ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1383 นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าน
กงซุนฮุยถูกพลังฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอสะกด ขยับไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง หลี่ซิ่งป้าเดือดดาล เผชิญคมดาบสีดำสนิทของเฟิงอวิ๋นเซิง ในมือเขาเพิ่มเหล็กท่อนมีเหลี่ยมเล่มหนึ่ง ฟาดออกไปซึ่งหน้า
ทว่าทิศที่คมดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงชี้ไป มีแสงสีดำน่ากลัวพวยพุ่งขึ้น สภาวเหมือนกับกำลังจะตัดเหล็กท่อนมีเหลี่ยมทิ้ง!
อาวุธของสองฝ่ายปะทะกัน หลี่ซิ่งป้ามือสั่น รู้สึกว่าจิตดาบของอีกฝ่ายที่วาดผ่าน น่ากลัวเด็ดขาด สามารทำลายล้างทุกสิ่ง เป็นจุดจบของทุกอย่าง
คมดาบสีดำฟันใส่เหล็กท่องมีเหลี่ยม พลันเกิดรอยแตกขึ้นรอยหนึ่ง
คมดาบไปด้านหน้าต่อ ถึงกับกำลังจะฟันเหล็กท่อนขาดเหมือนตัดเต้าหู้!
หลี่ซิ่งป้าแตกตื่น รีบเก็บอาวุธถอยหลัง ขณะเดียวกันก็ตวาดขึ้น “เตรียมตัว!”
กลุ่มแสงสีเหลืองเข้มสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่เฟิงอวิ๋นเซิงทันที
ในกลุ่มแสงนั้นเป็นไข่มุกสีเหลืองเข้มชิ้นหนึ่ง ส่องแสงระยิบระยับ เหมือนกันเปิดฟ้าดินได้
เป็นมุกผ่าดินของวิเศษที่หลี่ซิ่งป้าพกติดตัว ของวิเศษชิ้นนี้เกิดในฟ้าดิน เอาไว้ทำลายสภาวะดินโบ่ว รองรับฟ้าและวัตถุ แม้ฟ้าดินที่หนาหนักไร้ขอบเขตอยู่ด้านหน้าก็ถูกเปิดออก
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่หยุดสภาวะดาบ ฟันใส่มุกผ่าดินนั้น การสั่นสะเทือนอันน่ากลัวพลันส่งออกมาจากไข่มุก
กระตุ้นแผ่นดินไหว ใช้การสั่นสะเทือนของตัวเองฉีกฟ้าดิน ใช้ดินทำลายดิน เป็นความน่าอัศจรรย์ของมุกผ่าดิน
ทว่าพอคมดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงวาดผ่าน ก็ฟันทำลายพลังสั่นสะเทือนของผืนดิน ทำให้แผ่นดินหยุดไหว แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
หลี่ซิ่งป้าบนศีรษะปรากฏแสงสว่าง ใช้พลังทั้งหมด เก็บมุกวิเศษกลับมาได้อย่างหวุดหวิด
เขาทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ใบหน้ากลายเป็นม่วงคล้ำ
เห็นอาจารย์ของตนถึงกับไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ขณะที่กงซุนฮุยเคร่งเครียด ก็เยือกเย็นลงกว่าเดิม
ถึงในเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตเขาจะเร้นกายกับหลี่ซิ่งป้าผู้อเป็นอาจารย์ แต่สามารถเดินมาถึงระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันได้ ก็ผ่านการเคี่ยวรำมาไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้ยามเผชิญกับรอยตราพลิกฟ้าของเยี่ยนจ้าวเกอ กงซุนฮุยกำมือขวาเป็นหมัด ต่อยหมัดไปด้านล่าง เหมือนกับกำลังโบกท่อนเหล็กที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายเล่มหนึ่ง
พลังสั่นไหวที่แข็งแกร่งส่งมา พุ่งใส่ฟ้าดินลวงตาที่เกิดจากพลังฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ส่งผลต่อพื้นดิน
รอยตราพลิกฟ้า พลิกคว่ำฟ้าดิน พลังอันยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนทวิลักษณ์ ทำให้คนยากจะต้านทาน
กงซุนฮุยคิดลงมือจากด้านใน ทำลายฟ้าดินออกไป ทำให้สองขั้วสูญเสียขั้วหนึ่ง เมื่อเป็นแบบนี้ พลังงานอันน่ากลัวนั้นจะเสียสมดุล พ่ายแพ้ไปเอง
น่าเสียดายที่แม้แนวคิดจะดี แต่ความจริงใช้ไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอฟาดมืออีกข้างลง ฝ่ามือแฝงสภาวะไท่จี๋ หยินหยางสั่นสะเทือนทีหนึ่งระหว่างที่เคลื่อนไหว พลันทำให้สภาวะฝ่ามือของกงซุนฮุยเฉออกด้านข้าง พุ่งใส่ความว่างเปล่า
กงซุนฮุยจิตใจตึงเขม็ง ขณะนี้มิติเวลาที่เขาอยู่ถูกกดทับไม่หยุด เหมือนเป็นของเล่นในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ส่วนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอก็เหมือนกับคนยักษ์ผู้ค้ำยันฟ้าดินในสายตาของกงซุนฮุย
เยี่ยนจ้าวเกอผสานสองมือ ใช้ออกด้วยรอยตราพลิกฟ้า พลันทำให้กงซุนฮุยไม่อาจขยับเขยื้อนอีกครั้ง
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงใช้หนึ่งดาบกดดันมุกผ่าดินของหลี่ซิ่งป้าออกไป ก็พลันก้าวเท้าออกอีกหนึ่งก้าว ฟันคมดาบอันน่ากลัวในมือใส่หลี่ซิ่งป้า!
