ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1365 ยุทธวิชัยพุทธะสู้กับราชาปีศาจกระทิง
ยุทธวิชัยพุทธะสู้กับมหาเทวะสยบฟ้าราชาปีศาจกระทิง!
ฉากเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เยี่ยนจ้าวเกออดทอดถอนใจไม่ได้
ตอนนี้สองฝ่ายใช้ความสามารถทั้งหมด ขณะแสงสีทองกับลมสีดำปะทะกัน แสงสว่างไสวแทรกด้วยความขมุกขมัวสีดำ พร่ามัวไม่ชัดเจน กระจายทั่วจักรวาล
เยี่ยนจ้าวเกอฉวยโอกาสละความกริ่งเกรง สองตาแฝงสภาวะโกลาหล เพ่งตามองไป
เห็นบนบัวเขียวปรากฏร่างทองของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มียี่สิบเศียร สิบแปดกร แยกถือพาหุรัด กรด กระถางดอกไม้ ไส้ปรา วัชรปลุกเสก ตะไบวิเศษ บาตรทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง บนศีรษะเป็นสีทองอร่าม มีเกล็ดปลาเมฆทอง ตะเกียงน้ำมันใบหนึ่งวางบนเมฆสีทอง ในไฟตะเกียงยังมีสารีริกธาตุ
เป็นลักษณะการจำแลงกายเวลายุทธวิชัยพุทธะต่อสู้กับศัตรูในบันทึกโบราณ
พระพุทธเจ้าองค์นี้สีหน้าสงบราบคาบ บริสุทธิ์รู้แจ้ง ทำให้คนมองไม่เห็นเงาของมหาเทวะเผ่าปีศาจในยุคอดีต
ท่านนั่งนิ่งบนบัวเขียว แต่ว่ามือทั้งสิบแปดข้างร่ายรำของวิเศษทั้งสิบแปดชิ้น ระดมโจมตีอีกฝ่ายเหมือนโคมม้าวิ่ง ราวกับบุปผาสวรรค์เวียนว่อน
คู่ต่อสู้ของเขาขณะนี้กลายเป็นกระทิงเผือกตัวใหญ่
ดูจากขนาดร่างกาย กระทิงเผือกตัวนี้ไม่ได้ตัวใหญ่นัก อย่างน้อยก็เล็กกว่าร่างลอกเลียนฟ้าดินของมหาเซียนหรูอี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเอาชนะได้เกินไป
ทว่าพลังที่แฝงอยู่ด้านในร่างกายที่เล็กกว่ามากนี้ กลับเหนือกว่ามหาเซียนหรูอี้ไม่รู้กี่เท่า
ถึงแม้ว่าจะถูกของวิเศษสิบแปดอย่างของยุทธวิชัยพุทธะระดมจู่โจมใส่ แต่ว่ากระทิงเผือกก็พุ่งซ้ายทะลวงขวา ไม่หยุดนิ่งแม้เพียงสักวินาที
เขาคู่ที่เหมือนกับหอคอยเหล็กพุ่งเข้าไป แขนทั้งสิบแปดข้าง และของวิเศษสิบแปดชิ้นของของพระพุทธเจ้าก็ยังต้องหลบ
แสงสีทองแวววาวหลายสายสาดลงดุจห่าฝน แต่ว่าแต่กระทิงเผือกตัวนั้นสั่นร่างทีหนึ่ง หลบแสงสว่างอันแวววาว เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว
กระทิงเผือกบุกทะลวงต่อ ต้องการกระแทกพระพุทธเจ้าลงจากบัวเขียว
ทันใดนั้นมันสะบัดหางทีหนึ่ง ฟาดใส่สารีริกาธาตุในแสงทองบนศีรษะของยุทธวิชัยพุทธะ
ยุทธวิชัยพุทธะไหนเลยมอบโอกาสให้ สารีริกธาตุสาดแสงสายหนึ่ง กระแทกหางกระทิงร่วงลงไป
ทว่าหลังต่อสู้กันอีกหลายเพลง เจ้ากระทิงก็ใช้แผนการเดิม สะบัดหางโจมตีมาอีกรอบ
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สงสัยเลยว่า พลังการสะบัดของหางสามารถทำลายโลกขนาดใหญ่เช่นมรกตท่องฟ้ากับฟ้าเหนือฟ้าได้สบายๆ
ถ้าหากว่าหางเส้นนั้นสะบัดใส่โลกแดนขวางกั้น โลกที่โดนมันปัดใส่มีแต่ผลลัพธ์กลายเป็นฝุ่นผงสถานเดียว
ยุทธวิชัยพุทธะยามลงมือ แม้ดูผ่อนคลาย แต่ว่าพลังที่แฝงอยู่ด้านในก็มีอานุภาพทำลายฟ้าดินเช่นกัน
ท่านจู่โจมด้วยแขนสิบแปดข้างติดต่อกัน ไม่เพียงแต่มองไปจากด้านนอกมีความเร็วถี่ยิบ ความจริงทุกๆ การโจมตียังหนักอึ้งสุดขีด
