ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1358 จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงติดตามอยู่ด้นหลังหลิงชิง เคลื่อนไหวอยู่กลางควาว่างเปล่า
ณ ที่แห่งนี้ ความเร็วการไหลของเวลาเปลี่ยนเป็นปั่นป่วน เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
เยี่ยนจ้าวเกอได้แต่อาศัยการควบคุมเวลาของตนมาช่วยแยกแยะ แต่ก็ยากจะใช้การไหลของเวลาในโลกภายนอก เพื่อให้ได้มาซึ่งการอ้างอิงเพียงหนึ่งเดียว
พวกเขาใกล้จะออกจากอาณาเขตแห่งนั้นแล้ว
เดินทางอยู่นาน หลังจากข้ามมิติเวลามากมาย ตรงหน้าก็มีเมฆดารากลุ่มหนึ่งปรากฏ
เมฆดาราหมุนวนอย่างต่อเนื่องเหมือนกับวังวน แสงดาวหลายสายหมุนเวียนโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง สุดท้ายออกจากเมฆดารา พุ่งไปยังความว่างเปล่าไกลตา เพียงอึดใจก็หายไป
พอเห็นที่นี่ เยี่ยนจ้าวเกอก็แน่ใจ
ที่นี่สมควรเป็นสถานที่นัดพบของสองฝ่าย
ปัจจุบันเส้นางนอกรีตสองขุมกำลัง รวมถึงเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธสายหลัก ถึงจะสู้กันอย่างดุเดือด ทว่ายังคงไม่คลายการจับตามองเหล่าเทวกษัตริย์สำนักเต๋า
หลักการนี้ใช้ได้กับนพยมโลกเช่นกัน
ถ้าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋คิดออกจากสภาพซ่อนตัวกึ่งล่องลอยกึ่งหลับไหลในตอนแรก ปรากฏตัวขึ้นเหมือนกับจักรพรรดิโกวเฉิน ก็ต้องระวังการจับตาดูของอีกฝ่าย
เมฆดาราตรงหน้าเป็นเครื่องอำพรางที่ไม่เลว อย่างน้อยก็แสดงผลได้ส่วนหนึ่งในเวลาอันสั้น
“พวกเรามาถึงแล้ว” หลิงชิงพอถึงด้านนอกเมฆดาราก็เอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า เข้าไปในวังวนตรงใจกลางเมฆดาราพร้อมกับนาง
แสงดาวไหลเวียน บดบังสายตา รอแสงสว่างค่อยๆ สลายไป ตรงหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นความขมุกขมัวผืนหนึ่ง
สภาพของที่นี่คล้ายกับเมฆดาราปฐมกำเนิดในตอนนั้น แต่ก็มีความแตกต่างอยู่ด้วย
“ราชันพระอาทิตย์ไม่อยู่หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกมองรอบๆ ไม่เห็นเงาของเกาหาน
หลิงชิงว่า “เขาไม่อยู่ และไม่มา ถ้าเจ้าคิดเจอเขา ติดต่อไปในตอนนี้ เขาไม่อาจมาที่นี่ได้ทันในระยะเวลาอันสั้น”
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ข้ายังคิดจะกล่าวขอบคุณเขา” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ภรรยาข้าถือครองมงกุฎจันทรา ผูกพันโชคชะตากับราชันพระจันทร์ท่าน ข้าผู้แซ่เยี่ยนได้รับตราพระอาทิตย์ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา อาศัยการช่วยเหลือจากมันไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง สมควรขอบคุณราชันพระอาทิตย์ถึงจะถูก”
“ภายหลังมีโอกาสย่อมเจอกัน ถึงเวลานั้นพวกเจ้าค่อยคุยกัน” หลิงชิงคล้ายไม่สนใจโดยสิ้นเชิง ไม่กล่าวต่ออีก ยืนอยู่กลางความว่างเปล่า รอคอยอย่างเงียบงัน
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงรอคอยอย่างสงบนิ่งอยู่กับที่เช่นกัน
แต่ว่าในที่ลับ พวกเขากลับลอบส่งกระแสเสียงสนทนากัน บางทีหลิงชิงอาจสับผัสได้ว่าพวกเขาคุยกัน กลับยากจะได้ทราบถึงเนื้อหา
“เกาหานกลับเป็นคนฉลาดที่รู้จักตัวเอง” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากบอกว่าเรื่องราวที่เขาขุดหลุมเล่นงานผู้คนเป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เช่นนั้นหลังจากเจอเรื่องราชันพระเกตุในตอนนั้น ผู้ที่ได้ประสบต่างก็ทราบว่าเขาเป็นบุคคลเช่นไรแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงเหลือบมองเขา “เขาไม่ปรากฏตัว ท่านก็จะคลายความระวังเช่นนี้หรือ?”
