ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1398 ห้วงเวลาเจิดจรัส
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฉินกานหวา ถอนใจกล่าว “ซ่อนรากเก็บเงา หรือว่าเร้นร่างทั่วทิศ? ถ้าไม่ใช้วิธีพิเศษปิดบัง ข้าคงไม่มีทางไม่พบว่าที่นี่มีคนมาถึงก่อนแล้วในตอนที่มาถึงหน้าต้นไม้”
“แต่ภาพลวงตาที่เหมือนมาจากต้นผมขาว ข้าจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่ามีคนปลอมแปลงขึ้น?”
เขาเอียงคอมองอีกฝ่าย “ข้าก็เลยคิดว่าผู้ใดน่าเบื่อขนาดนี้ และนอกจากท่านก็คิดถึงคนที่สองไม่ออกอีก”
เฉินกานหวาแม้สีหน้าจะเกียจคร้าน แต่สองตาเป็นประกาย ประสานสายตากับเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสที่มีจิตใจเทิดทูน ไล่ตามอดีต ยินดีใช้พลังทั้งหมดเพื่อให้ใบไม้ที่ร่วงตกกลับสู่ราก สุดท้ายกลับพบว่าความจริงไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่ตนจินตนาการ”
“บุคคลที่ตอนแรกนึกว่าสละตัวเองเพื่อความถูกต้อง แน่วแน่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด สุดท้ายกลับน่ารังเกียจที่สุด ทำให้คนผิดหวัง ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ท่านมีปฏิกิริยาอยางไร ข้ารู้สึกสนใจจริงๆ ไฉนจึงน่าเบื่อเล่า?”
เฉินกานหวาส่ายหน้าอย่างเสียดาย “น่าเสียดาย ท่านมองออกว่าเป็นฝีมือข้า”
พูดถึงตรงนี้เขาพลันหัวเราะขึ้น “ตอนที่ข้าสร้างภาพเงานี้ได้ตั้งใจใช้วิชาลับมากมายเสริมเข้าไป อย่าว่าแต่เซียนจริงแท้ เซียนลี้ลับ แม้แต่เซียนกำเนิดล้วนถูกหลอก ท่านกลับมองออก เยี่ยนจ้าวเกอ ท่านช่างพิเศษจริงๆ!”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฉินกานหวา หัวเราะขึ้นเช่นกัน “พอท่านผู้แบบนี้ ถึงข้าจะไม่ได้ดู แต่ก็ทราบว่าคำพูดที่แท้จริงในตอนเผชิญจุดจบของจักรพรรดิเจิดจรัสคงจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับภาพลวงที่ท่านสร้างขึ้น”
“ตอนนี้ท่านเกิดความสงสัยเพราะข้า ต่อให้ไม่สอดคล้องกับการคาดเดาในใจท่าน ท่านก็นึกว่าเป็นข้างปลอมแปลงขึ้นแล้ว” เฉินกานหวากล่าวอย่างไม่นำพา
เขาแบมือออก กลางฝ่ามือปรากฏผลึกที่ดูเหมือนวิญญาณน้ำแข็งก้อนหนึ่ง
ผลึกฉายภาพเงาแสงออกมากลางอากาศ พาดขวางระหว่างคนทั้งสองบนม่านน้ำที่กั้นโลก
ในเงาแสงปรากฏร่างของคนผู้หนึ่ง เป็นสตรีกระโปรงขาวนางหนึ่ง
หูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัส
เทียบกับภาพที่เฉินกานหวาปลอมแปลงขึ้นเมื่อก่อนหน้าแล้ว หน้าตาของหูเยว่ซินในเงาแสงไม่มีความแตกต่างใดๆ
หม้าหม่นหมอง ผิวซีด คนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของนางเข้าสู่ขั้นร้ายแรง อยู่ในสภาวะคับขัน เป็นห้วงนาทีสุดท้ายของชีวิต
กระนั้นสิ่งที่แตกต่างจากภาพที่เฉินกานหวาปลอมขึ้นก็คือ หูเยว่ซินในนี้มีสีหน้าสงบกว่ามาก
