ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1393 แผนการชดเชย
“ท่านแน่ใจนะว่าสิ่งที่จิกท่านเป็นห่าน ไม่ใช่หงส์?” หลิงชิงกล่าวราบเรียบ
เกาหานปิดหน้าถอนใจ “ถึงอย่างไรเขาก็แซ่เยี่ยน[1] ก็คือๆ กับห่านอยู่”
หลิงชิงขมวดคิ้ว มองเขาอย่างจริงจัง “ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ หรือ? ก่อนหน้าเตรียมการไว้มากมาย อย่าว่าแต่ต้องเริ่มใหม่แต่ต้น ต่อให้หยุดแค่ชั่วคราว ทุกๆ วันก็เกิดการสิ้นเปลืองมหาศาล คิดจะรวบรวมของวิเศษวัตถุดิบอีกครั้ง ยากเย็นเกินไป”
“วิธียังมีอยู่” เกาหานวางมือที่ปิดหน้าไว้ลง กล่าวอย่างแช่มช้า “ยังมีวิธีชดเชยบ้าง แต่คงต้องใช้เวลา”
หลิงชิงส่ายหน้า “เช่นนั้นท่านก็อย่าทำท่าท้อแท้ถึงเพียงนี้”
เกาหานยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ยอมรับไม่ได้จริงๆ ปัจจุบันเป็นโลกของคนหนุ่มสาวแล้ว ครั้งก่อนตอนอยู่บนโลกซ้อนโลกในจักรวาลสำนักเต๋า รวมกับครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองแล้วที่เสียท่าเทวกษัตริย์น้อย”
“ถ้าท่านไม่พูดถึงฉายา ‘เทวกษัตริย์น้อย’ ต่อหน้าหลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยิน คงไม่เกิดเรื่องแทรกซ้อน เสียตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบไป” หลิงชิงเอ่ยอย่างเฉื่ยชา “นี่เป็นการตอบแทนการยั่วยุของท่านในตอนนั้น”
เกาหานพยักหน้า “ที่มาในครั้งนี้ เดิมทีคิดจับตาดูเทวกษัตริย์น้อยผู้นั้นในระยะใกล้ๆ ด้วยตัวเอง ต้องจ่ายข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยถือว่าสมควรอยู่”
“เช่นนั้นผลลัพธ์การจับตาดูของท่านเล่า?” หลิงชิงมองเขา
“โดดเด่นกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ดื้อรั้นกว่าเช่นกัน” เกาหานอมยิ้ม “เป็นคนที่ยินยอมเพียงได้ประโยชน์ไม่ยอมเสียประโยชน์ หากคิดว่าตัวเองโดนเล่นงาน จะต้องคิดหาวิธีเอาคืน ต่อให้ตอนนั้นจะคิดไม่ออก ภายหลังจะแก้แค้นในสถานที่อื่น”
“ไม่มีทางรับความอัปยศ มีแค้นต้องชำระ แม้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่า ก็ไม่มีทางยอมแสดงความอ่อนแอ หากสู้ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทว่าหลายๆ ครั้งล้วนเยือกเย็นยิ่ง แต่ก็มีการกระทำที่วู่วามไปชั่วขณะ”
หลิงชิงกล่าววิจารณ์แบบไม่มีความรู้สึกเอนเอียงแม้แต่น้อย “ถูกคนฉวยโอกาสได้ง่าย หากพลาดครั้งเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว”
เกาหานหัวเราะ “คนผู้นี้มาตรว่าจะมีเวลาที่วู่วาม แต่ไม่ทันไรก็จะใจเย็นลง คิดหาวิธีแก้ไข ดังนั้นแม้ว่าจะก่อปัญหาไม่น้อย แต่ถ้าท่านหันกลับไปมองก็จะพบว่า ปัญหาที่เขาก่อขึ้นสุดท้ายกลับเป็นเขาหรือคนของฝ่ายเขาได้ประโยชน์เป็นส่วนใหญ่”
“ก่อปัญหา แต่กลับแก้ไขได้ นี่เดิมทีเป็นความสามารถแบบหนึ่งกระมัง?” หลิงชิงถาม
“แน่นอนว่าไม่กลัวคนที่สามารถก่อเรื่อง หากกลัวคนที่ก่อเรื่องแต่ยังแก้ไขได้” เกาหานเอ่ยอย่างมีเหตุผล “นี่ยังร้ายกาจกว่าคนที่ไม่เคยก่อเรื่อง อยู่ในกฎในเกณฑ์มากนัก”
วิกฤติการณ์ มีอันตรายกับโอกาสอยู่ด้วยกัน
หากมีแต่อันตรายนับไม่ถ้วน กลับคว้าโอกาสไว้ไม่ได้ ย่อมเป็นความหงุดงิด
หากไม่มีวิกฤติการณ์ ก็ไม่มีอันตราย แต่ยากจะตามหาโอกาสเช่นกัน
