ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1373 ทาสแพนด้า
สายตาที่เฟิงอวิ๋นเซิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งอ่อนโยน มุมปากค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้ม
นางกล่าวเสียเบา “จะทำอย่างไรล้วนแล้วแต่ท่าน ข้าจะติดตามท่านเสมอ”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง สายตาอ่อนโยนลงเช่นกัน กล่าวหยอกเย้า “ถ้าคนอื่นได้ยิน คงบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง”
“ข้าไม่รับฟังสิ่งที่คนอื่นๆ พูด ถ้าท่านพูดข้าจะฟัง นี่เป็นการตัดสินใจที่ข้ากระทำเอง เป็นความเห็นของข้าเอง เกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่น?” เฟิงอวิ๋นเซิงค้อนเขา “อนุญาตให้ท่านเลี้ยงเด็กชายในใจ กลับไม่อนุญาตให้ข้าเลี้ยงเด็กหญิงไว้ในใจหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ย่อมอนุญาตอยู่แล้ว ข้าได้ประโยชน์นี่”
สองคนสบตาต่างหัวเราะขึ้นมา
มุ่งกลับบนเส้นทางเดิม ออกจากพื้นที่ของเขาเบญจคีรี เฟิงอวิ๋นเซิงสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของปราณวิญญาณในแดนขวางกั้นด้านนอก รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของมิติจักรวาลนอกแดนขวางกั้น “สงครามคล้ายเริ่มสงบลงแล้ว เป็นไปตามแผนการเดิมของพวกเรา ต้องฉวยโอกาสนี้ออกไป ไม่อย่างนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้”
ยอดฝีมือแดนสุขาวดีตะวันตกบุกแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างกะทันหัน สร้างความวุ่นวายให้แก่แผนการในตอนแรกของแดนสุขาวดีบัวขาว
มาตรแม้นจะถูกรุกใส่ การถอยร่น การไล่ติดตาม รวมถึงการประนีประนอมในภายหลังของสองฝ่าย อาจก่อให้เกิดสุญญากาศขึ้นที่นี่
พร้อมกับที่เวลาผ่านไป หลังจากสถานการณ์ของแดนสุขาวดีบัวขาวมั่นคงขึ้นอีกครั้ง สุญญากาศด้านนี้ก็จะหายไป พวกเยี่ยนจ้าวเกอคิดออกจากที่นี่ก็ยากเย็นยิ่งแล้ว
ยอดฝีมือแดนสุขาวดีบัวขาวในตอนนั้นจะผ่อนคลายจิตใจลง หันมาสร้างการควบคุมระดับสูงต่อที่นี่อีกครั้ง อย่าว่าแต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอถอยหนี แค่ซ่อนอยู่ในแดนขวางกั้นก็อาจถูกคนพบเห็นได้แล้ว
“มิผิด พวกเรารีบออกจากที่นี่เถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า บินไปยังด้านนอกแดนขวางกั้น
เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้นด้านข้าง “เมื่อรับปากว่าจะช่วยให้มหาเทวะเป็นอิสระ ท่านมีความคิดแล้วหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มีแผนการอยู่บ้างแล้ว แต่ว่าถ้าจะใช้จริงๆ ยังมีที่ที่ต้องขบคิดอยู่มากมาย”
“ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงคล้ายนึกอะไรออก “ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของท่านไม่ใช่ตัวตนที่แฝงแก่นโบ่วกี้อันยิ่งใหญ่ แต่ว่าใช้พลังของเทาเที่ยกับคุนเผิงเป็นรากฐาน หลอมรวมสายเลือดของเผ่าปีศาจระดับสุดยอดจำนวนมาก สำเร็จวิชาการเปลี่ยนแปลง”
“ก่อนหน้าได้ยินท่านบอกว่า ท่านใช้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปอยู่ในโลกที่เผ่าปีศาจเติบโตและอาศัย เปลี่ยนร่างเป็นปีศาจ เผ่าปีศาจส่วนใหญ่มองไม่เห็นช่องโหว่ว”
