ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1412 ความกังวลในใจผ่อนคลายลง
ร่างจิตนภาของอิงหลงถู เรียกว่าร่างสามสิบหกจุดมังกรจริงแท้ หรือร่างมังกรจิตนภา
ว่ากันว่าเอ็นกระดูกก่อนกำเนิดเหมือนกับคชสารมังกร ความนึกคิดบริสุทธิ์เหมือนกับจิตโปร่ง ไม่เพียงแต่กายเนื้อและลมปราณที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันจิตใจก็ปราดเปรียวเหนือธรรมดา เป็นร่างกายที่หายาก จิตและวิญญาณต่างเป็นคุณสมบัติร่างกายแต่กำเนิดที่ล้ำเลิศ ถึงขั้นที่แสดงออกในด้านความสามารถในการทำความเข้าใจ
ถึงอิงหลงถูตอนเด็กจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ว่านั่นเป็นแค่ตอนปกติ ยามที่ฝึกฝนวรยุทธ์ ความสามารถในการทำความเข้าใจของเขาโดดเด่นถึงขีดสุด
จอมยุทธ์ระดับหลอมกายและจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ลมปราณทั้งในระดับจิตราชั้นในและจิตราชั้นนอก ดังนั้นความเร็วในการพัฒนาของอิงหลงถูในขั้นตอนนี้จึงไม่มีใครเปรียบเทียบได้ ความได้เปรียบแต่กำเนิดทำให้เขาทำลายอุปสรรคได้ติดต่อกัน สิ่งที่คนอื่นจำเป็นต้องใช้เวลาสั่งสม เขาสามารถทำสำเร็จได้ในคราเดียว
ในการฝึกฝนต่อจากนั้น ฮานหลงเอ๋อร์ก็มีความได้เปรียบจากพรสวรรค์ รวดเร็วกว่าคนส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้เร็วเท่าก่อนหน้าอีก
กระนั้นต่อจากนี้ เขาจะเจอการเพิ่มของระดับสูงสุดในแบบพุ่งทะยาน นั่นคือวินาทีที่เขาทลายนภาเห็นเทวะสำแดง
สำหรับอิงหลงถูที่เพิ่งเข้าสำนัก ยังมุมานะบากบั่นบนโลกแปดพิภพและเขากว่างเฉิง นี่เป็นของที่อยู่ไกลแสนไกล ถึงอย่างไรบนโลกแปดพิภพก่อนหน้านี้ก็ไม่มีตัวอย่างของคนที่อาศัยพลังฝึกปรือของตัวเองสำเร็จระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ลอยสู่โลกซ้อนโลก
จางเชา เจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสัยเพียงคนเดียว ภายหลังได้รับการพิสูจน์ว่าก่อนที่สำนักแสงสว่างจะมาถึงโลกแปดพิภพ เขายังขาดครึ่งก้าวสุดท้าย
แน่นอนว่ากาลเวลาค่อยๆ ไหลไป เดือนปีเปลี่ยนแปลง อิงหลงถูกับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ไม่อาจเทียบกับอดีตได้อีกแล้ว
ฮานหลงเอ๋อร์ในอดีตได้เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งทลายนภาเห็นเทวะสำแดงสำเร็จ
ในตอนที่จุดลมปราณแรกของเขาได้เห็นเทวะสำแดง เป็นเพราะร่างจิตนภา เขาก็มีจุดลมปราณสามสิบหกจุดได้เห็นเทวะสำแดงในคราวเดียว
เขาที่ค่อนข้างมั่นคง มีพื้นฐานดีอยู่แล้วสามารถจุดไฟดวงดาว เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางได้ง่ายดายและเร็วกว่าคนทั่วไป
ดังนั้นตอนแรกอิงหลงถูจึงแซงเซี่ยกวงกับซือคงจิงในด้านการเพิ่มระดับไปแล้ว
หลังจากการเพิ่มระดับในครั้งนี้ ความเร็วในการพัฒนาของอิงหลงถูจะกลับเป็นอย่างเดิม ถึงจะยังคงเร็วกว่าคนอื่นๆ แต่เทียบกับเซี่ยกวงและซือคงจิง เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีกแล้ว
ในการฝึกฝนวรยุทธ์ ยิ่งระดับสูงเท่าไร เวลาที่ใช้ในการเลื่อนระดับก็ยิ่งมากเท่านั้น ดังนั้นต่อมาเซี่ยกวงกับซือคงจิงจึงค่อยๆ ตามทัน
