ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1397 ความจริงสุดท้ายก่อนตาย
“เป็นที่นี่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอปิดตา หลังจากสัมผัสอยู่สักพัก ก็ทำการแยกแยะ
เฟิงอวิ๋นเซิงแสงมารสีดำอมน้ำเงินกะพริบในม่านตาสองข้าง “ที่นี่เหมือนไม่ใช่มิติพิเศษที่ปิดผนึกโดยสิ้นเชิง”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ตอนที่จักรพรรดิเจิดจรัสหลงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็ถูกขังเป็นเวลาหลายร้อยปี ภายหลังหาทางออกไปได้ หลังจากนั้น เขตแดนมิติแห่งนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนเชื่อมไปรอบๆ”
“หากเข้ามาจากแต่ละที่ อาจจะอยู่ในที่ที่ต่างกันในมิติพิเศษแห่งนี้”
คนทั้งสองเคลื่อนที่ไปด้านหน้าขณะสนทนากัน
ม่านน้ำหลายชั้นตัดสลับกันในโลกเบื้องหน้า ทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับเขาวงกฎแห่งหนึ่ง
หากแตะต้องม่านน้ำ หรือทดลองข้ามผ่านม่านน้ำ อาจจะหลุดจากมิติพิเศษแห่งนี้ ถูกส่งไปยังสถานที่อื่น
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เดินผ่านหัวโค้งที่ม่านน้ำสองชั้นตัดกัน เมื่อหมุนตัวไปมอง ตรงหน้าพลันสว่างขึ้น
ณ ที่แห่งนั้น ต้นผมขาวที่ใหญ่โตสูงชะลูดต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่!
ถึงจะไม่ได้สูงใหญ่เหมือนต้นไม้ที่เกิดจากซากสังขารของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง แต่ก็เรียกว่าต้นไม้ยักษ์เทียมฟ้าได้เช่นเดียวกัน
ขณะมองต้นไม้วิญญาณสูงใหญ่ที่เรืองแสงสีเขียวอมขาว เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างถอนใจ
พอมาถึงที่นี่ก็ไม่มีโชคให้เอ่ยถึงอีกต่อไป หูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัสได้ตายลงที่นี่
หนึ่งในจุดเด่นในสายสืบทอดของพวกนางก็คือ ถ้าหากว่ายอดฝีมือที่ได้กลายเป็นเซียนสิ้นชีวิตลง ซากสังขารจะกลายเป็นต้นผมขาว
ต้นไม้ที่สูงใหญ่ตั้งทับกับม่านน้ำด้านหนึ่ง เหมือนอาบอยู่ด้านใน
สภาพโดยรวมของมันกลับไม่ได้ถูกกระแทกหักลงเหมือนกับตั้งอยู่ในมิติเวลาสองชั้น ลี้ลับอัศจรรย์ยิ่ง
กระนั้นสามารถมองออกว่า ตอนนี้อยู่ในสมดุลอันเปราะบางชนิดหนึ่ง หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว สมดุลถูกทำลาย มิติช่องว่างหลุดตำแหน่ง ต้นไม้สูงใหญ่อาจถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงหน้าต้นไม้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชีวิต กิ่งใบบนลำต้นสั่นไหวโดยไร้ลม พลิ้วโบกอย่างแผ่วเบา
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยื่นนิ้วออกไปแตะกับลำต้นเบาๆ “ส่วนที่เสียมารยาทขอจักรพรรดิเจิดจรัสให้อภัยด้วย”
พร้อมกับที่เขาแตะใส่ บนลำต้นพลันสาดแสงออกมา
เงาแสงทับซ้อน ภาพของคนคนหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากในความว่างเปล่า
รอภาพเงาชัดเจนแล้ว ก็ปรากฏเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง
