ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1440 ประเพณีแปลกของการเปลี่ยนศาสตราเป็นชะตาแต่งงาน
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1440 ประเพณีแปลกของการเปลี่ยนศาสตราเป็นชะตาแต่งงาน
เกาชิงเสวียนยืนนิ่งกับที่ หลับตาเงยหน้าไม่พูดอะไร
ตอนนี้หลงซิงเฉวียนก็เงียบลงเช่นกัน เพียงยืนนิ่งอยู่ข้างภรรยา
“ไม่อาจโทษเจ้า” เนิ่นนานให้หลัง เกาชิงเสวียนก็ลืมตาขึ้นมา กล่าวอย่างอ้างว้าง “ท่านอาจารย์มีนิสัยแข็งกร้าวเช่นนี้เอง”
นางถอนใจเบาๆ “วางใจ ข้าไม่เป็นไร นพยมโลกอยู่ตรงหน้า พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจป้องกันการหยามหยันจากภายนอกก่อน เรื่องความตายของท่านอาจารย์รอผ่านภัยครั้งนี้ไปได้ค่อยว่ากล่าว แต่ว่าจำเป็นต้องตั้งใจหาที่อยู่ของเยี่ยเอ๋อร์และเนี่ยจิงเสินสหายน้อยเนี่ย ไม่ให้พวกเขาถูกนพยมโลกฉวยโอกาส ประสบภัยพิบัติเหมือนกับอาจารย์”
เกาชิงเสวียนหลุบตาต่ำ น้ำเสียงค่อยๆ สงบนิ่ง
“นี่ย่อมแน่นอน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยขึ้น “เชื่อว่าศิษย์พี่เนี่ยกับศิษย์พี่อวี่จะต้องเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้”
เกาชิงเสวียนพยักหน้าอย่างเงียบงัน ออกนำไป
หลงซิงเฉวียนติดตามไปทันที กุมฝ่ามือนางเบาๆ เห็นในดวงตาของเกาชิงเสวียนฉายแววเจ็บปวด
ในฐานะสามีของนาง หลงซิงเฉวียนทราบดีว่าความเจ็บปวดในใจของภรรยาในตอนนี้ไม่ได้สงบเท่าที่แสดงออกภายนอก
ในสำนักของกษัตริย์เถาหลี่อิง เหล่าลูกศิษย์ล้วนประสบความสำเร็จ ให้กำเนิดวีรบุรุษคนแล้วคนเล่า
กษัตริย์สันติกับตี๋ชิงเหลียนเป็นยอดคนที่จากไปแต่วัยเยาว์ กษัตริย์อนันต์จางชิงเฉาแยกตัวออกไป ข่งชิงซีก็เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน
นอกจากพวกเขาแล้ว ลูกศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักของกษัตริย์เถาก็เสียชีวิตไปเป็นส่วนใหญ่
ในฐานะลูกศิษย์คนโตของสำนักที่หลี่อิงสร้างขึ้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เกาชิงเสวียนเป็นคนที่มีความสำเร็จสูงส่งที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นที่ฝากฝังสุดท้ายจากความพยายามของกษัตริย์เถา
สหายในสำนักจากไปทีละคนๆ อาจารย์ของตนประสบโศกนาฏกรรมที่คนชราต้องเป็นผู้ส่งคนหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า เกาชิงเสวียนหวังให้อาจารย์พยายามมีความสุขในช่วงบั้นปลาย
แต่นางยากจะสนองความต้องการของอาจารย์ผู้มีพระคุณ ในด้านการคบหากับจอมยุทธ์จากสายสืบทอดของราชันพระศุกร์เยี่ยนซิงถาง
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับเยว่เจิ้นเป่ยในตอนนั้น ก็สั่งสมมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งตอนสุดท้าย มรกตท่องฟ้าย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักโอสถ แม้กษัตริย์เถาหลี่อิงจะไม่ได้คัดค้านเพราะเห็นถึงสถานการณ์ใหญ่ แต่ตัวนางสุดท้ายก็ออกจากมรกตท่องฟ้า
เกาชิงเสวียนเดิมทีหวังว่าจะสามารถใช้กาลเวลาค่อยๆ ลบเลือนไกล่เกลี่ย มีสักวันที่ได้รับอาจารย์กลับมา
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าการจากลาในวันนั้นถึงกับเป็นตลอดกาล
ตอนที่พบเจอเป็นครั้งสุดท้าย กษัตริย์เถาถูกนพยมโลกจับตัว
ถึงแผนการที่กำหนดไว้แต่เดิมของพวกเยี่ยนจ้าวเกอจะได้ผล ส่งกษัตริย์เถากับพญามารดาวโลหิตไปยังสถานที่ที่ได้เลือกไว้ก่อนสำเร็จ ทว่าทุกอย่างผิดที่ผิดทาง คนที่รออยู่ที่นั่นเป็นเยว่เจิ้นเป่ย สุดท้ายกษัตริย์เถาหลี่อิงยอมตายไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากตัวเยว่เจิ้นเป่ย