ราชาปีศาจกระทิงสามารถฝืนรับการลงมือของยุทธวิชัยพุทธะ เพราะมีการป้องกันและพละกำลังน่าตระหนกหลังจากใช้วิชาลอกเลียนฟ้าดิน
ถ้าเขาไม่ได้ใช้วิชาลอกเลียนฟ้าดิน ย่อมถูกการโจมตีดุจห่าฝนพายุคลั่งนั้นกลบมิดในทันที
“พวกเราไป!” ถึงจะอยากดูต่อมาก แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังละสายตากลับมา
หลังจากราชาปีศาจกระทิงมาถึง และต้านทานแรงกดดันที่ยุทธวิชัยพุทธะนำมา แดนสุขาวดีบัวขาวในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก จัดธงตั้งกลองรบใหม่
เมื่อเป็นแบบนี้ นันทิเกศวรติ้งกวงก็มีที่ให้แสดงอานุภาพอีกครั้ง บัญชาเหล่าสมณะจากแดนสุขาวดีบัวขาวให้ตั้งหลัก
กระนั้นการต่อสู้ระหว่างยุทธวิชัยพุทธะกับราชาปีศาจกระทิงก็สะเทือนฟ้าดินอย่างแท้จริง เพียงแค่ปลายพลังก็เป็นภัยพิบัติดับสูญสำหรับโลกเล็กๆ ส่วนหนึ่งแล้ว
อีกด้านหนึ่ง สงครามของพวกเขาสองฝ่ายก็พัดกระพือลูกคลื่นมากมาย
ตอนนี้พุทธเกษตรในแดนสุขาวดีบัวขาวจำนวนมาก ต่างเห็นภาพสงครามตรงหน้าได้
บางทีอาจมองไม่เข้าใจรายละเอียดด้านใน แต่ว่าความวุ่นวายนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อบารมีของพระศรีอารย์กับเหล่าสมณะในแดนสุขาวดีบัวขาว โยกคลอนรากฐานของพลังศรัทธาแสงพุทธไม่มากก็น้อย
เมื่อเกี่ยวพันถึงเรื่องอย่างนี้ ต่อให้เล็กอย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี
นันทิเกศวรติ้งกวงสาดแสงพุทธของตัวเองออกมาครอบคลุมโลกรอบๆ สนามรบเหมือนกับม่านแสงกำบัง
ในนี้ย่อมรวมถึงแดนขวางกั้นที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้วย
โชคดีที่ตอนนี้สมาธิของนันทิเกศวรติ้งกวงอยู่ที่ตัวคู่ต่อสู้จากแดนสุขาวดีตะวันตก สนใจเพียงด้านนอก ไม่สนใจด้านใน ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ต้องห่วงว่าจะถูกค้นพบ
เพียงแต่เส้นทางถอยของพวกเขากลับถูกนันทิเกศวรติ้งกวงตัดขาดเช่นนี้
“ยังไม่ต้องไปสนใจ มุ่งหน้าต่อ” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ตอนนี้โผล่หน้าไปก็ไม่มีทางอื่นอยู่ดี”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ในเมื่อมหาเทวะสยบฟ้ามาถึงแล้ว ถ้าหากว่าแดนสุขาวดีตะวันตกไม่มียอดฝีมือมาสนับสนุนมากกว่านี้ พวกเขาก็ยากจะได้รับผลการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ สุดท้ายต้องถอยร่นไป”
“แดนสุขาวดีบัวขาวจะรวบรวมดินแดนที่เสียไปกลับมาตามสภาวะ ไล่ตามไปด้านนอก ตอนนั้นจึงเป็นโอกาสของพวกเรา”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เป็นเช่นนี้เอง”
ไม่ทันไรทั้งสองก็มาถึงบริเวณที่เชื่อมระหว่างแดนขวางกั้นและเขาสองเขตแดนอย่างไร้สุ้มเสียง
ขณะนี้ทุกอย่างในแดนขวางกั้นเหมือนกับวันวาน มีลักษณะเหมือนกับตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นเมื่อหลายปีก่อน
เพราะการอำพรางจากยอดฝีมือในแดนสุขาวดีบัวขาว ผลกระทบจากสงครามพลิกคว่ำฟ้าดินด้านนอกถูกยับยั้งไว้ทันเวลา ไม่ได้ส่งมาถึงที่นี่
