นสมบัติล้ำค่าขนาดใหญ่ พวกเราย่อมต้องหาวิธีวางแผน สหายร่วมเส้นทางกวางขาวเกิดความโลภ เป็นเหตุให้ประสบความล้มเหลว ต้องดูไว้เป็นตัวอย่าง”
เจ้าของนิวาสสถานาทางหนึ่งเอ่ย ทางหนึ่งยืนขึ้น “เรื่องราวไม่อาจชักช้า ราตรียาวนานความฝันมากมาย พวกเราไปพบมหาเทวะเก้าเศียรเถอะ”
ทั้งสามออกจากนิวาสสถาน รับลูกศิษย์ในสำนักที่รอฟังคำสั่ง จากนั้นก็บินออกจากโลกใบนี้
หลังจากที่บินออกจากเขาดาราทะเลดวงดาวไม่ทราบนานขนาดไหน ตรงหน้าพวกเขาปรากฏโลกอีกใบหนึ่ง
หลังจากข้ามผ่านปราการเขตแดนของมิติเวลา เข้าไปในโลกใบนั้นแล้ว ตรงหน้าพวกเขาก็เป็นทะเลมรกตที่กว้างใหญ่ไพศาล
คลื่นทะเลกระพื่อมขึ้นลง ปราณปีศาจที่บ้าคลั่งกระจายไปทั่ว
สามคนเข้าไปในก้นทะเล ครู่หนึ่งค่อยออกจากทะเล แล้วมุ่งไปยังที่ไกล
การเดินทางครั้งนี้เป็นระยะทางอันยาวไกล ออกจากเขาดาราทะเลดวงดาว เข้าไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
เคลื่อนไหวอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ข้ามผ่านร่องแยกใต้จีบมิติเวลาสายแล้วสายเล่า
เจ้าของนิวาสสถานหยิบยันต์ใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็เผามันทิ้ง
ควันเขียวจากการเผายันต์ ไม่ได้สลายไปไหน กลับประกอบกันเป็นกลุ่มหนึ่งกลางอากาศ
ครู่ต่อมา ในกลุ่มก้อนบังเกิดแสงสว่าง กะพริบอยู่หลายครั้ง
พวกจอมปีศาจเห็นดังนั้น ก็พลันเกิดความแน่ใจ เปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังอีกทิศทางหนึ่งในทันที
เนิ่นนานให้หลัง ไกลออกไปมีประกายแสงสว่างขึ้น ชายชราผู้หนึ่งรอรับพวกเขาอยู่
เป็นปีศาจกวางขาว อดีตพาหนะของเทพโซ่วซิงแห่งวังเทพ ได้รับอิสระหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และเข้ากับเขาดาราทะเลดวงดาว
“สหายร่วมเส้นทางฝูลัวมา ข้าเสียมารยทแล้ว” ปีศาจกวางขาวเห็นดังนั้นก็ประสานมือ “สหายร่วมเส้นทางร้อยตา กับนางเซียนเสวียนซวงต่างมาแล้ว ข้าขอคารวะ”
ฝูลัวจื่อกับเซียนเสวียนซวงต่างกล่าว “สหายร่วมเส้นทางกวางขาวเกรงใจแล้ว”
นักพรตร้อยตราทำพอเป็นพิธี
ปีศาจกวางขาวเห็นก็รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง
หลังจากเรื่องตำหนักโอสถของวังเทพกระจายออกไป เขาแทบกลายเป็นตัวตลกของเผ่าปีศาจ
ขณะเดียวกันก็สร้างความไม่พอใจให้แก่จอมปีศาจมากมาย
ปีศาจกวางเขาได้แต่แก้ตัวเต็มที่ ตอนนั้นถูกสั่วหมิงจางทำร้าย อาการบาดเจ็บยังไม่ทุเลา หลังจากฝืนขยับตัวได้ ก็รีบเร่งรุดมายังจักรวาลสำนักเต๋า
เพื่อค้นหา และเพื่อเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย หวังว่าจะเจอที่อยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอและตำหนักโอสถ
มีอยู่หลายครั้งที่การติดต่อระหว่างตำหนักโอสถกับมรกตท่องฟ้าถูกเขาขัดขวาง น่าเสียดายสุดท้ายยังล้มเหลว
ตอนนี้พอเห็นพวกฝูลัวจื่อ ยังถูกนักพรตร้อยตราฉีกหน้า ปีศาจกวางขาวย่อมอารมณ์ไม่ดี
‘ก็แค่ปีศาจในป่าเขา!’ กวางขาวระบายคาวมโกรธแค้นในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา
เพียงพูดว่า “สหายร่วมเส้นทางหรูอี้และสหายร่วมเส้นทางหวนเฉินอยู่ไม่ไกลแล้ว ขอให้ทั้งสามตามข้ามา หลังจากทุกคนเจอกันแล้วค่อยปรึกษาแผนการใหญ่”
“สหายร่วมเส้นทางหรูอี้?” พวกฝู่ลัวจื่อสายตาสั่นไหว “น้องชายฝาแฝดของมหาเทวะสยบฟ้า?”
ขณะสามปีศาจสบตา ลอบพยักหน้า ก็ระวังตัวกว่าเดิม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้า เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจระดับสูงสุดในเขาดวงดาวทะเลดาราจักรวาลเผ่าปีศาจ
ดูจากตอนนี้ กวางขาวตนนี้ต่อให้ไม่ได้ทำให้มหาเทวะสยบฟ้าหวั่นไหวจนออกโรงจริงๆ แต่ว่ามหาเทวะสยบฟ้าก็เกี่ยวพันกับเรื่องในครั้งนี้อย่างล้ำลึก ไม่ใช่ไม่มีโอกาสลงมือด้วยตัวเอง
บุคคนระดับสำคัญยิ่งมีมาก โอกาสที่ครั้งนี้จะสำเร็จย่อมมาก
แต่ว่าเทียบกันแล้ว ถ้าหากตอนท้ายสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้แบ่งกันก็น้อยลงกว่าเดิม
ในนี้มีตัวแปรมากมาย ใครจะได้ผลประโยชน์ไปมาก ขึ้นอยู่กับการพัฒนาชั่วคราวของสภาพการณ์
ทั้งสามมุ่งหน้าไปยังที่ไกลพร้อมกับปีศาจกวางขาว ผ่านไปสักพัก ก็เห็นกลางความว่างเปล่ามีเมฆมงคลกลุ่มหนึ่งลอยอยู่
ในเมฆมงคลปรากฏสำนึกของการปกครองด้วยบารมี ทำให้ผู้คนจิตใจสั่นสะท้าน จนอดหมอบกราบกรานไม่ได้ เหมือนเผชิญหน้ากับราชา
นั่นเป็นอำนาจมังกร ในเมฆมงคลนั่งไว้ด้วยบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ถึงแม้ว่าอยู่ในร่างมนุษย์ ก็ทำให้คนนึกออกว่า เปลี่ยนมาจากมังกรจริงแท้
ด้านข้างบุรุษวัยกลางคนที่น่าเกรงขาม นั่งไว้ด้วยคนที่แต่งกายแบบนักพรตเต๋าผู้หนึ่ง
คนผู้นี้ตาหงส์คิ้วตรง เค้าหน้าชั่วร้าย สวมมงกุฎดวงดาว ใส่อาภรณ์สีทอง เคราใต้แก้มดุจเปลวเพลิง จอนสีแดงยุ่งเหยิง
รอบๆ เมฆมงคล มีเผ่าปีศาจำนวนหนึ่งรวมตัว กำลังรอคอยคำสั่ง
………………..