ในด้านระดับวรยุทธ์ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงสามีภรรยาที่มีสถานการณ์พิเศษแล้ว ฮานหลงเอ๋อร์ สวีเฟย ซือคงจิง และเซี่ยกวงสามารถเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นนำของลูกศิษย์รุ่นที่สามในเขากว่างเฉิง ถูกฟ้าเหนือฟ้าขนานนามเป็นสี่อัจฉริยะแห่งบรรพตบูรพา
คำนวณตามอายุในตอนนี้ของพวกเขา ระดับพลังฝึกปรือกับอายุขัยของพวกเขาล้วนเรียกได้ว่ายังอายุน้อยถึงขีดสุด มีศักยภาพเต็มเปี่ยม อนาคตยาวไกล
แน่นอนว่า เทียบกับเฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิง ฮานหลงเอ๋อร์ถนัดในการจัดการภารกิจภายในมากกว่า
“ในลูกศิษย์รุ่นสี่มีต้นกล้าที่ไม่เลว ศิษย์พี่สวีท่านต้องฉวยโอกาสชุบเลี้ยงไวๆ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นิสัยของจวินเอ๋อร์เหมือนศิษย์น้องเซี่ยมากกว่า ปัจจุบันกลับใจเย็นลงไม่น้อย แค่ดูแลตัวเองก็มากพอแล้ว แต่ถ้าต้องแบกรับภารกิจหลักของสำนัก ยังจำเป็นต้องขัดเกลามากกว่านี้”
สวีเฟยหัวเราะขึ้น “ถูกต้อง คนหนุ่มที่โดดเด่นมีมากมายนัก”
ในตอนที่ยังอยู่บนโลกซ้อนโลก เขากว่างเฉิงมีแรงดึงดูดมากพอ ดึงดูดอัจฉริยะในใต้หล้ามาได้ไม่น้อย
วันนี้อยู่บนฟ้าเหนือฟ้า แหล่งที่มาของอัจฉริยะยิ่งไม่จำเป็นต้องกังวล กลับต้องคัดเลือกอย่างเข้มงวด
ขณะที่เดินกันอยู่ ระหว่างทางได้เจอศิษย์ของสวีเฟย มารายงานข่าวแก่อาจารย์ตัวเองว่าอาจารย์หญิงกลับเขาแล้ว
ภรรยาของสวีเฟยก็คือเซี่ยโยวฉาน ผู้สืบทอดของหอคลื่นโหมบนโลกแปดพิภพ
เมื่อก่อนเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ทำความรู้จักกับนาง
เซี่ยโยวฉานไม่ชอบพึ่งพาใคร อ่อนนอกเแข็งใน
ครั้งกระโน้นหลังจากเขากว่างเฉิงลงหลักปักฐานบนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ของโลกซ้อนโลกแล้ว ก็เริ่มรับคนในสำนักมายังโลกซ้อนโลกเป็นกลุ่มๆ
เทียบกับโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพกับโลกผืนสมุทรแล้ว การฝึกฝนบนโลกซ้อนโลกของจอมยุทธ์จะต้องมีประโยชน์มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
สวีเฟย สือจวินศิษย์อาจารย์ออกจากโลกผืนสมุทรไปยังโลกซ้อนโลก
ภายหลังเขากว่างเฉิงมีสภาพแวดล้อมบนโลกซ้อนโลกปลอดภัยกว่าเดิม สวีเฟยก็กลับโลกแปดพิภพ พบกับเซี่ยโยวฉานอีกครั้ง
แต่ตอนนั้นเซี่ยโยวฉานต้องการให้ตัวเองทลายเลื่อนสู่ระดับเทวะสำแดง ลอยขึ้นสู่โลกซ้อนโลกในสักวันด้วยตัวเอง ไม่อยากถูกสวีเฟยพาไป
จนกระทั่งให้หลัง โลกซ้อนโลกแยกห่างเคลื่อนย้าย โลกเบื้องล่างมากมายเช่นโลกแปดพิภพต่างถูกพามาด้วย
มาถึงตอนนี้ เขากว่างเฉิงมีความหมายต่อโลกแปดพิภพทั้งใบต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ต่อให้โลกแปดพิภพจะยังเหลือรากฐานของบรรพบุรุษของเขากว่างเฉิง หนำซ้ำยังอนุญาตให้ขุมกำลังสำนักอื่นๆ อยู่ร่วมกัน แต่ว่าในสายตาของขุมกำลังต่างๆ เช่นหอคลื่นโหม เมืองทะเลมรกต เขาไร้พรมแดน เพื่อนบ้านผู้นี้แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว
ตอนที่เขากว่างเฉิงเปิดสำนักตั้งพรรคบนโลกซ้อนโลก หรือยึดครองเขตสุราลับบูรพา คุมเชิงกับเขาคุนหลุน การสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับโลกแปดพิภพยังไม่รุนแรงขนาดนี้
ในมุมมองด้านหนึ่ง สำนักต่างๆ อย่างหอคลื่นโหมในปัจจุบัน พอมองเขากว่างเฉิงอีกครั้งก็เกิดความรู้สึกเหมือนขุมกำลังในโลกมนุษย์เงยหน้ามองแดนเซียนบนสวรรค์ชั้นเก้าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่หลายส่วน
เมื่อเป็นแบบนี้ จิตใจของหอคลื่นโหมและศิษย์ผู้สืบทอดก็ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง ระดับของสองฝ่ายต่างกันโดยสิ้นเชิง วิธีการพิจารณาปัญหาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
เซี่ยโยวฉานไม่จำเป็นต้องสู้ต่อ นางไม่คิดจะเอาอะไรจากสวีเฟย และไม่ต้องคอยชักใยอยู่เบื้องหลังแทนหอคลื่นโหม สถานะเบื้องหลังเมื่อต่างกันถึงระดับหนึ่ง ทุกอย่างก็ไม่สำคัญเหมือนเดิมแล้ว เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับตัวคน แต่ไม่เกี่ยวข้องเบื้องหลังอีกแล้ว
พอถึงเวลานั้น การที่คนทั้งสองสามารถครองรักอยู่ร่วมกันได้กลับสำคัญยิ่งกว่า
สวีเฟยเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า “ออกฌานแล้ว? คำนวณวันเวลาสมควรเป็นไม่กี่วันนี้นี่เอง”
ด้วยตำแหน่งและพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเขา สามารถสร้างที่อยู่ของตัวเองได้ มีนิวาสสถานที่บำเพ็ญเป็นของตัวเอง
แต่เป็นเพราะรับหน้าที่ในสำนัก มีภารกิจติดตัว ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วสวีเฟยมักจะอยู่บนเขากว่างเฉิง ที่อยู่ซึ่งอยู่ที่นี่เมื่อก่อนหน้าของเขาย่อมยังอยู่มาโดยตลอด
เหมือนกับเสวี่ยชูฉิง ถึงอย่างไรเซี่ยโยวฉานก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดของเขากว่างเฉิง ดังนั้นจึงมักอยู่ในที่บำเพ็ญของสวีเฟย ตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝนวรยุทธ์ หลังจากออกฌานก็มาอยู่บนเขา ใช้เวลาร่วมกับสวีเฟย
“ศิษย์พี่สวีก็ไม่ต้องรีบร้อนทำธุระ ไปพูดคุยกับศิษย์พี่เซี่ยก่อนเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้ว ค่อยไปเยี่ยมเยือนวันอื่นดีกว่า”
สวีเฟยอดยิ้มพลางส่ายศีรษะไม่ได้ “เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่ได้เลยเถิดขนาดเจ้าว่า”
สองคนมุ่งหน้าไปต่อ ภายหลังแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง เยี่ยนจ้าวเกอไปทักทายอวี่เยี่ยที่มาจากมรกตท่องฟ้า สวีเฟยไปวิหารปฏิบัติกิจ หลังจากจัดการเรื่องราวส่วนหนึ่งบนมือ ก็กลับไปยังที่อยู่ทันที
ด้านในห้องมีสตรีนางหนึ่งนั่งจิบชาตามลำพังอย่างผ่อนคลาย
สตรีร่างสูงชะลูด องคาพยพอยู่ในช่วงปานกลางค่อนสูง แต่ก็มีท่วงทำนองที่เปิดเผย…เป็นเซี่ยโยวฉาน
“ดูเหมือนครั้งนี้ผลลัพธ์การเข้าฌานของเจ้าจะไม่เลว” สวีเฟยยิ้มพลางมาถึงด้านข้างนาง เซี่ยโยวฉานเตรียมถ้วยชาไว้แต่แรก เติมชาให้แก่เขา
เพิ่งจะตอบคำ เซี่ยโยวฉานพลันงุนงงอยู่บ้าง มองสวีเฟย “มีเรื่องหรือ”
สวีเฟยสีหน้าอ่อนโยน “ไม่นับว่ามีเรื่อง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ในที่สุดความกังวลในใจก็กำลังจะหายไปแล้ว”
………………..