ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1457 สู้มหาชาล!
เฉินเฉียนหัวตวัดนิ้วในอากาศ แสงสว่างเปลี่ยนแปลงพร้อมกับบิดตราอาคมของอาคมผนึกมารในร่างของสือจวิน
หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ชักมือกลับ พยักหน้าอย่างพอใจ “ดียิ่ง”
สือจวินแค่นเสียงหนักๆ ทรุดนั่งกับพื้น ร่องแยกเปิดออกบนหน้าผาก แสงมารสีดำผสมเหลืองไหลเชี่ยว บนร่างมีควันสีดำหลายสายระเหยขึ้น
ครั้งนี้เฉินเฉียนหัวไม่ได้ยุ่งอะไรอีก เอาสองมือไพล่หลัง ยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ากระตือรือร้นสนใจ
ทว่าไม่ทันไรเขาก็ตาเป็นประกายเล็กน้อย เงยหน้ามองด้วยความรังเกียจและผิดหวังอยู่บ้าง
เมื่อไม่มีมุกผ่าดิน มิติพิเศษที่ถูกเขาฉีกออกเมื่อก่อนหน้าก็พังทลาย แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี บิดไปมาไม่หยุดยั้ง หากมองผ่านช่องว่างที่พังทลายจะเห็นว่า อีกด้านหนึ่งของมิติที่อยู่ไกลออกไปมีแสงกะพริบขึ้นใหม่
“ถึงกับยังมี?” เฉินเฉียนหัวพึมพำ “ไม่อาจให้พวกท่านทำลายเรื่องสนุกสนานได้”
เขาวูบไหวท่าร่าง พุ่งขึ้นฟ้า ออกจากมิติพิเศษที่พังทลายนี้ บินไปยังความว่าเปล่า
พอสองฝ่ายเข้าใกล้ แสงสว่างอีกด้านก็หยุดลง ปรากฏนักพรตวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมเต๋าพยัคฆ์มังกร
กลับเป็นจักรพรรดิศานติคุนหนิงจื่อ ผู้สืบทอดแห่งมรกตท่องฟ้า
ที่แล้วมาเขายกให้กษัตริย์เถาหลี่อิงเป็นผู้นำ ทว่าเรื่องย้ายมรกตท่องฟ้าเข้าไปในตำหนักโอสถในตอนนั้น เป็นการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ได้ประโยชน์ กษัตริย์เถาก็เห็นด้วย คุนหนิงจื่อย่อมเข้าสู่จักรวาลฟ้าฟื้น
ครั้งนี้ยอดฝีมือสำนักเต๋าละทิ้งความแค้นก่อนหน้า ร่วมมือกันต้านมารร้าย ขัดขวางการคืนชีพของมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่ว เจ้าแม่อู๋ตังย่อมสนับสนุน ภายใต้การนำของเกาชิงเสวียนและนักพรตอวิ๋นเจิ้ง สายเหนือพิสุทธิ์นับว่ากระทำสุดความสามารถ
นอกจากเกาเสวี่ยโพที่เฝ้ามรกตท่องฟ้าแล้ว ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายเหนือพิสุทธิ์ต่างออกมาหมดสิ้น แม้แต่จักรพรรดิศานติกับจักรพรรดิอุรุล้วนไม่ใช่ข้อยกเว้น
พวกเขากับจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือ ยังมีทวนพระอังคารวนเวียนอยู่ด้นนอก รับหน้าที่สนับสนุน
จักรพรรดิศานติแอบซุ่มอยู่ในมิติ พอสัมผัสได้ว่าที่นี่มีปราณมารเพิ่มขึ้นโดยฉับพลัน ทั้งดุร้ายทั้งน่ากลัว ยิ่งใหญ่หนาหนักสุดที่จอมมารทั่วไปจะเทียบเคียงได้ก็มาตรวจสอบทันที แล้วพบว่าเป็นสือจวินแม่ลูก
แต่ไม่รอเขาเข้าใกล้ ในมิติพิเศษที่พังทลายนั้นก็มีแสงสายหนึ่งผุดวาบขึ้น เฉินเฉียนหัวขวางเส้นทางของเขาไว้
คุนหนิงจื่อรู้สึกว่าปราณมารตรงนั้นกำลังคลุ้มคลั่ง ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ปรากฏสภาวะไม่อาจควบคุม จิตใจของเขาอดหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้