“แน่นอนว่าไม่” เยี่ยนจ้าวเกอตอบโดยไม่ลังเล จากนั้นก็หัวเราะ “เขาเองก็ทราบว่าพวกเราไม่มีทางทำ สาเหตุที่ยังทำเช่นนี้ ก็เพื่อแสดงความจริงใจและความเป็นมิตร บอกพวกเราว่านี่ไม่ใช่เขากับราชันพระจันทร์ร่วมมือกันสร้างหลุมพรางหลอกพวกเรามา แต่เป็นคำเชื้อเชิญของใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋จริงๆ”
ขณะที่พูดอยู่ เขาพลันจิตใจสั่นไหว
เฟิงอวิ๋นเซิงก็หยุดพูดเช่นกัน
มีเสียงสายฟ้าดังขึ้นในเมฆดารา
วินาทีนี้ เมฆดาราที่ทั้งสามอยู่กลายเป็นความขมุกขมัวโกลาหล
เสียงสายฟ้าดังขึ้น เหมือนเสียงแรกสุด หลังจากเสียงสายฟ้าดัง ความโกลาหลขมุกขมัวก็เปิดออก
เวลาและมิติช่องว่างเปลี่ยนแปลง ห้าธาตุไหลเวียน สรรพวัตถุเกิดขึ้น หยินหยางรวมตัว กลางวันกลางคืนสับเปลี่ยน
สายฟ้า มีพลังอันบ้าคลั่งถึงขีดสุด ตอนนี้กลับสร้างสมดุลอันแยบยลและมั่นคง กอปรกันเป็นโลกที่สงบนิ่งใบหนึ่ง
เจตจำนงอันยิ่งใหญ่สุดขีดโผล่มาในโลกใบนี้ เหมือนกับผู้ปกครองธรรมชาติ
“เยี่ยนจ้าวเกอศิษย์หยกพิสุทธิ์ คำนับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋” เยี่ยนจ้าวเกอยู่เหนือโลกสายฟ้า คำนับให้แก่ความว่างเปล่า
ถึงไม่ปรากฏตัว แต่อีกฝ่ายก็แสดงสถานะอย่างชัดเจน
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋า
จ้าวแห่งสายฟ้าผู้ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในสี่ฤดู สามารถเรียกลมเรียกฝน สั่งการสายฟ้าและภูติเทพ ควบคุมกลไกการเกิดโชคลาภและคราเคราะห์ของสรรพสิ่ง
ยังมีชื่อว่า เทวกษัตริย์อัสนีบาตศาสดาผู้ควบคุมสายฟ้า
“เฟิงอวิ๋นเซิงศิษย์หยกพิสุทธิ์ คำนับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋” เฟิงอวิ๋นเซิงคำนับให้แก่ความว่างเปล่าเช่นกัน
หลิงชิงที่อยู่ด้านข้างคำนับอย่างนอบน้อม “ใต้เท้า”
ที่แล้วมานางทีนิสัยเย็นชาแปลกประหลาด คนอื่นๆ ยากหยั่งคาด ตอนนี้แสดงความเคารพเทิดทูนออกมา
หลิงชิงแตกต่างจากพวกเจี่ยงเซิ่น เฉินเสวียนจง และเยี่ยนซิงถาง ที่เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นางเป็นคนที่อยู่ในวังเทพ ได้รับการชี้แนะจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หากกล่าวกันจริงๆ ระหว่างทั้งสองมีบุญคุณเป็นกึ่งอาจารย์
เพียงแต่ว่าครั้งกระโน้นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ไม่ได้สนใจ หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หลิงชิงรอดชีวิต กลับมาร่ำเรียนกับกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ วาสนาของทั้งสองจึงใกล้ชิดกันกว่าเดิมขั้นหนึ่ง
ครั้งกระโน้นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินแยกทางกัน หลิงชิงย่อมยืนอยู่ข้างจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ตั้งแต่ต้นจนจบ