ผู้คนยังคงสวดมนต์ขอพรทุกวันดั่งเช่นในอดีต เวลาเป็นร้อยเป็นพันปีเหมือนกับวันเดียว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอซ่อนตัว ไม่สร้างความตื่นตัวให้ผู้ใด
ต่อให้ที่นี่มีจอมุยทธ์ศาสนาพุทธจำนวนไม่น้อย กลับยากจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนเช่นอดีต ความแตกต่างด้านระดับและความสามารถของสองฝ่ายไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว
ยอดเขารกร้างปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง
เขาเบญคีรี เขาสองเขตแดนในอดีต ยอดเขาพุทธะเทวะในปัจจุบัน
พระพุทธเจ้าที่ทำให้เขานี้ได้รับการตั้งชื่อ ขณะนี้กำลังต่อสู้จนฟ้ามืดดินมัวด้านนอก
ขณะมองภูเขาที่ยอดยาวเหยียด เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกต่างไปจากเดิมเช่นกัน
“นะโมยุทธวิชัยพุทธะเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตกแต่แรก จะว่าไปก็เป็นศัตรูกับแดนสุขาวดีบัวขาวด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอหยีตาเล็กน้อย “ดูจากพฤติการณ์ที่แล้วมาของแดนสุขาวดีบัวขาว ตัวตนเช่นนี้ สมควรพยายามจัดการให้ลืมเลือน ลบบันทึกและตำนานอย่างเต็มที่ ทำให้คนอื่นๆ ไม่ทราบว่ามีตัวตนนี้อยู่ถึงจะถูก”
บนแดนสุขาวดีบัวขาวก็จัดการเรื่องเล่าของสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า และข้อมูลของผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาพุทธเช่นอามิตาภพุทธเจ้าแบบนี้เช่นกัน
“กระนั้นคนในแดนขวางกั้นกลับรู้จักนะโมยุทธวิชัยพุทธะ ถึงขั้นที่ทราบว่าเขาเบญจคีรีถูกเปลี่ยนชื่อเป็นยอดเขาพุทธะเทวะมาหลายปี”
เยี่ยนจ้าวเกอมองขุนเขาอย่างซึมเซา “ทำไมยุทธวิชัยพุทธะกับเขาเบญจคีรีจึงได้รับการยกเว้น? เป็นเพราะว่าครั้งกระโน้นนี่คือที่ที่พระพุทธเจ้าแห่งเขาหลิงซานลงมือสะกดยุทธวิชัยพุทธะด้วยตัวเองหรือ?”
“ข้ายังไม่ได้ยินเสียงอันใด” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “ข้าได้ยินตลอดเวลาแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน” เฟิงอวิ๋นเซิงครุ่นคิดเล็กน้อย หลับตาลง
กลิ่นอายของนางอ่อนจางลงอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะวาสนาที่ได้พบ เฟิงอวิ๋นเซิงตอนนี้ยากจะสะกดพลังฝึกปรือของตัวเองให้อยู่ในระดับต่ำๆ
กระนั้น เวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามยังคงทำได้
นางสะกดพลังฝึกปรือของตัวเองไปอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง
ครู่ต่อมา เฟิงอวิ๋นเซิงระบายลมหายใจออกยาวๆ “พอกดถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป พอจะได้ยินการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยินเนื้อหา”
“ข้ามระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปไปอยู่ขั้นเทวะสำแดง ก็ไม่ได้ยินแล้ว ต่ำกว่าระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ยินเช่นกัน”
………………..