หลี่ซิ่งป้าไม่กล้าทานรับ ได้แต่ถอยหลัง ทว่าเวลากับมิติช่องว่างเหมือนกับหายไปต่อหน้าเฟิงอวิ๋นเซิง ดาบดำสนิทบรรลุถึงตรงหน้าในพริบตา
“สหายร่วมเส้นทางโปรดยั้งไว้ไมตรี” ชื่อหลานเต้าหยินรีบลงมือช่วยเหลือ หมอกสีแดงหลายสายทะลักออกมา เหมือนหมอกเหมือนมายา ขวางกั้นคมดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง
ประกายดาบสีดำนิทฟันใส่หมอกแดงด้วยสภาวะดุจฟันไม้ไผ่
“หรือจะเป็นคัมภีร์โกลาหลสูญสายเหนือพิสุทธิ์?!” ชื่อหลานเต้าหยินตกใจหน้าถอดสี หลี่ซิ่งป้าใบหน้าทุลักทุเล “สมควรไม่ใช่ แต่ก็น่ากลัวมากเช่นกัน เหมือนกับบรรพมารตนสุดท้ายแห่งวิถีมารที่ว่ากันว่ามีอำนาจคล้ายกับบรมครูเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ!”
เฟิงอวิ๋นเซิงดาบอยู่ในมือ ม่านตาเป็นประกายเพลิงสีดำอมน้ำเงิน เต็มไปด้วยความดุร้าย
“ผู้อาวุโสหลี่คิดมากไปแล้ว สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนร้ายกาจกว่าคนอื่นๆ ท่านไม่เชื่อสายตาข้า ก็ควรเชื่อใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋กระมัง?” เกาหานยิ้มพลางส่ายหน้า เอยปากขึ้น “ที่ว่าปราณเซียนของเซียนจริงแท้ยากต้านทานแก่นเซียนของเซียนกำเนิด นั่นก็หาเป็นไรไม่ ข้าผู้แซ่เกาเชิญให้สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนร่วมทาง เดิมทีไม่ใช่ขอให้เขาลงมือด้วยตัวเองอยู่แล้ว ข้าผู้แซ่เกานับถือระดับค่ายกลของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนมาโดยตลอด”
“ยิ่งไปกว่านั้นสหายร่วมเส้นทางเฟิงก็เป็นบุคคลอัจฉริยะที่เก่งกล้าสามารถเช่นกัน จะว่าไปนางความจริงก็ยั้งไมตรีไว้แล้ว”
เกาหานยิ้มเล็กยิ้มน้อยพร้อมประสานมือ “ขอให้ผู้อาวุโสหลี่เชื่อข้าสักครั้ง”
หลี่ซิ่งป้าใบหน้าแดงจนกลายเป็นดำคล้ำ พ่นลมหายใจมองเฟิงอวิ๋นเซิงครู่หนึ่ง สุดท้ายได้แต่กล่าวอย่างจนปัญญา “เป็นข้าไร้นัยต์ตา ดูแคลนวีรบุรุษแห่งใต้หล้าแล้ว”
“เทวกษัตริย์น้อยได้โปรดใจเย็นก่อน” เกาหานหันไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวอย่างเป็นมิตร “ทางนักบวชฮุ่ยอั้นมีสถานการณ์ไม่แน่นอน เวลาและโอกาสอาจปรากฏขึ้นแวบเดียวก็หายไป พวกเรารีบไปเตรียมตัวไว้ก่อน จะได้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ถูกต้องหรือไม่?”