ในความว่างเปล่า เสียงสายฟ้าที่พิลึกเล็กน้อยดังขึ้นเป็นแผ่นผืน กลายเป็นการออกเสียงที่ยากเข้าใจความหมาย แต่กลับเป็นธรรมชาติสุดเปรียบปาน ราวกับหลักการสูงสุดแห่งฟ้าดิน
หลังจากเสียงปรับเปลี่ยนเล็กน้อย พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มเข้าใจความหมายที่อยู่ด้านใน
“ไม่ต้องมากมารยาท” ในความน่าเกรงขามเผยให้เห็นความสงบนิ่ง
“ใต้เท้า ข้าถอยไปก่อน” หลิงชิงว่า เสียงสายฟ้าในความว่างเปล่ากล่าว “ไม่เป็นไร อยู่เถอะ”
หลิงชิงโค้งตัวคำนับ “ตามแต่ใต้เท้าจะบัญชา”
ว่าแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างเหมือนรูปสลัก
เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้นก็ไม่หลบหลีก สงบนิ่งไม่ส่งเสียง ยืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ
“เจี่ยนซุ่นหวากระทำตามความต้องการของตัวเอง เสี่ยงอันตราย เหลือผลลัพธ์ไม่เป็นไม่ตาย” เสียงสายฟ้าในความว่างเปล่าเอ่ยต่อ ไม่ได้พูดถึงเรื่องตำหนักโอสถ และไม่ได้พูดถึงฟ้าเหนือฟ้าหรือมรกตท่องฟ้า แต่ว่าพูดถึงเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูก่อน
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงจิตใจพลันเขม็งเกร็ง
“ขโมยอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม กล้าหาญวู่วาม ประสบภัยพิบัติในวันนี้ สมเหตุสมผลแล้ว เพียงแต่ทำให้เจ้าต้องมารับเคราะห์แทน”
เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกได้ว่าในความว่างเปล่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองนาง
เสียงสายฟ้ากล่าวต่อ “เรามีของวิเศษอย่างหนึ่ง ให้เจ้ายืมฝึกฝนชั่วคราว ป้องกันไม่ให้พยมโลกแทรกซึม”
เฟิงอวิ๋นเซิงหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ สองคนมองหน้า ส่งสัญญาณผ่านสายตาแก่กัน
“ขอบคุณใต้เท้า” เฟิงอวิ๋นเซิงคำนับความว่างเปล่า
ในโลกอันสงบนิ่งที่เกิดจากสายฟ้าอันบ้าคลั่ง มีแสงสายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงในความว่างเปล่า
แสงสายฟ้าสลาย สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นขวดหยกสีดำกระทัดรัดใบหนึ่ง
เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นขวดหยกสีดำนั้น จิตใจสั่นไหว เข้าไปเก็บ
“ไม่ทราบว่าครั้งนี้ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋เชิญมามีคำสั่งใด?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม
ถ้าหากแค่เพราะคิดถึงเรื่องเฟิงอวิ๋นเซิงกับมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เช่นนั้นสามารถไหว้วานคนอื่นให้ส่งขวดหยกสีดำนี้ได้
ในเมื่อพบหน้ากัน นั่นย่อมมีเหตุผลอื่นอีก
“เจ้าเคยไปที่แดนสุขาวดีบัวขาวมาแล้ว ถูกต้องหรือไม่?” เสียงสายฟ้าในความว่างเปล่าดังขึ้นอีกครา
………………..