สตรีนางนั้นดูเหมือนมีอายุต่ำกว่าสามสิบปี ใส่กระโปรงสีขาว กำลังนั่งขัดสมาธิ
นางมีใบหน้าน่ารัก แต่ไม่อาจเรียกว่าหมดจด สู้ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงกับเสวี่ยชูฉิงมารดาของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างรู้จักนาง เคยเห็นภาพเหมือนเงาแสงมาก่อน ทราบว่าสตรีกระโปรงขาวผู้นี้คือลูกศิษย์ของเซ่าจวินหวง หรือที่เสวี่ยชูฉิงเรียก ‘อาจารย์ย่า’
จักรพรรดิเจิดจรัส หูเยว่ซิน
เพียงแต่แม้หูเยว่ซินในภาพเหมือนเงาแสงซึ่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็น จะไม่อาจเรียกได้ว่าล้ำเลิศงดงาม แต่บุคลิกกับสูงส่ง มีท่วงทำนองของตัวเอง เหนือกว่าสตรีจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกมนุษย์
ในภาพเงาที่สะท้อนบนต้นผมขาว หูเยว่ซินหน้าตาซีดเซียว ผิวซีดขาวถึงขีดสุด
กาลเวลาผ่านไปหลายปี แต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของนางผ่านภาพเหมือนเงาแสงนี้
นี่คล้ายเป็นภาพสุดท้ายในตอนที่นางยังอยู่
บาดเจ็บสาหัสยากรักษา ถึงจะสลัดหลุดจากผู้ติดตามเข้ามาหลบที่นี่ได้ผ่านแควธารสวรรค์ แต่ก็อยู่ในสถานการณ์คับขัน ใกล้จะเสียชีวิต
หูเยว่ซินที่นั่งขัดสมาธิ พ่นลมหายใจออกยาวๆ เฮือกหนึ่ง
ลมหายใจไม่ใช่ไร้สี แต่เต็มไปด้วยสีเทากับสีแดงฉาน
พอพ่นลมหายใจนี้ออกมา บนแก้มที่ตอนแรกก็ไร้สีเลือดอยู่แล้วของนาง กลับเพิ่มสีแดงเรื่อมาหลายส่วน
น่าเสียดาย นั่นไม่ใช่สัญญาณว่าอาการบาดเจ็บได้รับการรักษา
ในทางตรงกันข้าม เป็นพลังเฮือกสุดท้ายของชีวิต
หูเยว่ซินในภาพ สองตาไร้ประกาย สีหน้าหม่นหมอง ร่างกายที่เกร็งค่อยๆ ผ่อนคลาย หลังที่ตั้งตรงค่อยๆ งอลง
ลูกตานางเคลื่อนไหว เหมือนมีจุดรวมศูนย์อีกครั้ง แต่กลับเริ่มเปลี่ยนเป็นลางเรือน ถูกน้ำตาครอบคลุม
“แหมะ แหมะ…”
น้ำตาหยดลงมาจากในเบ้าตา ดวงตาสองข้างมีแต่ความหวาดกลัวและอ่อนแอ
หูเยว่ซินในตอนนี้ แตกต่างกับนางที่อยู่ในภาพความทรงจำในอดีตของทุกคนอย่างใหญ่หลวง
“ข้า…ไม่อยากตาย…ไม่ต้องการตาย…ไม่ต้องการ...”
เสียงแหบพร่าที่อ่อนแอดังขึ้นในความว่างเปล่า เต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อความตายกับความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่
มาถึงตอนท้าย เสียงที่ดังมาจากในภาพเงาแสงค่อยๆ ปรากฏความเสียใจและความท้อแท้
เสียดายที่ชีวิตของตัวเองจะจบสิ้นไปในลักษณะนี้ เสียใจที่ตัวเองต้องจ่ายด้วยชีวิตเพราะเศษศิลาฟ้ากำเนิดก้อนเดียว เสียใจที่ในอดีตเคยลุ่มหลงงมงายในเรื่องเลื่อนลอยอย่างความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าสายหลัก
มาถึงตอนท้าย ความเสียใจค่อยๆ กลายเป็นความขุ่นแค้น
แค้นที่ตนเสียสละมากมาย ผลลัพธ์กลับถูกสหายร่วมเส้นทางบนโลกซ้อนโลกตามล่า ต้องอยู่อย่างอ้างว้างไร้ที่พึ่ง ถูกคนไล่สังหาร ถึงขั้นไม่มีใครล่วงรู้ว่านางตกตายในสถานที่แห่งนี้ตัวคนเดียว!