มิติเวลาในมือเยี่ยนจ้าวเกอแทบผนึกเป็นมิติพิเศษขนาดเล็กแห่งหนึ่ง กลับสะกดเซียนลี้ลับคนหนึ่งอย่างกงซุนฮุยไว้ด้านใน จนหดเป็นก้อน แม้แต่เท้าก็ยังยื่นไม่ได้
“ราชันพระอาทิตย์กล่าวหนักไปแล้ว ข้าโกรธอันใดหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “ผู้ที่จะกลายเป็นภาระไม่ใช่ข้า”
หลี่ซิ่งป้าโกรธจนสีหน้าเริ่มซีดขาว “ยังมิรีบปล่อยคนอีก!”
เยี่ยนจ้าวเกอเหลือบมองเขา “ที่แล้วมาข้าเคารพผู้อาวุโส แต่เงื่อนไขคืออีกฝ่ายต้องไม่ชราเพราะอยู่นาน”
“หลี่เต้าจ่างคล้ายลืมเลือนแล้ว มีแต่ท่านกับลูกศิษย์ไม่เอาอ่าวของท่านที่มีบุญคุณความแค้นกับนักบวชฮุ่ยอั้น พวกเราล้วนมาเพื่อวารีสามแสง ได้มันก็เป็นวาสนา ไม่ได้ก็หาเป็นไรไม่ ถ้าท่านแก้แค้นไม่สำเร็จ จะทำใจกว้างเหมือนพวกเราได้หรือ?”
เซียนจริงแท้คนหนึ่ง บอกว่าเซียนลี้ลับคนหนึ่งไม่เอาอ่าว
หากเป็นเวลาอื่น นั่นต้องทำให้คนหัวเราะอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ทว่าขณะนี้เซียนลี้ลับผู้นี้ถูกเซียนจริงแท้ผู้นั้นสะกดไว้อย่างผ่อนคลาย ถ้าออกแรงบีบ ภาพคงทำให้คนอื่นๆ แตกตื่น
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เหมือนกับเทพสวรรค์จุติ จับกงซุนฮุยไว้ระหว่างสองมือ เหมือนกับบีบกลายเป็นคนแคระ
ถึงเขาจะอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ กลับยังคงทำให้คนที่อยู่รอบๆ สั่นสะท้าน
ร่างของเขาเหมือนกับใหญ่โตขึ้นเหนือจินตนาการ
“ก่อนที่หลี่เต้าจ่างจะเอ่ยปาก ขอให้เข้าใจเรื่องหนึ่งก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ที่นี่ท่านไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจ ราชันพระอาทิตย์เชิญท่านมาเพราะเขาเคารพผู้อาวุโส ไม่ได้หมายความว่าท่านจะทำอะไรก็ได้ อย่ามาทำตัวเป็นผู้นำที่นี่”
หลี่ซิ่งป้าใบหน้าบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวซีดขาว คิดจะสะบัดหน้าจากไป แต่ลูกศิษย์ของตัวเองยังตกอยู่ในมืออีกฝ่าย
มิหนำซ้ำวาจาเมื่อครู่ของเยี่ยนจ้าวเกอยังแทงใจดำเขา
ครั้งกระโน้นถูกมู่จาส่งขึ้นทำเนียบเซียน เขาจดจำแค้นนี้มาถึงปัจจุบัน เหมือนกับหนอนไชกระดูก ยากจะถอนทิ้ง
“พี่ร่วมเส้นทางหลี่ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ให้ความสำคัญกับบุญคุณความแค้นระหว่างนักบวชฮุ่ยอั้นมากเกินไปบ้าง จึงกลัวได้กลัวเสีย วู่วามไปบ้าง ขอให้เทวกษัตริย์น้อยสองสามีภรรยายกโทษให้ด้วย” ชื่อหลานเต้าหยินดึงแขนเสื้อหลี่ซิ่งป้า ทางหนึ่งส่งกระแสเสียงเกลี้ยกล่อมในที่ลับ ทางหนึ่งมองเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ตรงหน้า กับเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไป ไกล่เกลี่ยไม่หยุด
………………..