ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1459 เอาชนะพระพุทธเจ้า
ถึงพญามารควันสายัณห์จะเชี่ยวชาญมรรคาการเปลี่ยนแปลงมิติเวลา มีการเหาะเหินเดินหาวเหนือกว่าอัจฉริยบุคคลทั้งหลาย แต่ว่าในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกลับไม่มีโอกาสให้เขาได้เคลื่อนที่ ถูกฟันใส่หนึ่งกระบี่จนดับสูญไป!
ฝูหลัวจื่อนอกจากจะมีความเร็วค่อนข้างสูง พลังเองก็แข็งแกร่ง ถูกฟันปีกขาดครึ่งหนึ่ง ต่อลมหายใจได้
พระโพธิสัตว์ศาสนาพุทธท่านหนึ่งกลายร่างเป็นเทวราชไม่ถูกทำลาย กลับยังคงถูกฟันเอวขาด ทั้งหมดอาศัยวรยุทธ์ของศาสนาพุทธ มีกายเนื้อแข็งแกร่ง จึงค่อยโชคดีรอดชีวิตมาได้
จอมมารระดับสุญญตาอีกตนหนึ่งแบ่งร่างแปลงเงา แยกร่างของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เซ่นสังเวยเงามายาร่างแยกร่างแล้วร่างเล่า สุดท้ายหลบรอดการกวาดล้างจากประกายกระบี่ แต่ก็เหลือลมหายใจรวยริน
ไม่รอมันพักหายใจ ตรงหน้าพลันมีประกายดาบสีดำขลับปรากฏ!
จอมมารตนนั้นถลึงตา กลับไร้เรี่ยวแรงหลบหลีก ถูกฟันใส่ตกตายไป!
เฟิงอวิ๋นเซิงชักดาบกลับ พ่นลมหายใจออกมายาวๆ
ก่อนหน้านี้ค่ายกลขยายตัวออกด้านนอก ม้วนนางที่สูญเสียการสะกดจากยุทธวิชัยพุทธะเข้าไปเช่นกัน กระนั้นยามอยู่ในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงยังรู้สึกลำบากเป็นพิเศษ
ทั้งหมดเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอมีขีดความสามารถด้านค่ายกลล้ำลึก ควบคุมพลังค่ายกลอย่างแยบยล ไม่อย่างนั้นนางอาจถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกีดกัน ถึงขั้นถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนโจมตี
“อวิ๋นเซิง เจ้าไปดูพวกจวินเอ๋อร์กับศิษย์พี่สวี สถานการณ์ทางด้านนั้นไม่ถูกต้อง”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางผลักดันค่ายกล ออกอีกหนึ่งกระบี่พร้อมอวี่เยี่ย หลงเสวี่ยจี้ และนักพรตอวิ๋นเจิ้ง กลายเป็นประกายกระบี่ กระตุ้นกระบี่สี่เล่มที่อยู่เหนือประตูค่ายกล
พลันมีประกายกระบี่อีกกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นบนค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอีกครั้ง แล้วฟันใส่ยุทธวิชัยพุทธะ
หมอกเหลืองแสงทองที่ยิ่งใหญ่ลอยเวียนวน พระพุทธเจ้าที่อยู่บนแสงทองบัวเขียวเผยร่างธรรมออกมา รูปร่างเปลี่ยนเป็นกระจ่างชัด
พลังแห่งค่ายกลม้วนพัด หมายจะลากยุทธวิชัยพุทธะเข้ามาในค่ายกล
เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงออกจากค่ายกล ยุทธวิชัยพุทธะก็ลงมือโจมตีสะกัดในทันที
ทว่าในค่ายกลด้านล่างพลันมีกระบี่อีกหนึ่งเล่มฟันมา
ค่ายกลที่แข็งแกร่งอย่างค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ย่อมทำให้ผู้กางค่ายกลสิ้นเปลืองพลังมหาศาล โดยเฉพาะสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่แท้จริง ขณะนี้ได้มาเพียงกระบี่ผนึกเซียนเล่มเดียว
นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หลังจากอวี่เยี่ย หลงเสวี่ยจี้โจมตีออกไปสองครั้งก็ปรากฏสภาพหมดพลัง ถึงนักพรตอวิ๋นเจิ้งจะดีกว่า แต่ก็แสดงความเหน็ดเหนื่อยออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเยือกเย็น บริกรรมท่องคาถา “ฮ่า!”
สภาวะค่ายกลทั้งหมดถึงกับเหมือนเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง!