แค้นความโง่เขลาของตัวเอง เพื่ออุดมคติที่เลื่อนลอย เสียเวลาชีวิตของตัวเอง เสียสิ่งที่ตนได้เจอมาทั้งชีวิต ไม่คุ้มค่าและไม่ฉลาดแม้แต่น้อย!
แค้นเซ่าจวินหวง อาจารย์ที่หลอกตนให้เดินบนเส้นทางนี้! ยังไม่เอ่ยถึงว่าทำลายชีวิตของตัวเองอย่างโง่เขลาสุดขีด ยังทำลายชีวิตของนางหูเยว่ซินด้วย!
ความแค้นไร้สิ้นสุด แค้นที่ตัวเองไฉนจึงต้องชดใช้ด้วยเวลาและชีวิตของตัวเองเพื่อคนอื่นๆ
คำสาปแช่ง คำด่าทอ...
วาจาผรุสวาทที่ยากจะจินตนาการมากมายถูกพ่นออกมาจากปากของหูเยว่ซิน สาปแช่งคนที่เคยมีอุดมการณ์เดียวกันเช่นเซ่าจวินหวง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เกาหาน หลิงชิง ไปจนถึงอิ่นเทียนเซี่ย สาปแช่งทุกผู้ทุกคน
เสียงด่าทอเปลี่ยนจากดังเป็นเบา สุดท้ายกลายเป็นแหบพร่า ร่ำไห้น้ำมูกไหล
ทุกอย่างที่เผยออกมาจากด้านใน ความจริงมาจากความกลัวต่อความตาย และความเสียใจต่อชีวิตของตัวเอง
เสียงร้องไห้ยิ่งมายิ่งเบาลง เงาร่างสีขาวยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ค่อยๆ ล้มตัวลงกับพื้น ทุกอย่างเหลือแต่ความสิ้นหวัง…
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองทุกอย่างนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“มีคนบางคนบอกว่า คนคนหนึ่งจะเห็นทุกสิ่งที่แท้จริงที่สุดในใจ และทราบว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรก็ต่อเมื่อเผชิญความตาย”
เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอสะท้อนอยู่ในพื้นที่ “ข้าเห็นด้วยกับแนวคิดนี้”
“โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทราบว่าต้องตายแน่นอน กลับไม่อาจตายเร็ว ได้แต่รอคอยให้ความตายมาถึงช้าๆ อย่างจนปัญญา นั่นจึงเป็นวินาทีที่ทรมานที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้าไร้อารมณ์ อ้อมต้นไม้มาถึงหน้าม่านน้ำ “ถึงจะรับสภาพไม่ได้ ถึงแม้ทำให้คนประหลาดใจอยู่บ้าง ผิดหวังอยู่บ้าง แต่ถ้าจักรพรรดิเจิดจรัสมีความคิดขุ่นแค้นคับข้องก่อนตาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจไม่ได้”
“ทว่า…”
เยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือกดลงบนม่านน้ำ ม่านน้ำพลันสั่นไหว
ภาพที่ฉายออกมาบนต้นผมขาวพลันหยุดลงกลางคัน
“สิ่งที่ข้าต้องการเห็นเป็นภาพที่แท้จริงก่อนตายของจักรพรรดิเจิดจรัส ไม่ใช่สิ่งที่ตัวบัดซบปลอมขึ้นมา”
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลุมเว้าบนม่านน้ำ กลายเป็นรูมิติเวลาชั่วขณะ
อีกด้านหนึ่งของมิติเวลา ปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่ง กล่าวอย่างเกียจคร้าน “อ้าว ท่านมองออกแล้ว?”
เป็นเฉินกานหวา
………………..