หลังสร้างวิกฤติการณ์ขึ้น กลับสามารถหลบเลี่ยงอันตราย คว้าโอกาสไว้ได้ ถ้าเป็นสักหนึ่งครั้งสองครั้งถือเป็นความโชคดี แต่ถ้าบ่อยครั้งเข้า ก็ยากจะใช้ความโชคดีเพียงอย่างเดียวมาอธิบายได้
“ท่านกำลังพูดถึงตัวเองหรือ?” หลิงชิงถามอย่างเรียบเฉย
เกาหนยิ้ม “มิกล้ารับ”
ในขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่ ในความว่างเปล่าอันมืดมิดไร้สิ้นสุดก็มีพลังลมปราณสั่นไหว เงาคนสายหนึ่งปรากฏขึ้น
สวมเสื้อคลุมสีม่วง ผิวซีดขาว สีหน้าเกียจคร้าน ถึงกับเฉินกานหวาอดีตคุณชายฟ้า
“ลำบากสหายน้อยเฉินมาแล้ว” กานหานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เฉินกานหวากล่าวอย่างเกียจคร้าน “ไม่มีใดลำบาก เกี่ยวกับเรื่องของราชันพระอาทิตย์ท่าน ข้ารู้สึกสนใจยิ่ง ขณะที่มาก็รู้สึกตื่นต้น แต่หลายปีมานี้ข้าจัดการอีกเรื่องหนึ่ง ร่วมมือกับทางท่านไม่กี่ครั้ง กล่าวมาตรงๆ เถอะว่าติดต่อข้ามีเรื่องราวใด?”
เกาหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อยเฉินกำลังตามหาที่อยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถ?”
“ใช่ และไม่ใช่” เฉินกานหวาตอบอย่างไม่นำพา “ไม่นานมานี้ข้ากำลังฝึกฝนทำความเข้าใจมรรคา หลอมรวมวรยุทธ์ทั้งหมดเป็นหนึ่ง จากนั้นจะไปฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง”
เกาหานกล่าวอย่างเข้าใจ “เป้าหมายก็เพื่อตามหาคน ระดับพลังฝึกปรือท่านยิ่งสูง การตามหาก็ยิ่งง่ายดาย”
เฉินกานหวาพยักหน้า “ถูกแล้ว มิผิด”
“แต่ขออภัยที่ข้าขอกล่าวตรงๆ” เกาหานว่า “ข้าเคยเจอเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ปัจจุบันเขาได้ผลักเปิดประตูเซียน ความแข็งแกร่งของพลัง เกรงว่าจะไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน แม้เป็สหายน้อยเฉินเจ้า ต่อให้ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงได้ ปราณเซียนรวมเป็นวายุ ก็ใช่จะเอาชนะได้ง่ายๆ”
“ข้ารู้อยู่แล้ว ในอดีตตอนยังไม่ข้ามประตูเซียน ข้าเคยต่อสู้กับเขาครั้งหนึ่ง” เฉินกานหวาไม่สนใจ เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ข้าคิดเล่นกับเขา ไม่ใช่จะต้องลงมือ การลงมือเป็นวิธีหนึ่งในการเล่น ข้าเคยลองแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมือตลอดเวลา”
“ที่ข้าจะฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง ก็เพื่อเพิ่มระดับพลังฝึกปรือ จะได้ตามหาเขากับตำหนักโอสถได้สะดวก”
หลิงชิงฟังอยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เกาหานสีหน้าเป็นปรกติ
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเฉินกานหวา แม้อีกฝ่ายจะเป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธ์ที่หาตัวจับยาก แต่ไม่ได้ยึดมั่นว่าจะต้องเหนือกว่าทุกคนในด้านวรยุทธ์
การต่อสู้กับคนมีเป้าหมายแค่ความบันเทิงของเขาเสียเป็นส่วนใหญ่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ข้ามีเบาะแสสายหนึ่งของที่อยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอมอบให้เจ้า เป็นอย่างไร สนใจหรือไม่?” เกาหานพลันหัวเราะ “ถ้าหากเจ้าไม่คิดลงมือ เช่นนั้นจะเป็นเซียนจริงแท้หรือเซียนลี้ลับก็ไม่เกี่ยวข้องกระมัง หาเจอโดยเร็วไม่ดีกว่าหรอกหรือ?”