“ท่านคิดหาวิธีหลอมเปลี่ยนสายเลือดนของปีศาจวานร จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างวานรหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง “ถึงมหาเทวะจะถูกสะกดไว้ แต่ท่านหลอกเขาไม่ได้หรอก เผ่าปีศาจเผ่าอื่นมองการเปลี่ยนแปลงของท่านไม่ออก แต่มหาเทวะจะต้องมองออกแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ข้าไม่คิดจะหลอกเขา ทุกอย่างล้วนกระทำอย่างชัดเจน”
“ในเมื่อมหาเทวะเสมอฟ้าบอกแล้วว่า ไม่เพียงแต่เผ่าของเขาเท่านั้นที่ได้ เผ่ามนุษย์ที่แฝงวิญญาณดินโบ่วกี้ก็ใช้ได้ เช่นนั้นหมายความว่าเขาไม่สนใจว่าจะต้องเป็นปีศาจวานรเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้นที่จะได้วาสนานี้ไป”
“สำหรับเขาแล้ว สิ่งสำคัญก็คือมีคนรับกายทองของเขาได้ จะเป็นผู้ใดรับสืบทอด เขาความจริงไม่สนใจ” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แน่นอนว่า ยุทธวิชัยพุทธะนั่นหมดสิทธิ์”
เฟิงอวิ๋นเซิงคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าว “จริงด้วย ถ้าทำได้ เขาเกรงว่าต้องการให้คนหรือปีศาจที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับเขามารับวาสนานี้ไป ถึงอย่างไรนี่ก็เกี่ยวกับจุ่นถีเต้าหยิน หรือก็คือพระยูไล มหาเทวะเสมอฟ้าต่อต้านเขาอยู่แล้ว ต้องการสะบั้นอดีตของตัวเอง ไม่ต้องการคนที่เกี่ยวข้องกับเขา รับผลประโยชน์ของพระยูไลอีกครั้ง”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง สำหรับข้าแล้ว เหตุและผลนี้กลับมาจากมหาเทวะเอง ไม่จำเป็นต้องกังวล”
“เด็กชายในใจท่านเมื่อครู่ทำข้าซึ้งจนแทบร้องไห้” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาเป็นเชิงยิ้มไม่เชิงยิ้ม “ตอนนี้จะกลายเป็นความจริงได้อย่างไร กลับมีความแตกต่างมากเกินไปกระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้ไม่ได้รับอันใด ข้าก็ช่วยมหาเทวะอยู่ดี แต่ในเมื่อมีผลดี ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธกระมัง? แน่นอนว่าต้องใช้หัวสมองแล้ว”
“วาสนาที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ คงมอบให้แก่ปีศาจวานรที่ไม่ได้เป็นญาติสนิทมิตรสหายกับข้าไม่ได้กระมัง?”
เขาทางหนึ่งเดินทางหนึ่งพูด “แม้จะให้วานรตนอื่นจริงๆ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องใช้กลโกง สยบให้ได้ เพื่อให้ข้าใช้ประโยชน์ แต่นั่นสิ้นเปลืองเวลามากมาย มิสู้ให้ข้าใช้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแปลงเป็นสายเลือดวานรปีศาร จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง”
“ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวกันคือ ถึงร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าจะมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า แต่เทียบกับมหาเทวะแล้ว ยังต่ำเกินไป คนคนเดียวไม่มีทางรับไหว”
ไม่ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะฝึกฝนเพิ่มระดับของตัวเอง หรือตามหาคนอื่นมาใช้วิธีคล้ายกับการชุบเลี้ยงร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดำเนินการฝึกฝน ล้วนต้องใช้เวลาไม่น้อย
“กลับเป็นพ่านพ่านจอมขี้เกียจนั่น ครั้งนี้ไม่แน่ว่าจะได้ใช้โชคด้วยกันแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอลูบบคางของตัวเอง กล่าวอย่างค่อนข้างไม่พอใจ “เจ้าตัวนี้เอาแต่กินเอาแต่นอน แต่ก็ได้ประโยชน์ไปด้วย สะดวกสบายกว่าพวกเรานัก”
เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้ “ท่าทางที่ท่านหงุดหงิดพ่านพ่าน ยังเหมือนเด็กน้อยยิ่งกว่าอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก เยาะตัวเอง “คนอื่นเป็นทาสแมว ข้าเป็นทาสแพนด้า จุ๊ๆ น่าหงุดหงิดจริงๆ”
“ปัจจุบันพลังฝึกปรือของพ่านพ่านไม่ต่ำต้อย มันกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเมื่อรวมกัน เกรงว่ายังคงรับกายทองของมหาเทวะไม่ไหวกระมัง?” เฟิงอวิ๋นเซิงทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งปั้นสีหน้าใคร่ครวญ หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ
“อืม ข้าเดาว่า พวกเราคงต้องไปพร้อมกันแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสบสายตาของนาง พยักหน้า “สำหรับจวินเอ๋อร์สองแม่ลูก นี่ไม่แน่ว่าจะเป็นโอกาส แต่ว่าวิถีมารแปลกประหลาด ยังจำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียด อดทนเตรียมตัว ไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่าย ไม่งั้นกลายเป็นล่อหมาป่าเข้าห้องแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าอย่างเงียบงัน “ถูกต้อง ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด”
คนทั้งสองออกจากแดนขวางกั้น เมื่ออยู่ในมิติจักรวาลของโลกภายนอก ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ที่นี่ว่างเปล่าไร้สิ่งใด
ถึงจักรวาลในตอนแรกจะว่างเปล่า แต่ความจริงยังมีการเปลี่ยนแปลงที่เล็กละเอียดต่างๆ ทำอย่างเงียบๆ ตามเส้นทางของตัวเอง
แต่ว่าในตอนนี้ ใกล้ๆ กับมิติจักรวาลเต็มไปด้วยความรู้สึกรกร้างว่างเปล่า
ถึงแม้ว่าสงครามจะไม่ส่งผลถึงโลกใบอื่นๆ เช่นแดนขวางกั้น ทว่าการต่อสู้ระดับเซียนสวรรค์มหาชาลยังคงมีพลังทำลายล้างชนิดบดขยี้ฟ้าดิน สร้างบาดแผลที่ยากสมานไว้บนแดนสุขาวดีบัวขาว
มองไปรอบๆ ถึงจะยังเห็นว่าในพุทธเกษตรแต่ละแห่งระหว่างจักรวาลมีแสงพุทธพลังศรัทธา ทว่ากลับสูญเสียความรู้สึกเชื่อมกันเป็นแผ่นผืน เสมือนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนหน้าไป
ถึงจะยังคงหนาแน่น เหมือนกับโคมเขียวหลายใบ แต่ยังคงมีความรู้สึกหร็อมแหรมกระจายออกมา
ทว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป แสงโคมแต่ละจุดต่างก็เริ่มเกิดการเชื่อมต่อกันใหม่ ทั้งยังขยายออกไม่หยุดด้วยความเร็วที่ตาเนื้อแยกแยะได้อย่างชัดเจน
“แดนสุขาวดีบัวขาวกำลังฟื้นฟูการควบคุมพุทธเกษตรแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่องอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอธิบาย “หลังจากพวกเขาร่วมมือกับเผ่าปีศาจ ไล่พวกยุทธวิชัยพุทธะสมณะจากแดนสุขาวดีตะวันตกออกไป ก็ได้สภาวะกลับคืน ตั้งธงปรับกลองรบได้ใหม่”
“ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังไม่กลับมารีบไปเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
ทั้งสองเคลื่อนไหวในมิติเวลาหลายชั้น มุ่งหน้าไปด้านนอกแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างต่อเนื่อง
ปราการระหว่างจักรวาลปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากข้ามผ่านไปแล้ว ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ก้าวสู่มิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอีกคราหนึ่ง
“จริงด้วย จำเป็นต้องแจ้งต่อใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋อีก” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ
………………..