ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1418 ดินแดนพันเกล็ด
เยี่ยนจ้าวเกอมองลวดลายมารบนหน้าผากฉู่หลีหลี ด้านหนึ่งคล้ายมีดวงตาคู่หนึ่งทะลุผ่านกระแสเวลา ทะลุผ่านมิติไร้สิ้นสุด ทะลุผ่านหลักการกฎเกณฑ์มากมายมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ
ดวงตานั้นเย็นชาและเคร่งขรึม เหมือนกับไม่มีระลอกอารมณ์ใดๆ ราวจักรวาลที่ดำสนิทเย็นเยือก
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเรียบเฉย ตัดใยไหมส่วนหนึ่งออกมาอย่างใจเย็น ก่อนจะทำเหมือนกับก่อนหน้านี้ สลักตราอาคม อาศัยวิชาลับผนึกไว้บนศีรษะของฉู่หลีหลี
ลวดลายมารที่เหมือนกับร่องแยกสายนั้นค่อยๆ ปิดลงจนกระทั่งหายไป
ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขถึงสาเหตุ แต่อย่างน้อยก็ส่งผลต่อการรับรู้โลกภายนอกผ่านร่างกายฉู่หลีหลีของมารน้ำกุ่ยก่อนที่จะเกิดใหม่
ขณะมองร่องแยกที่ค่อยๆ สมานตัว เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก ยืนนิ่งอยู่กับที่ อดทนรอคอยสังเกต
ดวงตาที่ก่อนหน้ามองเขาหายไปแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้โดยตรงว่า สำนึกที่เลือนรางชนิดหนึ่งเหมือนกับยังอยู่ กระนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติม
ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับแข่งความอดทน
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง นางสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ระบายลมหายใจออกยาวๆ แล้วค่อยยื่นฝ่ามือออกมา ทันใดนั้นฝ่ามือเขาก็ปรากฏแสงสว่าง
พอถูกแสงนี้สาดใส่ ร่างที่เหมือนกับยังคงหลับใหลของฉู่หลีหลีก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลอยเข้าไปในประกายแสงอย่างไร้ร่องรอย
“พวกเราไปรวมตัวกับผู้อาวุโสเฉิน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
ศัตรูไม่เห็นเฉินเสวียนจงปรากฏตัว จึงอดทนรอคอย
หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบแถบเศษหินแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วไม่พบอะไรก็ผละออกมา มุ่งหน้าไปยังดินแดนพันเกล็ด รวมตัวกับเฉินเสวียนจงที่ก่อนหน้านี้ไปรออยู่ที่นั่น
ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอติดต่อกับคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
ลมพัดเมฆเคลื่อนชั่วขณะ ผู้คนจากที่ลับและที่แจ้งเริ่มพากันไปรวมตัวบนสถานที่หนึ่ง
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนาน ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็ไปถึงที่หมาย ครั้นทอดสายตามองไปไกล ในมิติอันมืดมิดพลันเป็นประกายระยิบระยับ เสมือนปรากฏลำธารสายหนึ่ง
หลังจากเข้าใกล้จะเห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ลำธาร แต่เป็นลำแสงสายแล้วสายเล่ารวมตัวกันถี่ยิบแล้วกระเพื่อมไหว เหมือนกับปลาหลีฮื้อสีเงินขนาดยักษ์นับพันนับหมื่นตัวกระโดดออกจากน้ำ จากนั้นก็ตกลงไปใหม่
ลำแสงมากมายเชื่อมกันเป็นผืนเดียว ดังนั้นหากมองจากที่ไกลเข้าไปก็ดูคล้ายกับลำธารสายหนึ่ง
ที่นี่เป็นที่ที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจเลือก จากนั้นก็วางแผนการเพื่อต่อสู้กับมารร้าย
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเฉินเสวียนจงและฉู่หลีหลี หรือสือจวินและอิ๋งอวี่เจิน หากต้องการโอกาสแก้ไขต้องฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอจำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายลงมือก่อน จากนั้นค่อยแซงหน้า คว้าโอกาสในยามวิกฤติ เนื่องจากตามหลังอีกฝ่ายก้าวหนึ่งมาตั้งแต่แรก จะไล่ตามก้าวที่ตามหลังก้าวนั้นกลับมาได้หรือไม่นั้นมีโอกาสห้าต่อห้าส่วน ดังนั้นในเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการคว้าโอกาส เยี่ยนจ้าวเกอจึงหาวิธีชดเชยในด้านสถานที่
สามารถใช้สถานที่ในการต่อสู้เป็นสถานที่ที่ตนวางแผนไว้ได้ ย่อมดีกว่าสถานที่ตรงกลางหรือแม้แต่นพยมโลกที่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้เฉินเสวียนจงเจอสถานที่เช่นนี้ในตอนออกเดินทาง สร้างความลิงโลดแก่เยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงหากกล่าวจริงๆ ว่าสายน้ำอย่างแควธารสวรรค์ส่งผลดีต่อพลังในการใช้ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งของเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่า แต่ในสภาพแวดล้อมคล้ายๆ กันก็ยังส่งผลดีกับมารน้ำกุ่ยมากกว่า ดังนั้นจึงสู้ดินแดนพันเกล็ดไม่ได้
