ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1364 นโมยุทธวิชัยพุทธะ
มหาเซียนชั้นมหาชาลสำนักเต๋า หรือยอดฝีมือของศาสนาพุทธที่เทียบเท่ากับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลสำนักเต๋า จะถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ชำระล้างได้หรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่แน่ใจ
ทว่าดูจากมุมมองด้านความต้องการหรือผลประโยชน์แล้ว มหาเซียนชั้นมหาชาลไม่มีความจำเป็นต้องเข้ากับเส้นทางนอกรีตด้วยตัวเอง
ดูจากปัจจุบัน ค่าตอบแทนและสิ่งที่ต้องจ่ายออกไปไม่อาจเปรียบเทียบกันได้โดยสิ้นเชิง
ตอนเห็นนันทิเกศวรติ้งกวง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ทว่าหลังพิจารณาสภาพของอีกฝ่ายอย่างละเอียด ในใจก็มีการคาดเดาคร่าวๆ
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายจะประสบภัยพิบัติ ระดับหล่นลง จากนั้นก็ไม่มีความหวังขึ้นสู่สวรรค์มหาชาลอีก จึงจำเป็นต้องเข้ากับเส้นทางนอกรีต
พอมาถึงระดับอย่างนี้ จอมยุทธ์ศึกษาฝึกฝนหลัการของฟ้าดิน ด้านนอกกลับสู่ฟ้าดิน ด้านในในสะท้อนตนเอง ทุกอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่ง นอกในไร้รอยต่อ
ดังนั้นต่อให้นันทิเกศวรติ้งกวงเคยพึ่งตัวเองขึ้นสู่ระดับมหาชาล ทว่าหลังจากระดับหล่นลง ถ้าไม่อาจพึ่งพาตัวเองปีนป่ายขึ้นไปได้ แต่ใช้แสงพุทธพลังศรัทธาช่วยเหลือ ระดับขีดความสามารถของเขาได้แค่ใกล้เคียงกับเหล่าพระพุทธเจ้าในแดนสุขาวดีบัวขาว สุดท้ายยังสู้มหาเซียนชั้นมหาชาลที่แท้จริงไม่ได้
แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีรากฐานแน่น ขีดความสามารถก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่ว่าคู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ เขากลับเทียบไม่ได้
เพิ่งจะได้เจอกัน นันทิเกศวรติ้งกวงก็พ่ายแพ้ยับเยิน
พอเขาพ่ายแพ้ แนวป้องกันที่เกิดจากบัวขาวมากมายก็พลันพังทลาย ไฟสีทองกับบัวเขียวแผ่ขยายออกไม่หยุด พักกระพือสภาวะเทียมฟ้า เหมือนกับกระจายไปทั่วแดนสุขาวดีบัวขาว เปลี่ยนแปลงฟ้าดิน
พระศรีอาริย์ต่อสู้กับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณในสนามรบที่มีระดับสูงกว่า ตรึงกำลังกันและกัน
ในวินาทีนี้ พระพุทธเจ้าจากศาสนาพุทธสายหลักที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์ของสำนักเต๋าท่านหนึ่ง แสดงการคุกคามแดนสุขาวดีบัวขาวได้อย่างหมดจด
แต่ถึงอย่างไรแดนสุขาวดีบัวขาวก็เป็นแดนสุขาวดีพุทธเกษตรของพระศรีอารย์ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่จากศาสนาพุทธสายหลัก ยามเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน ยังคงต้องระวังตัว
แสงพุทธพลังศรัทธาหลายสายพุ่งออกมาจากพุทธเกษตรแต่ละที่ ตัดขวางสลับกัน เหมือนกับตาข่าย สร้างความครั่นคร้ามแก่บัวขาวเหล่านั้น
ผู้ใดทราบว่าพระศรีอารย์จะตัดสินใจไสม้าพกหอกออกมาเข่นฆ่าอย่างฉับพลันหรือไม่?