เกาชิงเสวียนไม่โทษเยว่เจิ้นเป่ย ไม่โทษพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้นางเพียงแค่โทษตัวเอง
แต่นางถามตัวเองว่า หากทุกอย่างเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง ตัวเลือกของตนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หรือว่าทุกอย่างจะยังคงเดิม
พอคิดแบบนี้ เกาชิงเสวียนก็รู้สึกขมขื่นกว่าเดิม ความเศร้าใจและความละอายเกาะเกี่ยวกัน ยากจะทำลายให้หายไป
หลงซิงเฉวียนเข้าใจความคิดของนางดี ทว่าเรื่องราวก็มีความเกี่ยวข้องกับเขา ตอนนี้จึงไม่มีสิทธิ์ปลอบโยนเกาชิงเสวียน ได้แต่ติดตามอยู่ข้างกายผู้เป็นภรรยาอย่างเงียบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้แต่ถอนใจเช่นกัน
ถึงกล่าวแบบนี้จะดูเหมือนไม่เคารพผู้ตาย แต่ว่าการตัดสินใจของกษัตริย์เถาทำให้ทุกคนกระอักกระอ่วนจริงๆ
โชคดีที่ในเหตุการณ์ยังมีอวี่เยี่ยอยู่ ภายภาคหน้าหากอวี่เยี่ยกลับมาอย่างปลอดภัย แล้วคำกล่าวสอดคล้องกับเยว่เจิ้นเป่ย เช่นนั้นสายหยกพิสุทธิ์ก็ไม่ถึงกับขาดเหตุผลแล้ว
กระนั้นเรื่องนี้จะทำให้มรกตท่องฟ้ากับฟ้าเหนือฟ้าเกิดรอยร้าวที่มองไม่เห็นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่บอกยากแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้มรกตท่องฟ้าเป็นเกาชิงเสวียนควบคุม สมควรไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่โต
“หากต้องกล่าวจริงๆ ความรับผิดชอบอยู่ที่ข้าเอง” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง พูดกับเยว่เจิ้นเป่ย “เป็นข้าพิจารณาว่าท่านกับผู้อาวุโสฉู่คุ้นเคยกัน ดังนั้นจึงให้ท่านเฝ้าด้านนอก”
ถ้าเปลี่ยนให้หลงซิงเฉวียนหรือนักพรตอวิ๋นเจิ้งไปอยู่ด้านนอก ผลลัพธ์ของเรื่องราวคงต่างไปจากเดิม
“ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าฆราวาสเถาม่วงจะตกไปอยู่ในมือของนพยมโลก” เยี่ยนตี๋นั่งบนเมฆแปลงกำเนิดเอ่ยขึ้น “เพียงน่าเสียดายที่โชคชะตากลั่นแกล้งคน”
เยว่เจิ้นเป่ยส่ายหน้า “ต่อให้ไม่มีวันนี้ ต่อจากนี้ก็ต้องมีสักวันที่ข้าต้องสู้กับหลี่เถาม่วง มิหนำซ้ำ อีกไม่นานวันนั้นก็ใกล้มาถึงแล้ว”
สืบเนื่องจากอาการบาดเจ็บในอดีต กษัตริย์เถาหลี่อิงแทบไม่อาจฝ่าภัยพิบัติปฐมลี้ลับ ฝึกฝนห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด ขึ้นสู่ชั้นสุญญตาได้อีก
แต่นางเป็นคนที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อยู่ในยุคเดียวกันกับกษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่น
หลายปีผ่านไป พูดถึงขีดจำกัดอายุขัยของเซียนลี้ลับ กษัตริย์เถาในตอนนี้เป็นหญิงชรที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว
เยว่เจิ้นเป่ยมีพัฒนาการรวดเร็ว บรรลุถึงระดับสี่ปราณรวมเป็นวายุ อยู่ชั้นสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับ
ด้วยศักยภาพและพลังที่เขาแสดงออกมา หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกินไป การเข้าสู่ระดับเซียนกำเนิดเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว
ถึงจะเห็นด้วยกับการให้มรกตท่องฟ้าย้ายเข้ามาในตำหนักโอสถ แต่ว่าจากเรื่องที่กษัตริย์เถาออกจากมรกตท่องฟ้า ยังมีการตัดสินใจในวันนี้ของนาง บูรพาจารย์ผู้อาวุโสแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ยึดมั่นถือมั่น มีนิสัยแข็งกร้าว
สามารถทำนายได้ว่า ก่อนที่เยว่เจิ้นเป่ยจะสำเร็จเป็นเซียนกำเนิด หรือว่าก่อนที่กษัตริย์เถาจะอายุขัยหมดเอง นางจะต้องตัดสินกับเยว่เจิ้นเป่ย