ประกายกระบี่ยิ่งใหญ่ผนึกรวมกันเป็นเส้นเดียว เจาะทะลวงมิติเวลา ยิงใส่ร่างธรรมของยุทธวิชัยพุทธะ
ประกายกระบี่กระจัดกระจาย แดนสุขาวดีแสงพุทธที่พังทลายแล้วถูกฟันแยกเป็นสองส่วนโดยสิ้นเชิง แล้วหายไปดุจควันเมฆ
ยุทธวิชัยพุทธะเห็นดังนั้นไม่กล้าประมาท ในที่สุดก็หยุดขัดขวางเฟิงอวิ๋นเซิง
ท่านยื่นมือมือออกมาปัดเมฆสีทองเกล็ดปลาบนศีรษะของตัวเอง เอียงตะเกียงทองบนเมฆ
เพลิงตะเกียงกระจาย สารีริกธาตุชิ้นหนึ่งหล่นเข้าไปในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนดุจสายฟ้าฟาด!
ยุทธวิชัยพุทธลงมือ ต่อต้านประกายกระบี่ ฝ่ามือพระพุทธถูกเจาะ!
สารีริกธาตุชิ้นนั้นทำลายประตูบานหนึ่งในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
กลับเป็นประตูที่หลิงชิงเฝ้า เดิมทีควรแขวนห้อยกระบี่สังหารเซียน
สี่กระบี่ในค่ายกล หนึ่งแท้ สองปลอม หนึ่งมายา ถึงอย่างไรหลิงชิงก็ไม่ใช่มือกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ ไม่รู้จักคัมภีร์กระบี่สังหารเซียน ไม่อาจกลายร่างเป็นกระบี่เหมือนกับเกาชิงเสวียน
จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอกางขึ้นเกี่ยวข้องกับจำนวนคน ยากจะทดแทนได้
ก่อนหน้านี้ภายใต้การโคจรของค่ายกล ทุกอย่างสอดประสานกันอย่างลงตัว คอยดูแลกันและกัน ยุทธวิชัยพุทธไม่อาจทำอันใดได้
ขณะนี้พระพุทธเจ้าองค์นี้ตัดสินใจเสี่ยงชีวิต ในที่สุดก็ใช้โอกาสนี้ทำลายค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้
ทว่าประกายกระบี่อันดุร้ายก็ระเบิดขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ประกายกระบี่ที่ไม่พร่างพราว หากเหมือนความโกลาหลกวาดล้าง ฟันใส่แขนสี่ข้างของยุทธวิชัยพุทธะ!
ฟันทำลายพาหุรัด กรด กระถางดอกไม้ ไส้ปรา วัชรปลุกเสก ตะไบวิเศษ บาตรทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ของวิเศษมากมาย!
บนร่างของพระพุทธเจ้าที่บริสุทธิ์ราวเครื่องเคลือบ กอปรด้วยแสงสว่าไร้ประมาร เกิดเป็นรอยแผลที่เหมือนกับหุบเหวสายหนึ่ง!
ในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แสงทองหมอกเหลืองกระจาย ลวดลายค่ายกลพังทลายไม่หยุด
บนประตูค่ายกลที่ถูกทำลาย หลิงชิงกระอักเลือดและล้มลง
บนตาค่ายกล พวกเยี่ยนตี๋ที่ช่วยสะกดค่ายกล สั่นสะเทือนพร้อมกัน กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ปราณกาลีพวยพุ่งออกมาทั่วทุกทิศในค่ายกล ฉีกกระชากมิติเวลา ประกายกระบี่ที่เหลืออยู่กวาดล้างมาถึงอีกครั้ง ฝูหลัวจื่อกับพระโพธิสัตว์ศาสนาพุทธที่เดิมทีได้รับบาดเจ็บหนัก ยากจะต้านทานเป็นคำรบสอง ถูกประกายกระบี่สังหารด้วยความสิ้นหวัง!
มาถึงตอนนี้พุทธ ปีศาจ และมาร รวมถึงฝูหลัวจื่อบุตรของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ล้วนสิ้นชีวิต ถูกกำจัดที่ที่นี่!