ถึงจะได้รับการไหว้วานจากพวกเยี่ยนตี๋ คิดปกป้องการถอนทำลายตรามารของสือจวินแม่ลูกอย่างเต็มที่ ทว่าสำหรับผู้มีอำนาจแห่งสายเหนือพิสุทธิ์แล้ว ถ้าหากเรื่องราวไปถึงขั้นที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางนั่งมองมารดินโบ่วกลับไปนพยมโลกเพื่อฟื้นฟูกำลังหลังจากคืนชีพ
ในสถานการณ์ที่สือจวินแม่ลูกได้กลายเป็นมาร หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ คุนหนิงจื่อก็จะลงมือสังหารเหมือนกับยอดฝีมือของศาสนาพุทธและเผ่าปีศาจ
พยัคฆ์มังกรติดตาม คุนหนิงจื่อคิดอาศัยความได้เปรียบที่มนุษย์ยากทำร้ายร่างไร้ช่องโหว่ของตัวเอง รับการโจมตีของเฉินเฉียนหัว เข้าไปใกล้พวกสือจวิน
กระนั้นถึงแม้เฉินเฉียนหัวจะตกสู่ระดับมนุษย์เซียนอีกครั้ง ทว่าหลังจากที่รวมสามคัมภีร์ก่อนกำเนิดครบก็มีพลังลำเลิศ เหนือกว่าตอนที่เขาเคยป็นประมุขทิศบน
ขณะนี้แม้เฉินเฉียนหัวไม่อาจทำอันตรายคุนหนิงจื่อ กลับโจมใส่จนอีกฝ่ายไม่อาจฝ่าวงล้อม คล้ายกับตะพาบในไห
“อย่ามาทำเสียเรื่องน่า” เฉินเฉียนหัวกล่าวอย่างไม่นำพา “อดทนรออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าเถอะ เดี๋ยวมีเรื่องสนุกสนานให้ดูเอง”
คุนหนิงจื่อครางหนักๆ คำหนึ่ง ฝืนต้านรับไว้
ไกลออกไป มิติพิเศษที่แหลกเละไม่มีชิ้นดีกำลังพังทลาย ปราณมารที่ลอยออกมาจากด้านในหนาหนักและดุร้ายมากขึ้น
…
อีกด้านหนึ่ง คนจากสำนักเต๋ารวมตัวอยู่รอบๆ กระบี่ผนึกเซียนกำลังจะประสานสภาวะค่ายกล สร้างความหวั่นเกรงแก่เหล่ายอดฝีมือเช่นฝูหลัวจื่อ พญามารควันสายัณห์ไม่อาจข้ามเขตแดนมาได้
ขณะเดียวกันก็คุมเชิงกับยุทธวิชัยพุทธะไปด้วย
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านข้างกระบี่ผนึกเซียนแล้ว อวี่เยี่ยมอบกระบี่ผนึกเซียนให้แก่เกาชิงเสวียน จากนั้นก็ยืนหันหน้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ ยื่นนิ้วออกมาแตะหว่างคิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอ
ในม่านตาของนางกับเยี่ยนจ้าวเกอต่างมีลวดายค่ายกลนับไม่ถ้วนทะลักอย่างต่อเนื่อง
ในการศึกเมื่อครู่เพื่อขัดขวางศัตรู พวกเยี่ยนจ้าวเกอสิ้นเปลืองกำลังไปมหาศาล โดยเฉพาะเกาชิงเสวียน นางเป็นกำลังหลักในการต้านทานฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ ทั้งหมดอาศัยการผสานกระบี่คู่ของนาง ค่อยสู้กับปีศาจมารที่มีความเร็วน่าทึ่งสองตนนั้นได้
เป็นเพราะแบบนี้ นางกับร่างแยกไม่อาจไม่จ่ายค่าตอบแทนส่วนหนึ่ง สู้มาถึงตอนนี้จึงเต็มไปด้วยบาดแผล
ทว่าเกาชิงเสวียนมีสีหน้าสงบนิ่ง ยังคงคมกล้าคุมคามคน
หลังจากนางรับกระบี่ผนึกเซียน สภาวะกระบี่พลันน่ากลัวขึ้น แม้ไม่ได้ครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญเหมือนอย่างอวี่เยี่ย แต่ว่าถึงอย่างไรนางก็มีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่า
กระบี่ผนึกเซียนพออยู่ในมือ ความร้ายกาจของมันก็กดดันคนตรงหน้าให้พากันถอยหลัง หลบหลีกเป็นจ้าละหวั่น
บนแสงทองบัวเขียว ยุทธวิชัยพุทธะรู้สึกได้ถึงเจตจำนงกระบี่อันดุร้ายนั้นเช่นกัน ตัวท่านไม่กลัวกระบี่ผนึกเซียน ถึงขั้นที่ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่เหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ในระดับมหาชาลผู้หนึ่งควบคุมกระบี่ผนึกเซียน ก็ใช่ว่าจะทำอะไรท่านได้
