ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1350 ทุบตีจนกลับคืนร่างเดิม!
ฝ่ามือสองข้างนี้มาอย่างฉับพลันเกินไป ทำให้มหาเซียนหรูอี้รับมือไม่ทัน
ฝ่ามือที่สองกระแทกใส่ศีรษะของมหาเซียนหรูอี้ ทำให้เขาวิงเวียนจนเห็นดาว ศีรษะแตกเลือดอาบ
ระหว่างที่ฟ้าดินหมุนคว้าง ร่างของเขากระเด็นไปด้านหลัง จับตะขอหรูอี้ที่เกาะเกี่ยวกับตำหนักโอสถตไม่ได้ หลุดออกจากมือไป
หลังถูกกระแทกกระเด็นออกไป ก็ตั้งหลักได้อย่างยากลำบาก มหาเซียนหรูอี้ตรงหน้าเต็มไปด้วยดาว ฝืนเงยหน้ามองไป
เห็นแสงสีทองระคนม่วงส่องระยิบระยับบนตำหนักโอสถ
นอกจากมือสองข้างแล้ว ร่างของคนที่สมบูรณ์กว่าก็เริ่มปรากฏขึ้น
องคาพยพยังไม่อาจแยกแยะ แต่ว่าโครงศีรษะค่อยๆ เปลี่ยนจากพร่ามัวเป็นชัดแจ้ง
ตอนเริ่มต้นยังมีแค่ครึ่งร่าง บริเวณเอวเหมือนกับอยู่ในตำหนักโอสถ
จากนั้นร่างขนาดมหึมานี้ก็เริ่มค่อยๆ สูงขึ้น แสงสีทองผสมม่วงผนึกสร้างร่างกายท่อนล่าง สุดท้ายกลายเป็นยักษ์ตนหนึ่ง เหยียบอยู่กลางความว่างเปล่าเหนือตำหนักโอสถ
“วิญญาณตำหนักโอสถ?!” ปีศาจกระต่ายหยกที่อยู่ไกลออกไปเห็นก็ตื่นตระหนก “ไม่ใช่ว่าบอกว่าดับสูญไปแล้วหรือ? ต่อให้คืนชีพ ก็ไม่น่าเร็วขนาดนี้!”
มหาเซียนหรูอี้ถลึงตามองตำหนักโอสถ “ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง ก็แค่ของที่ได้แต่มองแต่ใช้ไม่ได้!”
เขาตวาด วูบไหวท่าร่าง บรรลุถึงตรงหน้าตำหนักโอสถในชั่วพริบตา จากนั้นก็ผลักสองฝ่ามือใส่ยักษ์สีทองม่วงนั้น
เมื่อครู่แม้ถูกหนึ่งฝ่ามือกระแทกจนหน้าหงาย แต่มหาเซียนหรูอี้สำนึกตัวว่า เป็นเพราะอีกฝ่ายโผล่มาอย่างเหนือความคาดหมาย จึงทำให้ตนเสียท่า
ถึงฝ่ามือนั้นจะรุนแรง กระนั้นก็ทำให้เขาแน่ใจว่า พลังของอีกฝ่ายยังคงมีจำกัด ไม่อย่างนั้นศีรษะเขาเมื่อถูกกระแทก จะต้องน่าอนาถกว่าตอนนี้อีก
ครั้งนี้มหาเซียนหรูอี้เพ่งสมาธิไว้ทั่วร่าง กางแขนซ้ายขวา
มือข้างหนึ่งเหมือนค้อน พุ่งไปด้านหน้าเป็นเส้นตรง รุนแรงสุดขีด กลับไม่รีบร้อน เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา กอปรด้วยความจริงความลวง
อีกมือหนึ่งเหมือนตะขอ พุ่งไปด้านข้าง เดินบนเส้นโค้ง เหมือนกับอ่อนโยน เป็นกระบวนท่าสังหารที่ดุดัน สามารถออกทีหลังถึงก่อนได้ตลอดเวลา
หนึ่งตรงหนึ่งโค้ง ห้อมล้อมยักษ์เทพที่ผนึกตัวจากแสงสีทองม่วงนั้นไว้ตรงกลาง กดดันให้อีกฝ่ายไร้ทางหนี ได้แต่ฝืนรับกระบวนท่านี้ของเขา
มหาเซียนหรูอี้ตอนนี้กดดันให้อีกฝ่ายหักหาญกับตนเอง อาศัยพลังที่แกร่งกว่าบดขยี้อีกฝ่าย
ทว่าวินาทีต่อมา เขาพลันเบิกตาขึ้น
เงาคนที่เกิดจากแสงสว่างสีทองผสมม่วง ตอนแรกดูเบาบาง ทว่าหลังจากร่างนิ่งดีแล้ว พลันมีแสงสว่างสีทองผสมม่วงเกาะเกี่ยวรวมตัวกันมากกว่าเดิม
แสงสว่างหลายสายผนึกตัว กลายเป็นเกราะรบทั่วร่างสีทองระคนม่วง สวมลงบนร่างของยักษ์ตนนั้น
ตอนแรกเป็นเกราะหลังกับเกราะอก จากนั้นเป็นเกราะท้อง รองเท้ามัดเชือก ที่เอวซ้ายขวาเป็นกระโปรงยาวถึงเข่าอย่างละข้าง
พร้อมกันที่ยักษ์ยกสองมือขึ้น แสงสีทองผสม่วงรวมตัว เกราะไหล่ที่ปกป้องไหล่กับเชือกมัดมือก็โผล่มาเช่นกัน
สองมือที่ชูขึ้น มือข้างหนึ่งผลักลง อีกข้างต่อยใส่ ปะทะสภาวะโจมตีที่มหาเซียนหรูอี้แยกเป็นซ้ายขวาอย่างถนัดถนี่
ฝ่ามือคือรอยตราพลิกฟ้า หมัดเป็นธงเบิกนภา!