พร้อมกับที่ค่ายกลพังทลาย มิติเวลาแห่งนี้ก็แหลกสลายไปด้วย กอปรเป็นหลุมขมุกขมัวมืดมิดที่น่ากลัว
หลุมดำที่น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่พญามารดาวโลหิตฆ่าตัวตาย แรงดึงดูดอันมหาศาลฉุดลากทุกคนลงไป มีเพียงเกาชิงเสวียนที่ต้านทานไว้ได้ หลังจากสลายค่ายกลก็รับกระบี่ผนึกเซียนไว้ ชี้คมกระบี่ไปที่ยุทธวิชัยพุทธะ
ยุทธวิชัยพุทธะที่บาดเจ็บเห็นดังนั้น ทราบว่าตนไม่อาจไล่ตามเฟิงอวิ๋นเซิงได้อีก
ด้วยสภาพการณ์ในปัจจุบัน เซียนกำเนิดคนหนึ่งมีกระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือ ท่านจำเป็นต้องระวังตัวแล้ว
แม้จะไม่มีอุปสรรค แต่ยากจะเอาชนะได้โดยง่าย รอท่านสลัดจากเกาชิงเสวียน เฟิงอวิ๋นเซิงก็หนีไปไร้ร่องรอยแล้ว
ขณะมองเงาหลังที่ออกห่างไปของเฟิงอวิ๋นเซิง พระพุทธเจ้าถอนใจอย่างจนปัญญา ค่อยๆ กลายเป็นแสงสว่างมงคลกลุ่มหนึ่งหายไปในความว่างเปล่า
เกาชิงเสวียนควบคุมกระบี่ ไม่คลายใจแม้แต่วินาทีเดียว จับจ้องยุทธวิชัยพุทธะที่จากไปและพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่หล่นหลงไปในหลุมดำแล้วพลัดหลง ต่างไม่อาจช่วยเหลือได้ทัน ได้แต่หวังว่าฟ้าจะช่วยคุ้มครองพวกเขา
การพังทลายของค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสะท้านฟ้าสะเทือนดินจริงๆ แม้แต่เฉินเฉียนหัวกับคุนหนิงจื่อที่กำลังสู้กันอยู่ในที่ไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความแปรปรวน
‘การเคลื่อนไหวนี้ ยังมีเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายเมื่อครู่…’ เฉินเฉียนหัวใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงนฉงาย มองไปยังที่ไกลออกไป
คุนหนิงจื่ออาศัยโอกาสอ้อมข้ามเขา กลับถูกอีกฝ่ายหยุดไว้
ขณะเดียวกัน ในมิติต่างแดนที่พังทลายแห่งนั้น ปราณมารไหลเชี่ยว ค่อยๆ พุ่งสู่ระดับสูงสุดแล้ว
อิ๋งอวี่เจินนั่งขัดสมาธิตัวตรง ถึงสองตายังคงปิดอยู่ ลวดลายมารบนหน้าผากหายไป ทว่าสภาวะบนร่างทำให้ผู้คนต้องสยิวกาย
ไม่ไกลออกไปตรงหน้านาง สือจวินคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น หายใจเหมือนกับที่เป่าลม
เขาเงยหน้าอย่างลำบาก ใบหน้าทำให้คนเห็นเป็นต้องตกใจ
ใบหน้าซีกซ้ายยังคงเป็นคนหนุ่มผู้องอาจ ทว่าใบหน้าซีกขวากลับเต็มไปด้วยลวดลายมาร ราวกับภูตผี
บนแขนขวาและขาขวาของเขาต่างมีแสงมารลอยขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งยังเหยียดยื่นเข้าหาลำตัวเพิ่มอีกขั้น
เขาในตอนนี้ถึงกับเหมือนร่างครึ่งคนครึ่งมาร
ใบหน้าซีกขวาบิดเบี้ยวแปลกประหลาด ในดวงตาข้างขวาล้วนเป็นแสงมารสีดำ เสียงหัวเราะพิลึกพิลั่นดังออกมา “คนผู้นั้นสมควรฆ่าจริงๆ เป็นเพราะเขากระทำเรื่องมากมาย ไม่อย่างนั้นตอนนี้ร่างนี้คงเป็นของข้าโดยสมบูรณ์แล้ว!”
สตรีที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ลืมตา เอ่ยปากส่งเสียงทุ้มต่ำอย่างเรียบเฉย “อย่าได้ปากมาก รีบสยบร่างสถิตของเจ้า”
“ขอรับใต้เท้าดินโบ่ว” ในตาขวาของสือจวินมีเสียงคำรามดังมา เหมือนกับภูเขาพังทลาย
“พวกเจ้า…ฝันไปเถอะ!” สือจวินหายใจอย่างยากลำบาก ฝืนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันเย็นชาของสตรี
เขาลากสังขารอย่างยากลำบาก คิดเข้าใกล้สตรีนางนั้น
ผู้ใดหาทราบไม่ว่า แขนขวากับเท้าขวาไม่ฟังคำสั่งไม่ว่า กลับติดขัด ทำให้ร่างเขาล้มกับพื้น!
ในดวงตาข้างขวามีเสียงของพญามารจงหยวนดังมา “ใต้เท้าดินโบ่วกับข้าคืนชีพอย่างเป็นทางการ ก้าวเท้าก้าวสุดท้ายเป็นผลสำเร็จ การต่อสู้ช่วงชิงจบลงแล้ว เป็นพวกเราที่ชนะ!”
มือขวาของสือจวินยื่นออกมาด้วยตัวเอง แล้วกดลงบนศีรษะของตัวเองอย่างดุดัน ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจพลิกตัวตะกายขึ้นจากพื้น