ให้เฉินเสวียนจงมารอที่นี่ จากนั้นพวกตนก็ค่อยพาฉู่หลีหลีไป ทำเช่นนี้สามารถรับประกันได้ว่าตอนที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหว สถานที่จะอยู่บนดินแดนพันเกล็ด ไม่ใช่สถานที่อื่นๆ
ถึงเฉินเสวียนจงจะเป็นห่วงเจี่ยหมิงคงกับฉู่หลีหลี แต่ก็ต้องฝืนอดทน มายังที่นี่ก่อน
“ผู้อาวุโสเฉินเตรียมการเสร็จแล้ว” หลังจากมาถึงดินแดนพันเกล็ด เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งข่าวแจ้งเฉินเสวียงจงก่อน ครู่ต่อมาเฉินเสวียนจงส่งข่าวกลับมาเช่นกัน พอได้รับข่าวที่ส่งกลับมา พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าสู่ดินแดนพันเกล็ดทันที
หลังเข้าไปในอาณาเขตของดินแดนพันเกล็ด อยู่ในลำแสงนั้น ร่างของพวกเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับสูญเสียการควบคุม ไหลอยู่ในลำแสงหลายสาย
เวลาของที่นี่เหมือนหยุดชะงัก สูญเสียนิยามดั้งเดิม พวกเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนลอยๆ จมๆ อยู่ในกระแสเวลาไม่หยุด
“สั่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกมาเขียนตราอาคมหลายสาย กลายเป็นกลุ่มแสงห่อหุ้มพวกเขาไว้ จากนั้นก็จมลงไปด้านล่าง
หลังจากแสงสว่างตรงหน้าสลายไป ทัศนียภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงในทันใด รอบๆ ยังคงเป็นประกายแสงหลายสาย เหมือนกับลำธารเชี่ยวกรากไหลเชี่ยวไม่หยุด มองจากโลกภายนอก มันเชื่อมต่อกันดุจลำธาร
แต่หลังจากมาถึงข้างใน กลับเห็นทั่วสี่ทิศแปดทางมีลำแสงวาดผ่าน ราวกับผิวของลูกทรงกลมลูกหนึ่ง ห่อหุ้มพวกเยี่ยนจ้าวเกอไว้ด้านในลูกทรงกลม
สิ่งที่วางอยู่ด้านหน้าพวกเขาเป็นลูกกลมโลหะที่เป็นสีดำหากแต่ส่องแสงลูกหนึ่ง มันมหึมาเหมือนกับดวงดาวดวงหนึ่ง ดูหนักอึ้ง ลอยนิ่งอยู่กลางความว่างเปล่า ถูกลำแสงหลายสายคลุมไว้ตรงกลาง ผิวของมันผิวเรียบลื่น กลมเกลี้ยงทั้งลูก ไม่มีจุดนูนจุดเว้า รู หรือร่องแยก
จนกระทั่งเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงขอบขอบลูกกลมโลหะ แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปสัมผัสกับผิวโลหะ บนลูกกลมจึงค่อยมีตราอาคมขนาดมหึมาสายหนึ่งสาดขึ้น
จากนั้นลูกกลมโลหะที่แข็งแกร่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะจากแข็งเป็นอ่อน หากรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับลูกโป่งน้ำใบหนึ่ง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ร่างของตัวเองผ่านผิวลูกกลมเข้าไปด้านใน
ด้านในมืดมิด ไม่เห็นเส้นแสง แต่เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ที่นี่มีคนคนหนึ่งอยู่…เป็นเฉินเสวียนจง ราชันพระพุธ
“พวกเจ้านำหลีหลีมาแล้ว? สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ในความมืดมีเสียงของเฉินเสวียนจงดังมา “เจอหมิงคงหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ไม่พบผู้อาวุโสเจี่ย สถานการณ์ของผู้อาวุโสฉู่ยังดีอยู่ ข้าเพิ่มผนึกเข้าไปอีกชั้นแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ หากนับดินแดนพันเกล็ดด้านนอกกับพิธีผสมฟ้าขับไล่มารซึ่งพวกเราตั้งใจสร้างขึ้น ก็ถือว่าเป็นการป้องกันสามชั้น” เขาแบมือ ใจกลางฝ่ามือปรากฏประกายแสง “ขอแค่ไม่ใช่มารสวรรค์ไร้พันธนาลงมือ ในเวลาอันสั้นยังต้านทานไว้ได้”
ถ้าหากว่าบรรพบุรุษมรรคาคนอื่นๆ มอบโอกาสลงมือด้วยตัวเองให้แก่บรรพบุรุษวิถีมารเช่นมารสวรรค์ไร้พันธนา อย่างนั้นการแพ้ด้วยมือของมันก็ไม่ใช่ข้อผิดพลาดจากการต่อสู้
“แต่ถ้าจอมมารตนอื่นมาบุกที่นี่ แล้วพวกมันทำลายพิธีผสมฟ้าขับไล่มารกับดินแดนพันเกล็ดในการต่อสู้กับพวกเราได้ เรื่องราวก็ยากจะบอกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องแข่งกับเวลา”
เงาร่างเล็กๆ สายหนึ่งลอยออกมาจากประกายแสงกลางฝ่ามือของเขา แล้วค่อยๆ กลับสู่ขนาดเดิมกลางอากาศ เป็นฉู่หลีหลี
“ถูกต้อง ต้องให้เร็วที่สุด…” เฉินเสวียนจงรับร่างของฉู่หลีหลี
ตอนที่ประกายแสงกลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่สลาย เฉินเสวียนจงพิจารณาใบหน้าที่เหมือนกับหลับพริ้มของฉู่หลีหลี
เขากล่าวอย่างแช่มช้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกข้าจะเริ่มแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกลางฝ่ามือประกายแสงสลายไป ตรงหน้ากลับคืนสู่ความมืดมิด
เฉินเสวียนจงทรุดนั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับฉู่หลีหลี นั่งอยู่กลางความว่างเปล่า เขาประสานมุทราด้วยสองมือ นิ้วชี้ข้างหนึ่งชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง นิ้วชี้อีกข้างแตะที่หน้าผากของฉู่หลีหลี