ขณะที่สองฝ่ายกำลังพัวพันกันอยู่ ก็มีลมปีศาจหลายระลอกพุ่งมาจากด้านนอกแดนสุขาวดีบัวขาว
ลมปีศาจเหมือนกับหมอกสีดำ ครอบคลุมท้องฟ้าและดวงตะวัน ม้วนพัดกลางจักรวาล แม้แต่แสงทองจากแสงทองบัวเขียวก็ยังมัวหม่นลงมาก
‘เผ่าปีสาจ…มหาเทวะ!’ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองหน้ากัน เกิดความกระจ่างขึ้นในใจ
พร้อมกับการเข้าร่วมสงครามของมหาเทวะเผ่าปีศาจผู้หนึ่งซึ่งมาสนับสนุน ในที่สุดจังหวะขยายผลการต่อสู้ของแดนสุขาวดีตะวันตกก็ชะงักลง
พระพุทธเจ้าที่เป็นผู้นำต่อสู้กับลมปีศาจเป็นพัลวัน
แดนสุขาวดีบัวขาวมีขนาดใหญ่โตกว่าจักรวาลสำนักเต๋ากับจักรวาลฟ้าฟื้นเสียอีก
ทว่าเวลานี้ผู้ยิ่งใหญ่ที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์สำนักเต๋าสองคนต่อสู้กัน พลันทำให้จักรวาลทั้งหมดเหมือนกับเริ่มสั่นไหว
“เป็นอย่างไร?” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มองสองฝ่ายที่สู้กัน เฟิงอวิ๋นเซิงเงยหน้ามองไป ดวงตาสองข้างเปลี่ยนเป็นสีดำแกมน้ำเงิน
นางทางหนึ่งสำรวจ ทางหนึ่งเอ่ย “พระพุทธเจ้าองค์นั้นมีศีรษะยี่สิบข้าง สิบแปดมือ แยกเป็นถือพาหุรัด กรด แจกันดอกไม้ ไส้ปลา วัชระปลุกเสก ตะไบวิเศษ กระดิ่งทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ฉัตรวิเศษ ดอกบัว ป้ายอาญา ขันบาตร หอกแหลม กระบี่หน้ากว้าง สารีริกธาตุ พระสูตร”
“บนศีรษะมีแสงทอง บนแสงยังมีสารีริกธาตุ…”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว “ลักษณะฟังดูคุ้นๆ แต่ว่ารูปร่างของผู้ยิ่งใหญ่ศานามพุทธมีจุดคล้ายกันอยู่หลายส่วน ไม่อาจรีบร้อนลงความเห็น”
“มหาเทวะนั่น…” เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดพิกล “รูปร่างของมหาเทวะนั้น เหมือนกับมหาเทวะสยบฟ้าในตำนาน”
เยี่ยนจ้าวเกองุนงง “มหาเทวะสยบฟ้าราชาปีศาจกระทิง?”
เพิ่งจะเล่นงานมหาเซียนหรูอี้จนกระเซอะกระเซิงไม่ทันไร สุดท้ายได้เจอพี่ชายของเขาในทันที เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่ทอดถอนใจว่าไฉนโชคของตนจึงเป็นเช่นนี้
เขากลับไม่ห่วงว่าเฟิงอวิ๋นเซิงจะจำผิด
ตอนช่วงชิงตำหนักโอสถเมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ได้สัมผัสกับปีศาจกระทิงกลุ่มหนึ่ง ไม่นานมานี้เพิ่งสู้กับมหาเซียนหรูอี้ ทั่วทั้งฟ้าเหนือฟ้าย่อมต้องระวังป้องกันยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่าย
แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟิงอวิ๋นเซิงจะไม่คุ้นเคยกับราชาปีศาจกระทิง ตอนนี้ก็ยัดความรู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วมากมาย และได้ดูภาพเหมือนที่เยี่ยนจ้าวเกอวาดขึ้น
สวมเหมาะเหล็กสีเงินวาว ใส่เสื้อเกราะทองปักผ้าแพร สวมรองเท้าหนังเก้งพื้นเรียบหัวแหลม เอวมัดสายคาดหัวสิงโตสามเส้น
ดวงตาเหมือนกับกระจกใส คิ้วงามราวรุ้งแดง ปากดุจอ่างเลือด ฟันเรียงเหมือนแผ่นสำริด
เสียงคำรามสะท้านขุนเขาข่มเทพเทวา การเคลื่อนไหวน่าเกรงขาม ผู้ชั่วร้ายที่โด่งดังแห่งสี่ทะเล ราชาปีศาจจอมพลังแห่งตะวันตก
เฟิงอวิ๋นเซิงดูภาพนี้จนสามารถวาดได้เหมือน ไหนเลยจะยังมีโอกาสจำผิด
นอกเสียจากว่าเป็นผู้อื่นจงใจเปลี่ยนกายมา
แต่ถ้าหากว่าแปลงกายมา สองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือดขนาดนี้ ยังไม่เผยร่างจริง ในมหาเซียนชั้นมหาชาลก็เกรงว่าจะมีแต่มารไม้อิกที่ทำได้
“มหาเทวะสยบฟ้ากับพระพุทธเจ้าองค์นั้นคล้ายเป็นคนรู้จักเก่า มิหนำซ้ำดูท่ายังมีบุญคุณความแค้น?” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยิน สีหน้าประหลาดยิ่งกว่านาง “ยี่สิบเศียร สิบแปดกร แสงทองบนศีรษะ ถือสารีริกธาตุ…มีความแค้นกับกระทิง…”
เฟิงอวิ๋นเซิงมาถึงเขาเบญจคีรีในแดนขวางกั้นเป็นครั้งที่สอน ก่อนจะมาได้ศึกษาที่นี่เป็นการเฉพาะ
นางมองหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ร้องขึ้น “นโมยุทธวิชัยพุทธะ?”
