ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1369 ความโกรธแค้นของซุนหงอคง
“ตัวตนที่อยู่เหนือสวรรค์มหาชาล ล้วนตรึงกำลังกันเอง ไม่มีโอกาสลงมือ”
“ในชั้นมหาชาลและต่ำกว่ามหาชาล มีเพียงแค่ถูกข้าหรือตัวใช้ไม่ได้นั้นสังหาร ภายหลังชิ้นส่วนศิลาแก่นมนุษย์จึงถูกทิ้งไว้ที่เดิม ไม่ได้บินกลับแดนลี่กว่าง” วานรสีหน้าคับข้อง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงยามนี้สบตากัน
เหตุผลของเรื่องราวในอดีตทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่ขณะนี้ทั้งสองนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งพร้อมกัน
“ศิลาฟ้ากำเนิด…” เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ส่งเสียง แต่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจรูปปากของนาง
หลังจากสงบจิตใจ เยี่ยนจ้าวเกอก็ลดเสียงถามว่า “ท่านมหาเทวะ เมื่อครู่ท่านบอกว่าแดนลี่กว่างมีคำสั่งลงมาให้เหล่าเทวะกางค่ายกล เป็นคำบัญชาของเจ้าแม่หนี่ว์วาหรือ?”
ตำหนักกษัตริย์วาในแดนลี่กว่างบนสวรรค์ไท่ซู่ด้านนอกสวรรค์สามสิบสามชั้น เป็นที่อยู่ในอดีตของเจ้ามหนี่ว์วา
เยี่ยนจ้าวเกอพอได้ยินชื่อนี้ ย่อมเกิดการคาดเดา
ทว่ามหาเทวะเสมอฟ้ากลับส่ายหน้า
“ย่อมไม่ใช่ เจ้าแม่หนี่ว์วาหลุดพ้นไปนานแล้ว” วานรยิ้มแฉ่ง “ถ้าไม่ใช่เจ้าแม่หนี่ว์วาหลุดพ้นไปแล้ว ข้าจะเกิดจากศิลาดินกำเนิดได้อย่างไร?”
“ผู้ที่ครองแดนหลี่กว่างในตอนนั้นคือกษัตริย์บูรพา”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “กษัตริย์บูรพาหรือ…”
กษัตริย์บูรพา ก็คือกษัตริย์บูรพาไท่อีในตำนาน!
ได้รับการจัดเป็นสามกษัตริย์แห่งยุคบรรพกาลเหมือนเจ้าแม่หนี่ว์วา ถูกพูดถึงเทียบเท่ากับบรมครูสามพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋า สองศาสดาแห่งศาสนาพุทธตะวันตก และมารสวรรค์บุพกาลของนพยมโลก ตัวตันที่เก่าแก่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในโลก
ทว่ายุคที่สามกษัตริย์โบราณมีชีวิตอยู่ผ่านไปนานแสนนานแล้ว มาถึงวันนี้ข่าวคราวหายากถึงขีดสุด ทำให้คนยากจะตรวจสอบที่อยู่และสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมของพวกเขา
ถึงมีข่าวลือมากมาย แต่มาถึงปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอในที่สุดก็ได้รับข่าวสารที่แท้จริงจากซุนหงอคงมหาเทวะเสมอฟ้า
กษัตริย์วา หรือเจ้าแม่หนี่ว์วาได้หลุดพ้นไปเหมือนกับบรมครูสามพิสุทธิ์สำนักเต๋า และพระยูไลแห่งเขาหลิงซาน
มิหนำซ้ำ ถ้าหากคำพูดของมหาเทวะเสมอฟ้าไม่แปลกปลอม การหลุดพ้นของกษัตริย์วายังเร็วกว่าพระยูไลเสียอีก
เพียงแต่ไม่ทราบว่าอีกสองคนในสามกษัตริย์โบราณปัจจุบันเป็นอย่างไรแล้ว ไม่ทราบว่าในเขาดาราทะเลดวงดาวของเผ่าปีศาจ ยังคงเป็นกษัตริย์บูรพาควบคุมหรือไม่?
“กษัตริย์บูรพาบัญชาทุกเผ่าพันธุ์สู้กับศาสนาพุทธ” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเอ่ยว่า ‘สุดท้ายศาสนาพุทธถูกชำระล้าง…ซุนเห้งเจียคุ้มครองพระถังซำจั๋งไปอัญเชิญพระคัมภีร์ที่ชมพูทวีป ภายใต้การสะกดอำพรางของผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาพุทธคนอื่นๆ ที่วัดลุ่ยอิมแดนตะวันตก ระหว่างเดินทางได้ทำลายค่ายกลที่แดนลี่กว่างเตรียมไว้ พุทธตะวันตกเข้าสู่ตะวันออกเป็นครั้งที่สอง ทำลายอุปสรรคจนหมดสิ้น’
‘พระพุทธเจ้าทั้งหลายแห่งแดนตะวันตกเสด็จมา กดดันมหาเทวะและอนุเทวะ ขณะเดียวกันก็เผยแผ่พระธรรมไปทั่วโลก เทศนาผู้คน ทำบุญกุศลยิ่งใหญ่ กำหนดพื้นฐานความรุ่งเรืองของแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลาง สุดท้ายพระยูไลก็หลุดพ้นไปสำเร็จ’
เขาใคร่ครวญในใจ ‘ในระหว่างนี้แดนสุขาวดีตะวันตก สำนักเต๋า นพยมโลก เป็นตัวละครที่แสดงบทใดกัน?’