ความแค้นในวันวาน ไม่อาจบรรยายด้วยคำว่า ‘ยึดติด’ เท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยความเสียดาย “ในสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่กลายเป็นมาร เจตนารมณ์ของกษัตริย์เถากล่าวได้ว่าแข็งแกร่งถึงขีดสุด แต่บางทีถ้ากล่าวในทางกลับกัน เจตจำนงที่แข็งแกร่งแบบนี้จึงค่อยมีโศกนาฎกรรมในวันนี้”
ความคิดชั่วร้ายหรือความยึดติดที่รุนแรงเกิดไป สุดท้ายจะกลายเป็นสำนึกมาร ทำให้คนร่วงหล่นเป็นมาร เข้าสู่นพยมโลก
กษัตริย์เถาหลี่อิงมีความแค้นอย่างรุนแรงต่อเยว่เจิ้นเป่ย ไปจนถึงผู้สืบทอดของเยี่ยนซิงถาง ยังถูกจอมมารจับได้ โดนคุกคามทรมาน กลับรักษาจิตใจให้กระจ่างใสได้ หนึ่งเป็นหนึ่ง สองเป็นสอง ความแข็งแกร่งของเจตจำนงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องถอนใจชมเชย
น่าเสียดาย เป็นเพราะแบบนี้จึงมีจุดจบที่ขมขื่นเช่นนี้
เยว่เจิ้นเป่ยมองเยี่ยนตี๋ สีหน้าซับซ้อน เห็นด้วยกับคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ
“ผู้ตายจากไปแล้ว ขอให้นางไปสู่สุขติ” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างแช่มช้า
“ขอให้ผู้จากไปไปสู่สุขติ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มหนักใจ “พวกเรายังคงปวดหัวเพราะปัญหาของคนเป็น หวังว่าฟ้าจะคุ้มครองศิษย์พี่เนี่ยกับศิษย์พี่อวี่”
เยว่เจิ้นเป่ยส่ายหน้า “กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาสามารถเชื่อมไปยังสถานที่ที่ต่างกัน หลังจากทางพวกเราเรียบร้อยแล้วค่อยตามหารอบๆ ถ้าไม่ได้ผลลัพธ์อะไร พวกเขาสมควรไปอยู่ในสถานที่ที่ไกลจากพวกเราถึงขีดสุด”
“ตอนนี้ข้าเพียงหวังว่าพวกเขาจะยังอยู่ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน อย่าไปโผล่บนพื้นที่ของเส้นทางนอกรีต หรือถิ่นของศาสนาพุทธและเผ่าปีศาจ” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “พวกเขาสองคนสมควรไม่ถึงกับพลัดหลงกันกระมัง”
เยว่เจิ้นเป่ยครุ่นคิดก่อนจะตอบ “สมควรไม่”
“เช่นนี้สองคนช่วยประคับประคองกัน ปลอดภัยขึ้นอีกเล็กน้อย” เยี่ยนตี๋เอ่ย “ไม่ว่าศิษย์หลานเนี่ยหรือศิษย์หลานอวี่ ล้วนเป็นหงส์มังกรในหมู่คนและอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศ สองคนผนึกกำลังกัน ทั้งยังพยายามเก็บตัวเต็มที่ สมควรรับมือสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้”
“ยามลำบากจึงได้เห็นน้ำใจที่แท้ ไม่ทราบว่าพวกเขาร่วมทางกัน ลำบากด้วยกัน จะจุดประกายไฟขึ้นหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอมองโลกในแง่ดี “ก่อนหน้านี้แม้พวกเขาจะสู้กันเป็นบางครั้ง แต่ความจริงชื่นชมกันและกัน คุยกันถูกคอ”
เยว่เจิ้นเป่ยกับเยี่ยนตี๋ดวงตาพลันประหลาดพิกล
“อย่ามองข้าเช่นนี้ ข้ากำลังตั้งใจพิจารณาเรื่องราวอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอปั้นสีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ตามคำพูดของอาจารย์ลุงเยว่ ตอนที่พวกเขาพลัดหลง ไม่เห็นพริบตาที่กษัตริย์เถาเสียชีวิต ตอนนี้อย่างน้อยก็คงเป็นห่วงยิ่ง ทั้งยังมีความหวัง”
“ท่านพ่อ ฟังว่าเมื่อก่อนท่านกับท่านแม่ทะเลาะกันจึงค่อยรู้จักกัน ท่านปู่กับท่านย่า อาจารย์อาหลงกับผู้อาวุโสเกายิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่างก็เปลี่ยนศาสตราเป็นชะตาแต่งงานอย่างยอดเยี่ยม ศิษย์พี่เนี่ยกับศิษย์พี่อวี่เป็นผู้สืบทอดของพวกเขา ทำให้ข้าอดคิดขึ้นมาไม่ได้จริงๆ”