เฉินกานหวาโบกมืออย่างไม่นำพา “ก็ดีอยู่ แต่ข้าคิดตามหาด้วยตัวเองมากกว่า”
สำหรับเขา การตามหาก็เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง
รอยยิ้มบนใบหน้าเกาหานกว้างขึ้น “เช่นนั้นอย่างนี้เป็นไร ช่วยข้ากระทำเรื่องหนึ่ง ข้าจะบอกเบาะแสที่เกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอให้กับเจ้า”
คิ้วที่ขมวดของหลิงชิงคลายลง มองทั้งสองอย่างสงบนิ่ง
วิธีการต่อลองราคาของเกาหานไม่เหมือนใครจริงๆ
ตอนแรกจะส่งข้อมูลให้ อีกฝ่ายกลับไม่เอา วิธีการต่อรองของเขาถึงกับเปลี่ยนเป็นขอให้อีกฝ่ายกระทำเรื่องให้ตนเอง
และสิ่งที่น่าสนใจก่วาคือ พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉินกานหวากลับรู้สึกสนใจอยู่หลายส่วน “อ๋อ? เรื่องอันใด?”
“ช่วยข้าหาของชิ้นหนึ่ง ของล้ำค่าที่ไม่มีเจ้าของชิ้นหนึ่ง” เกาหานตอบ
“ฮ่า ราชันพระอาทิตย์ท่านเป็นคนสุดยอดจริงๆ” เฉินกานหวามองเกาหานครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า “ได้ ตกลง ของอันใดหรือ?”
เกาหานทิ่มนิ้วใส่อากาศเบาๆ เงาแสงลอยขึ้น กลายเป็นรูปร่างของตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบ
เฉินกานหวาในดวงตาสองข้างมีแสงสีเขียวมรกตเคลื่อนไหว ตัดสลับวนเวียน จากนั้นก็ดับลงอย่างรวดเร็ว
“อาวุธเซียนศาสนาพุทธระดับสุญญตาชิ้นหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลาบ้าง” เฉินกานหวากล่าวอยางผ่อนคลาย “ถ้ามีผลลัพธ์แล้วจะแจ้งท่าน”
เกาหานยิ้มพลางพยักหน้า “ตอนนี้ตำหนักโอสถอยู่ที่ไหน ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่ไหน ข้าไม่แน่ใจ แต่ว่ามีสถานที่หนึ่งที่เขาอาจจะไปต่อจากนี้ แน่นอนว่าข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะไปตอนไหน อาจจะไปแล้วก็ได้”
เนื้อหาในวาจาแม้จะเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่น้ำเสียงกลับแน่วแน่ยิ่ง
“วันนี้เขาได้ผลักเปิดประตูเซียน สมควรเซ่นหลอมอาวุธเซียนที่อิ่นเทียนเซี่ยได้ทิ้งเอาไว้สำเร็จแล้ว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะทราบตำแหน่งสุดท้ายของหูเยว่ซินอาจารย์ย่าของเสวี่ยชูฉิงมารดาของเขาจากมัน บังเอิญนัก ข้ามีเบาะแสของสถานที่แห่งนั้นอยู่บ้าง”
“นอกจากนั้น ในเวลานี้เจ้าสามารถหาผู้ช่วยได้สะดวก”
………………..
[1] เยี่ยน (燕) แปลว่า นกนางแอ่น