จากนั้นมหาเซียนหรูอี้อ้าปากตาค้าง บนร่างคนยักษ์เพิ่มเครื่องป้องกันศีรษะ ส่วนหัวอยู่ใต้หมวกเกราะ แสงสว่างบริเวณทรวงอกเจิดจ้าที่สุด กลายเป็นเกราะคุ้มกันหัวใจในตอนท้าย
เกราะรบสวมทั่วร่าง ยักษ์สีทองผสมม่วงใหญ่โตขึ้น กลายเป็นยักษ์ค้ำยันฟ้าดิน ร่างมหึมามากกว่าตำหนักโอสถที่เหมือนกับเมืองเซียนบนสรวงสวรรค์เสียอีก!
เทพารักษ์จอมทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์!
นี่จึงเป็นสภาพสมบูรณ์แบบที่วิญญาณตำหนักโอสถฟ้าฟื้นแสดงออกภายนอก ป้องกันตัวเอง ต่อสู้กับศัตรู!
ตอนแรกเทียนซูวิญญาณได้รับความเสียหายเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ไม่อาจแสดงสภาวะนี้ได้
ตอนนี้ปรากฏขึ้นด้วยมือของเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง
หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มหาเซียนหรูอี้เป็นคนที่ได้ประสบเป็นคนแรก
ไม่เพียงปรากฏขึ้นมาใหม่ ยังต่างจากก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ตำหนักโอสถที่ตอนนั้นยังไม่มีสติปัญญา ได้แต่ทำงานแบบเครื่องจักร ขณะนี้ภายใต้การกระตุ้นของเยี่ยนจ้าวเกอ ได้หลอมรวมวรยุทธ์และความเห็นทั้งหมดของตัวเองเข้าไปสำเร็จ
ขณะนี้ยักษ์สีทองผสมม่วงเกิดขึ้นจากการผสมวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถ!
พลังอันกล้าแข็งจากการกระแทกด้วยฝ่ามือและต่อยด้วยหมัด ไม่เพียงแต่ขวางสภาวะโจมตีจากสองมือของมหาเซียนหรูอี้ ขณะเดียวกันก็พลิกรอยตราพลิกฟ้าที่มือซ้าย เบี่ยงมือขวาของมหาเซียนหรูอี้ กระแทกใส่มือซ้ายของตัวเขาเอง
เทพพารักษ์องค์นี้ต่อยมืดขวาใส่ศีรษะของมหาเซียนหรูอี้อีกครั้ง!
หมัดเดียวกัน พลังเทียบกับเมื่อครู่ กลับยิ่งใหญ่บ้าคลั่งกว่าเดิม
มหาเซียนหรูอี้คนถูกกระแทกกระเด็นไปด้านหลัง ขณะที่กระเด็นกระดอน ร่างมนุษย์หายไป เปลี่ยนกลับสู่ร่างเดิม
เห็นกระทิงเขื่องขนาดเท่าดวงดาวตัวหนึ่งหมุนปลิวไปด้านหลัง
จ้าวปีศาจร้อยตา ราชามังกรหวนเฉิน กับปีศาจกระต่ายหยกเห็นดังนั้น ต่างตื่นตระหนก
พวกเขาเพ่งตามองไป เห็นเทพารักษ์ซึ่งเรืองแสงสีทองม่วง องคาพยพเริ่มเปลี่ยนเป็นชัดเจน
ไม่ได้เลอะเลือนยากหยั่งคาด เป็นหน้าตาของเยี่ยนจ้าวเกออย่างชัดเจน!