ขณะที่ไตร่ตรอง เขามองไปยังซุนหงอคง “ท่านมหาเทวะ ว่ากันว่าในยุคโบราณตอนกลาง บรมครูสายเอกพิสุทธิ์ของสำนักเต๋าเราปรากฏตัว แต่ว่าบรมครุสามพิสุทธิ์สมควรหลุดพ้นไปพร้อมกันในจุดสิ้นสุดของยุคโบราณตอนต้นถึงจะถูก เหล่าจวินที่ปรากฏตัวขึ้นมาในยุคโบราณตอนกลางที่แท้…”
มหาเทียนเสมอฟ้าพอฟัง ไม่ได้ตอบกลับ แต่ใช้ดวงตาที่เหมือนกระจกสำริดมองมายังเยี่ยนจ้าวเกอ
สายตาที่กระจ่างใสทำให้เยี่ยนจ้าวเกอหนังศีรษะชา “ท่านมหาเทวะ ในนี้มีข้อห้ามอะไรหรือ?”
วานรมองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง ค่อยหัวเราะขึ้น “จะมีข้อห้ามอันใด?”
“เทวกษัตริย์เต๋าก็คือไท่ซ่างเหล่าจวิน ไม่เช่นนั้นเจ้านึกว่าเป็นผู้ใด?”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่ข้าคิดอย่างไร แต่ว่ามีการคาดเดาและตำนานมากมายมาตั้งแต่ยุคโบราณตอนกลาง มาถึงในปัจจุบัน นอกจากตัวตนที่มีน้อยสุดขีด ก็ไม่มีใครทราบว่าความจริงที่แท้เป็นเช่นไร”
เรื่องเกี่ยวกับเหล่าจวินความจริงมีมากมาย หนำซ้ำยังมีหลากหลาย
เปรียบเทียบกันแล้ว คำอธิบายที่ค่อนข้างแพร่หลายมีอยู่สามเรื่อง
เรื่องแรก นั่นเป็นเทวกษัตริย์เต๋าบรมครูสายเอกพิสุทธิ์จริงๆ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาที่สมควรหลุดพ้นไปกลับรั้งอยู่บนโลกใบนี้ หรือว่าหลุดพ้นไปแล้ว แต่กลับมายังโลกใบนี้เพราะเหตุผลที่ไม่ชัดเจน
เรื่องที่สอง นั่นไม่ใช่เทวกษัตริย์เต๋าตัวจริง แต่เป็นมารสวรรค์สูงสุดแปลงกายมา
ก่อนเบิกผ่าฟ้าดิน ในความขมุกขมัวก่อนกำเนิด เทวกษัตริย์เต๋าแห่งสายเอกพิสุทธิได้ชิงตำแหน่งบรรพมาร กลายเป็นมารสวรรค์สูงสุด ทำลายกำลังของวิถีมาร
คนที่ร่วมมือกับเขายังมีอามิตาภพุทธเจ้าที่เป็นผู้ปกครองแดนสุขาวดีตะวันตก พระองค์ได้กลายร่างเป็นมารสวรรค์ไร้รูป ยึดครองตำแหน่งบรรพมารอีกหนึ่งตำแหน่ง
วิถีมารถูกฟันใส่สองดาบติดต่อกัน พลังชีวิตได้รับความเสียหายใหญ่หลวง ภายหลังได้ประสบการร่วมมือกันของฝ่ายอื่นๆ ดังนั้นที่แล้วมาในโลกใบนี้จึงเป็นเต๋ารุ่งเรืองมารเสื่อมโทรมเสียเป็นส่วนใหญ่
เทวกษัตริย์เต๋ากลายเป็นเซียนสวรรค์สูงสุด อามิตาภพุทธเจ้ากลายเป็นมารสวรรค์ไร้รูป ล้วนเป็นการแปลงกาย ไม่ใช่การแยกร่าง
ทว่าหลังจากเทวกษัตริย์เต๋าหลุดพ้น มารสวรรค์สูงสุดได้เปลี่ยนจากปลอมเป็นจริง จะเป็นตัวตนที่ไม่ขึ้นกับผู้ใดหรือไม่ ที่แล้วมามีคนไม่กี่คนที่ทราบถึงรายละเอียด
ดังนั้นการกลายเป็นไท่ซ่างเหล่าจวินแล้วปรากฏตัวขึ้นของเทวกษัตริย์เต๋าที่สมควรหลุดพ้นไปแล้วมาในยุคโบราณตอนกลาง จึงทำให้ผู้คนเกิดการคาดเดา สงสัยว่าความจริงแล้วเป็นมารสวรรค์สูงสุดแปลงกายมา
เรื่องที่สามคาดเดาว่า นั่นความจริงเป็นเทวกษัตริย์พหุวิเศษ