นางพ่นลมหายใจออกมา เต็มไปด้วยสีเทาและสีแดงเลือด
พอระบายลมหายใจออก บนแก้มที่เดิมทีไร้สีเลือดของหูเยว่ซิน กลับปรากฏสีแดงเรื่อ
ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย สีหน้านางมีชีวิตชีวาขึ้น
ถึงในดวงตาจะมีความอ่อนแอที่ไม่อาจอำพราง แต่ว่าก็สงบนิ่งเหมือนสายน้ำ ไม่เห็นความหวาดกลัวและความขุ่นแค้น
“ท่านอาจารย์ ไม่ทาบว่าตอนนี้ท่านไปอยู่ไหน? สบายดีหรือไม่?” หูเยว่ซินเงยหน้ามองม่านน้ำบนท้องฟ้า มองดูภาพสะท้อนแสงพิลึกกึกกือบนม่านน้ำ อดเหม่อลอยไม่ได้ “คนนิสัยอย่างท่าน คงจะไม่เกรงกลัวความเป็นความตาย ซึ่งความจริงข้าก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว”
“ถ้าหากท่านยังอยู่ หลายปีมานี้คงจะไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยเช่นนี้ แค่ข้าก็ยังคงมีความหวังอยู่บ้าง”
หูเยว่ซินอมยิ้ม “ทว่าวันนี้เกรงว่าศิษย์จะต้องขอไปก่อน หวังเหลือเกินว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เพียงเสียดายที่ข้ารอวันที่ท่านกลับมาไม่ได้แล้ว”
“แต่ข้าไม่ได้ทำท่านขายหน้า”
สตรีกระโปรงขาวพึมพำ “ตอนนี้ถ้าหากต้องดื่มสุราเป็นเพื่อนท่าน ข้าคนเดียวดื่มสู้ท่านได้สองสามคน”
“เตียงไม้ที่ท่านชมชอบที่สุดตอนหลับ ข้าดูแลมาโดยตลอด เก็บไว้มาหลายปี มิให้ปลวกกิน”
“ขอแค่ท่านต้องการ พวกเราสามารถดื่มสุราตั้งแต่หัววันถึงเที่ยงคืน จากนั้นก็หลับตั้งแต่เที่ยงคืนถึงหัววัน”
“กับนิสัยที่ชอบเถียงท่าน ข้ายากจะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ถ้าท่านยอมกลับมาโดยเร็ว ข้าจะพยายามเปลี่ยน จะเถียงท่านให้น้อยลง…”
หูเยว่ซินพูดไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีจุดหมาย
แต่เมื่อจบแล้ว นางก็ยิ้มอย่างเฉิดฉัน สีเลือดบนแก้มที่ซีดขาวเข้มขึ้น “ข้าไม่เคยลืมเลือนคำสอนในตอนนั้นของท่าน”
“มาตราว่าทางข้างหน้าจะคดเคี้ยว ลำบาก หรือไร้ความหวังขนาดไหน ข้าก็ไม่มีทางหวั่นไหว เพื่อความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าสายหลัก เพื่อกำจัดปีศาจร้ายเส้นทางนอกรีต ชำระล้างจักรวาล ข้าพยายามทำด้วยกำลังทั้งหมด”
“ข้าได้เศษศิลาฟ้ากำเนิดที่ท่านเคยพูดถึงมาแล้ว พยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้ของวิเศษชิ้นนี้ตกอยู่ในมือเส้นทางนอกรีต”
“วันนี้แม้ชะตาข้าจะจบลง แต่ด้านหลังมีคนรับช่วง สืบทอดปณิธานต่อ เหมือนกับที่ท่านสั่งสอนข้าในวันนั้น ข้าเชื่อว่าเหล่าคนรุ่นหลังจะสู้ต่อไป จนถึงวันที่กำจัดสิ่งชั่วร้าย จัดการความวุ่นวายได้”
สีเลือดบนใบหน้าของหูเยว่ซินค่อยๆ หายไป สายตาเริ่มมัวหม่น กำลังจะจากไปจริงๆ
ในม่านตาสองข้างของนางปรากฏเงาร่างของสตรีอาภรณ์เขียวที่งดงาม นั่นเป็นราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง
“ข้าไม่อาจเห็นวันนั้นได้อีกแล้ว แต่ว่าคนรุ่นหลังของพวกเราจะต้องได้เห็นแน่…หวังว่าภายหลังอาจารย์ท่านจะได้เห็นในตอนที่กลับมา”
หูเยว่ซินเสียงค่อยๆ เบาลง ลมหายใจค่อยๆ อ่อนลง
เงาคนที่ปรากฏในส่วนลึกของดวงตาค่อยๆ กลายเป็นรูปร่างของคนอีกคน
นั่นเป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง ใส่อาภรณ์สีดำ คลุมเสื้อคลุมสีขาว ปล่อยผมยาวสีดำระหลัง
องคาพยพของคนผู้นี้ คล้ายคลึงกับอิ่นเทียนเซี่ยจักรพรรดิประกายกาฬที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้จัก
เพียงแต่ว่า เทียบกับภาพลักษณ์อันคุ้นเคยที่อิ่นเทียนเซี่ยได้เหลือทิ้งไว้ให้คนอื่นๆ แล้ว บุรุษคนนี้หนุ่มแน่นกว่ามาก
ขณะเดียวกัน อิ่นเทียนเซี่ยในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอมีผมยาวสีดำ แต่สองคิ้วเป็นสีขาวล้วน
แต่ว่าคิ้วของบุรุษหนุ่มผู้นี้ยังคงเป็นสีดำ
ทว่าดวงตาที่ยิ่งใหญ่และสงบนิ่งซึ่งเป็นสีดำขาวคู่นั้น ไม่แตกต่างจากในความทรงจำของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
“ข้าทราบว่านิสัยชอบมาสายของข้านั้นไม่ดี โดยเฉพาะคราครั้งนี้สายไปถึงหลายร้อยปี” คอของสตรีอาภรณ์ขาวค่อยๆ สูญเสียแรงค้ำยัน ศีรษะยิ่งมายิ่งลดต่ำลง “แต่ข้าสัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
“ไป๋ชวน ข้ามาแล้ว”
สุดท้ายเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ค่อยขาดหายไปโดยสมบูรณ์
สตรีอาภรณ์ขาวนางนั้นนั่งนิ่งกับที่ ศีรษะห้อยตก ไร้ลมหายใจ
หูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัส สุดท้ายจากไปในมิติพิเศษด้านในแควธารสวรรค์แห่งนี้
ในภาพเงาแสง ศพของนางค่อยๆ เปลี่ยนแปลง มีประกายแสงแผ่ออกมาจากด้านใน
พลังชีวิตโชติช่วงทำงาน สุดท้ายเงาคนหายไป เหลือเพียงต้นกล้าต้นหนึ่งหยั่งรากอยู่ ณ ที่เดิม งอกกิ่งใบ แล้วกลายเป็นต้นไม้สูงเทียมฟ้าในท้ายที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงยืนกับที่ เงียบงันขณะมองฉากเหตุการณ์นี้
เนิ่นนานให้หลัง คนทั้งสองคำนับต้นผมขาวต้นนั้น
“นั่นเป็นจักรพรรดิประกายกาฬหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงถามเสียงเบา
“ใช่” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเบาๆ “อิ่นไป๋ชวนเป็นชื่อเดิมของจักรพรรดิประกายกาฬ หลังจากรับตำแหน่งเจ้าสำนักประกายกาฬ ก็เปลี่ยนชื่อเป็นอิ่นเทียนเซี่ย”
เขาหันไปมองเฉินกานหวา สายตาเย็นเยียบ
“ท่านพอใจแล้ว” เฉินกานหวาสีหน้ากลับมีความรังเกียจอยู่บ้าง “หากอยู่เหนือความคาดหมาย จึงเป็นความบันเทิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต เรื่องที่ทราบแต่แรกมีอันใดน่าสนุกกัน?”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเย็นชา “มีคนบางคน มีเรื่องบางเรื่อง ที่ท่านไม่ควรหาความบันเทิง ท่านนับเป็นตัวอะไรกัน?”
………………..