ทว่าทางหนึ่งสะกดเฟิงอวิ๋นเซิง ทางหนึ่งเผชิญความร้ายกาจของกระบี่ผนึกเซียน ยุทธวิชัยพุทธะไม่อาจไม่ระวังตัว
ตอนนี้ท่านสามารถรู้สึกได้ว่าการขัดขืนของเฟิงอวิ๋นเซิงยิ่งมายิ่งรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความกังวลที่อยู่ลึกยิ่งกว่า
‘คัมภีร์โกลาหลสูญ…’ ความคิดผุดแวบขึ้นในใจ ยุทธวิชัยพุทธะถอนใจคำหนึ่ง “นะโมอมิตาพุทธ”
ในเสียงสรรเสริญคุณ ท่านละทิ้งการสะกดเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงงุนงง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างขมวดคิ้ว
จากนั้นเห็นแสงทองสาดส่อง บัวเขียวเคลื่อนย้ายมาถึงเหนือกระบี่ผนึกเซียนในพริบตา จากนั้นแสงสว่างไร้สิ้นสุดก็กดทับลงมาพร้อมกัน
อีกฝ่ายไม่ได้ละทิ้งการสะกดเฟิงอวิ๋นเซิง หากแต่ต้อนการเอาชนะพวกเยี่ยนจ้าวเกอให้ได้ก่อน
ก่อนหน้านี้ยุทธวิชัยพุทธะถูกเฟิงอิ๋นเซิงพัวพันให้สู้ในด้านระดับจิตใจมาตลอด หากไม่ลงมืออีกก็เท่ากับละทิ้งความได้เปรียบของตัวเอง
ขณะนี้อานุภาพแห่งมหาชาลมาถึง ต้องการเอาชนะพวกเยี่ยนจ้าวเกอให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยจับคุมเฟิงอวิ๋นเซิง
ความเสี่ยงเดียวที่ท่านต้องเจอคือเฟิงอวิ๋นเซิงฉวยโอกาสนี้ข้ามภัยพิบัติฟ้ากำเนิด เลื่อนสู่มหาชาลโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
กระนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอยังคงอยู่ ต่อให้เฟิงอวิ๋นเซิงมีความคิดก็ไม่อยากจะเสี่ยง
ตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ต่อให้ผนึกกำลังกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ท่านก็หาเกรงกลัวไม่
ขณะนี้ยุทธวิชัยพุทธะต้องแบ่งลำดับความสำคัญ สร้างโอกาสให้แก่ตัวเอง
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอที่กำลังสะกดทัพรอคอยอย่างอดทนจิตใจสั่นไหวอยู่บ้าง “อาคมผนึกมารบนตัวจวินเอ๋อร์เกิดการเปลี่ยนแปลง”
เยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่เกรงว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดีเหมือนก่อนหน้าอีก”
เหมือนกับกำลังยืนยันคำพูดของเขา พวกพญามารควันสายัณห์ที่อยู่ตรงหน้าฮึกเหิมขึ้น ต้องการเคลื่อนไหว คิดอ้อมหลบแนวป้องกันของพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปตามหามารดินโบ่วและพญามารจงหยวนอีกครั้ง
“ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งไม่อาจปล่อยให้พวกมันอาละวาด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเย็นชา
เขา อวี่เยี่ย หลงเสวี่ยจี้ นักพรตอวิ๋นเจิ้งวูบไหวท่าร่าง แยกกันไปอยู่สี่ด้าน
เยว่เจิ้นเป่ย หลงซิงเฉวียน เยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน แยกกันยืนอยู่ด้านข้างพวกเขา
เกาชิงเสวียนกับร่างแยก บวกกับกระบี่ผนึกเซียนและหลิงชิงเริ่มลอยขึ้น ยืนอยู่เหนือศีรษะของทุกคน
………………..