สงครามในยุคสถาปนาเทพเจ้ายุคโบราณตอนต้น เทวกษัตริย์พหุวิเศษศิษย์เอกสายเหนือพิสุทธิ์ถูกเทวกษัตริย์เต๋าใช้เบาะม้วนพาไป หายตัวไปเช่นนี้
เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับเขามีมากจริงๆ
หนึ่งในนี้คือการกลายเป็นชนชาวหู*ชาวหู หมายถึง ชนเผ่าอานารยชนนอกกำแพงเมืองจีน ของเล่าจื่อ
ในตำนานนี้ ตัวเป่าเต้าหยินคือศากยมุณีพุทธเจ้า พระยูไลแห่งเขาหลิงซาน หรือผู้ปกครองแดนอภิรดีศูนย์กลางในยุคสมัยโบราณตอนกลาง!
อีกตำนานหนึ่งก็คือ เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นของเหล่าจวินในยุคโบราณตอนกลางขัดแย้งกับการหลุดพ้นของสามพิสุทธิ์ในยุคโบราณตอนต้น ดังนั้นจึงมีคนคาดเดาว่า เหล่าจวินที่โผล่มาในยุคโบราณตอนกลาง ความจริงเป็นเทวกษัตริย์พหุวิเศษแปลงกายมา
ในเรื่องเล่านี้ ศิษย์เอกสายเเหนือพิสุทธิ์ผู้นี้สุดท้ายรับสืบทอดการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์และเอกพิสุทธิ์ สุดท้ายขึ้นสู่สวรรค์ชั้นมหาชาล
ส่วนไฉนเขาจึงกลายเป็นเหล่าจวิน ปรากฏตัวแทนเทวกษัตริย์เต๋าได้ ยังคงเป็นปริศนา
ตัวตนเหล่านั้นที่อยู่บนสวรรค์มหาชาล สำหรับคนทั่วไป ล้วนลี้ลับเกินไป ดังนั้นเรื่องเล่ากับการคาดเดาแต่ละอย่างจึงชวนสับสน
“เทวกษัตริย์เต๋าคือไท่ซ่างเหล่าจวิน…” วานรทวนอีกรอบ แต่เปลี่ยนหัวข้อ กล่าวต่อว่า “แต่ไท่ซ่างเหล่าจวินไม่ใช่เทวกษัตริย์เต๋า”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ พยักหน้าเล็กน้อย “ที่แท้เป็นเช่นนี้ บรมครูหยกพิสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของการไม่มีเป็นมี บรมครูสายเหนือพิสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของการมีเป็นไม่มี บรมครูสายเอกพิสุทธิ์อยู่ระหว่างมีและไม่มี ดังนั้นจึงมีแค่เขาที่ยังคงทิ้งเงาร่างไว้บนโลกได้แม้จะหลุดพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ร่างจริง แต่ก็ไม่ใช่ร่างแยกหรือร่างแปลง”
“เหอะ เป็นเช่นนี้แล้ว” วานรกล่าวอย่างหงุดหงิด
ครั้งนี้เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้น “อยากจะสอบถามท่าน ไม่ทราบว่าในยุคสมัยของท่าน ตัวตนที่อยู่เหนือสวรรค์ชั้นมหาชาล มีผู้ใดอยู่บ้าง? จุ่นถีเต้าหยิน อามิตาภพุทธเจ้า มารสวรรค์ไร้พันธนา และใต้เท้ากษัตริย์ซีซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งในสามกษัตริบุพกาลนอกจากเจ้าแม่กษัตริย์วาและใต้เท้ากษัตริย์บูรพา พวกเขาล้วนเป็นอย่างไรแล้ว?”
“จุ่นถีเต้าหยิน?” วานรพลันเงียบงัน หัวเราะเหอะๆ ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นระริก
โกรธแค้น ไม่ยอมรับ เจ็บปวด เปล่าเปลี่ยว…
“ท่านผู้เฒ่าหลุดพ้นไปแล้ว!” มหาเทวะเสมอฟ้าเงยหน้าหัวเราะคลุ้มคลั่ง “พวกเจ้าเพิ่งบอกกับข้าไปหยกๆ!”
………………..