ว่ากันว่า ในยุคไซอิ๋วยุคโบราณตอนกลาง มหาเทวะเสมอฟ้าเผ่าปีศาจถูกสะกด ต่อมาได้พระถังซำจั๋งมาช่วยเหลือแก้ไข สุดท้ายได้รับพระไตรปิฏกที่วัดหลิงซานแดนตะวันตก อัญเชิญศาสนาพุทธตะวันตกสู่ตะวันออกเป็นครั้งที่สอง ได้ปฏิบัติหน้าที่ในแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลาง สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า กลายเป็นนโมยุทธวิชัยพุทธะกระมัง?”
ในอดีต ราชาวานรโสภามหาเทวะเสมอฟ้าได้สาบานเป็นพี่น้องกับราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้า กลายเป็นสหายสนิทกัน
แต่ว่าในการเดินทางไปยังชมพูทวีป สองฝ่ายกลับผิดใจกัน เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างรุนแรง
ภายหลังมหาเทวะเสมอฟ้าสำเร็จมรรคาผลของศาสนาพุทธ กลายเป็นนะโมยุทธวิชัยพุทธะ ประทับที่แดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลาง
เล่ากันว่า มหาเทวะสยมฟ้าถูกจองจำที่เขาหลิงซานตะวันตก สถานการณ์ไม่ชัดเจน
ปัจจุบันถึงจะไม่แน่ใจว่าเป็นเมื่อไหร่ แต่เห็นได้ชัดว่าราชาปีศาจกระทิงได้หลุดออกมา มีอิสรภาพอีกครั้ง ทั้งยังเร้นกายฟื้นฟูในเขาดาราทะเลดวงดาว ปัจจุบันปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ ต้องการกวนคนมรสุม แสดงให้เห็นถึงอำนาจของมหาเทวะเผ่าปีศาจ
นะโมยุทธวิชัยพุทธะที่เดิมเข้าสู่แดนอภิรดี เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าหลังจากพระศรีอาริย์รับช่วงต่อแดนอภิรดี ก็ได้ไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
ตอนนี้แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจเข้าสู่ทางโลก แสดงถึงความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
พี่น้องและคู่แค้นที่มีบุญคุณความแค้นซับซ้อนยากจะบอกให้แน่ชัด ได้เจอกันและตัดสินผลแพ้ชนะกันอีกครั้ง!
ยุทธวิชัยพุทธะสู้กับมหาเทวะสยบฟ้าราชาปีศาจกระทิง!
เสียงสวดมนต์และเสียงร้องของกระทิงดังขึ้นกลางจักรวาลอย่างต่อเนื่องไม่ขาดหู
เสียงของสองฝ่ายลี้ลับซับซ้อน ทำให้คนยากเข้าใจความหมาย แต่ว่าความเดือดดาลที่แฝงในเสียงของกระทิงกลับแสดงออกมาหมดสิ้น
ทั้งสองฝ่ายใช้ความสามารถแท้จริง พระพุทธเจ้าองค์นั้นยังมีสติ จอมปีศาจตอนนั้นเริ่มไม่สนใจว่ารอบๆ ยังมีสิ่งมีชีวิตจากแดนสุขาวดีบัวขาว พัดกระพือสภาวะโจมตีทำลายฟ้าดิน จู่โจมใส่อีกฝ่าย
แดนขวางกั้นเกิดสภาวะพายุฝนพัดกระหน่ำอยู่ชั่วขณะ
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านในรีบร้อนตั้งท่าร่าง
เทียบกับความปลอดภัยของตนแล้ว ตอนนี้เขาสนใจการต่อสู้ของโลกภายนอกมากกว่า “ยุทธวิชัยพุทธะถึงกับเข้าสู่แดนสุขาวดีตะวันตก”
“แต่ถ้ามหาเทวะเสมอฟ้าได้บรรลุมรรคผลของศาสนาพุทธ หนำซ้ำยังไม่ถูกสะกดไว้ เช่นนั้นผู้ที่โดนผนึกอยู่ใต้เขาเบญคีรีเป็นเทพเทวาองค์ใดกัน?”
………………..