เทพพารักษ์จอมทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์พอปรากฏ ก็หักหาญกระบวนท่ากับมหาเซียนหรูอี้ ตัวตำหนักโอสถเบื้องล่างสั่นไหวตามไปด้วย
โลกมากมายในจักรวาลในตำหนักเริ่มเกิดความปั่นป่วน เหมือนกับกำลังจะกลับกลายเป็นลำแสงหลายสาย แล้วพุ่งออกไปด้านนอกตำหนัก
มรกตท่องฟ้าและโลกเบื้องล่างมากมายที่อยู่ในใต้การปกครองของมันซึ่งกำลังถูกดึงเข้าไปในจักรวาลในตำหนัก สั่นสะเทือนยิ่งกว่า เหมือนจะกลับคืนสู่ลักษณะเดิม ไม่ได้เข้าไปในจักรวาลในตำหนักอีก
กระนั้นในกลุ่มแสงเมฆดาราที่เกิดจากหอเซียนม่วงตรงกลางจักรวาลในตำหนัก มีแสงสว่างหลายสายซึ่งมากมายเหลือคณานับพุ่งออกมา เชื่อมต่อกับโลกจำนวนมากนั้นเหมือนกับโซ่หลายเส้น
หลังจากถูกโซ่เหล่านี้ตรึงไว้ แสงสว่างสีทองม่วงหลายสายพุ่งออกมาจากในหอเซียนม่วง
โลกจำนวนมากหลังอาบอยู่ในแสงสีทองม่วงชั้นหนึ่ง ก็เปลี่ยนเป็นมั่นคงอีกครั้ง
โลกจำนวนมากด้านในจักรวาลสงบนิ่งลง
โลกใบต่างๆ เช่นมรกตท่องฟ้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าใหม่ ถูกดูดเข้าไปในตำหนักโอสถอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในหอเซียนม่วง ค่ายกลยังคงทำงาน ทำให้ในขณะที่ตำหนักถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ต่อสู้ ก็รักษาสมดุลอันเปราะบางได้มั่นคง
เปลือกร่างของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงนั่งขัดสมาธิในเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ไม่พูดจา ไม่เคลื่อนไหว ไม่ส่งเสียงใดๆ
วิญญาณของเขาตอนนี้กำลังเปลี่ยนวิชาคืนชีพของวิญญาณตำหนักโอสถก่อนหน้านี้กลับด้าน เข้าแทนที่ชั่วคราว กลายเป็นวิญญาณตำหนัก สร้างเทพารักษ์จอมทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์ขึ้นมา
คนยักษ์ร่างสูงใหญ่สวมเกราะรบทั่งร่าง ราวกับแม่ทัพสวรรค์ ยืนอยู่เหนือตำหนักโอสถ ต่อยหมัดออกใส่ปีศาจกระต่ายหยกแต่ไกล
ปีศาจกระต่ายหยกกำลังสู้กับเกาชิงเสวียน เห็นดังนั้นได้แต่หลบหลีก
เกาชิงเสวียนได้ช่อง โต้กลับทันที!
นางถึงแม้แตกฉานกระบี่ลวงเซียน ทว่าคู่ต่อสู้เมื่อครู่อย่างมหาเซียนหรูอี้กับปีศาจกระต่ายหยก ถนัดการเคลื่อนย้ายมิติเวลา มีการเคลื่อนไหวประเปรียว ไม่อาจดูแคลน
ก่อนหน้านี้เพื่อขัดขวางอนุเทวะเผ่าปีศาจที่โจมตีใส่ตำหนักโอสถจากทุกที่ทุกทาง เกาชิงเสวียนร่างจริงกับร่างแยกได้แต่แยกกันเคลื่อนไหว เพื่อขยายอาณาเขตแนวป้องกันอย่างเต็มที่
ตอนนี้เห็นในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็ทำพิธีสำเร็จ สร้างเทพารักษ์ตำหนักโอสถขึ้นมาได้ เกาชิงเสวียนก็ไม่ห่วงหน้าพะวงหลังอีก
ร่างจริงกับร่างแยกของนางแยกเป็นซ้ายขวา ประกบสองกระบี่ จู่โจมใส่ราชามังกรหวนเฉินที่อ่อนแอที่สุดในอนุเทวะเผ่าปีศาจสามตน
กระบี่เบิกฟ้าและกระบี่ทำลายฟ้าปรากฏขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง กลายเป็นกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ผลักเขาถมทะเล กดดันศัตรูด้วยสภาวะที่ไม่อาจต้านทาน!
………………..