ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1469 ทัพที่สามประจัญ
“ต่อให้ไม่มีความน่าอัศจรรย์ของเทวราชไม่ถูกทำลายจากศิลาดินกำเนิด มหาเทวะเสมอฟ้าก็เป็นคนระดับสุดยอดไม่กี่คนในหมู่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลทั้งหมดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ถ้าหากว่าเจ้า ผู้อาวุโสเกา กับราชันพระจันทร์ตรงตามมาตรฐาน มารองรับกายทองของมหาเทวะ พวกเจ้าสามคนเกรงว่าจะสามารถฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดได้เลย”
เป็นเพราะสาเหตุนี้ ทำไมเยี่ยนจ้าวเกอต้องไปหาวานรฝูงหนึ่งมา
การช่วยมหาเทวะของเขา ไม่ต้องคิดถึงผลร้ายที่อาจจะเกิดมาเพราะสาเหตุนี้ แต่ถ้าหากว่าสามารถหาประโยชน์ได้ ย่อมไม่มอบให้ใครง่ายๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงประสานมือยิ้มแก่สวีเฟย “ยินดีด้วยศิษย์พี่สวี”
“สำหรับข้าแล้ว ตอนนี้ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม” สวีเฟยตอบอย่างตรงไปตรงมา “การก้าวขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียว ถ้าหากรากฐานไม่มั่นคงก็เป็นแค่วิมานในอากาศเท่านั้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงทอดถอนใจอยู่บ้าง “ความรู้สึกนี้ข้าเข้าใจดี”
“สมควรบอกว่าศิษย์น้องเฟิงเจ้าเป็นตัวอย่างของข้าถึงจะถูก” สวีเฟยว่า “การค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับเหมือนเจ้าจึงเป็นหลักเหตุผลที่ถูกต้อง เพียงกังวลว่าสถานการณ์ใหญ่ไม่มอบเวลาให้พวกเรามากพอ”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “แรงกดดันก็เป็นแรงผลักดันได้เช่นกัน บางครั้งถ้าไม่มีวิธีการอื่นจริงๆ ก็ได้แต่ต้องฝืนทำ”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เพียงแต่ท่านกับพ่านพ่านเท่านั้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าก็มีสถานการณ์เดียวกัน ที่อวิ๋นเซิงมีวันนี้ได้ก็ต้องอาศัยเวลายี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ตกตะกอนเช่นกัน”
“พวกเรารีบกลับจักรวาลฟ้าฟื้นให้เร็วที่สุดเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “หวังว่าพวกอาจารย์อาเจ้าสำนักจะกลับไปอย่างปลอดภัยแล้ว”
ทุกคนพูดพลางเดินทางพลาง หายไปในความว่างเปล่า
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของแดนสุขาวดีบัวขาวก็ดึงดูดความสนใจในแต่ละที่เช่นกัน ไม่เพียงแต่แดนสุขาวดีบัวขาวเองเท่านั้น สถานที่อื่นๆ ต่างมีคลื่นก่อตัวขึ้น
โดยเฉพาะแดนสุขาวดีตะวันตก ในพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง แสงตะเกียงสว่างหมื่นจุด บัวเขียวเบ่งบาน
พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งบนดอกบัว ท่านมีร่างเป็นสีน้ำเงิน มือขวาแตะดิน มือซ้ายวางบนตัก หลับสองตา เต็มเปี่ยมด้วยปัญญา
ในตอนที่มหาเทวะเสมอฟ้าหลุดออกจากตราผนึก พระพุทธเจ้าองค์นี้พลันลืมตาขึ้น
ขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออาศัยกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งทะลวงผนึกโลกภายนอก ออกไปจากแดนขวางกั้น สองตาของพระพุทธเจ้าค่อยๆ ปิดลง
ในพุทธเกษตรเหมือนกับมีเสียงถอนใจยืดยาวดังขึ้น ครู่ต่อมามีบัวเขียวดอกหนึ่งลอยมาจากด้านนอก เข้าสู่พุทธเกษตรแห่งนี้ มาถึงเบื้องหน้าพระพุทธเจ้าสีน้ำเงิน
บนที่นั่งบัวเขียวที่โผล่มานี้ มีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งอยู่เช่นกัน มียี่สิบเศียร สิบแปดกร แต่ว่าขณะนี้ ในแขนสิบแปดข้าง ขาดเสมอศอกสี่ข้าง ถึงกับถูกคนตัดทิ้ง
มิหนำซ้ำตรงหน้าอกของพระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรองค์นี้ยังมีบาดแผลที่เหมือนกับร่องน้ำสายหนึ่ง มองไปน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด
เพราะอาการบาดเจ็บนี้ พระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรองค์นี้ถึงกับปรากฏลักษณะพังทลายเหมือนกับจุดจบของหลักธรรมมาถึง ความสงบนิ่งไม่คงอยู่ ราวกับพระพุทธรูปที่ลมฝนกัดกร่อน พังทลายไม่มีชิ้นดี
กระนั้นสีหน้าของพระพุทธเจ้าองค์นี้ยังคงรักษาความสงบ กล่าวคำนับพระพุทธเจ้าสีน้ำเงินที่เป็นผู้ปกครองแดนสขาวพุทธเกษตรแห่งนี้ “ท่านอาจารย์”
“ท่านถึงกับบาดเจ็บถึงขั้นนี้” พระพุทธเจ้าสีน้ำเงินลืมตาขึ้น มองบาดแผลอันน่ากลัวตรงทรวงอก และบาดแผลที่แขนสี่ข้างของอีกฝ่าย “อาการบาดเจ็บแบบนี้ ไม่เหมือนกับพระโพธิสัตว์หญิงผู้นั้นสร้างขึ้น หรือว่าค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
พระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรตอบ “เป็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ขณะเดียวกันยังมีกระบี่ผนึกเซียนของแท้”
ท่านก็คือยุทธวิชัยพุทธะที่ได้รับบาดเจ็บเพราะค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อก่อนหน้านี้
พระพุทธเจ้าสีน้ำเงินที่ถูกท่านเรียกว่าอาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นพุทธบุตรแห่งเขาหลิงซาน พระถังซำจั๋ง บุญกุศลพุทธะในปัจจุบัน
“เพียงได้กระบี่ผนึกเซียนมาเล่มเดียว ไม่มีมือกระบี่เหนือพิสุทธิ์ระดับมหาชาลควบคุม ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกลับทำร้ายท่านถึงขั้นนี้ได้ หายากจริงๆ” บุญกุศลพุทธะถอนใจคำหนึ่ง ยื่นฝ่ามือออกมาวางลงบนศีรษะของยุทธวิชัยพุทธะ
แสงพุทธบริสุทธิ์สาดลง สภาวะแหลกสลายของยุทธวิชัยพุทธะพลันลดระดับลง
ยุทธวิชัยพุทธะพูด “ถ้าหากว่ารวบรวมสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนได้ครบ อาตมาใช่ว่าจะหนีรอด”
“ในระยะเวลาอันสั้นไม่อาจรักษาได้ง่ายๆ อาตมาได้แต่ช่วยให้ท่านทนได้อีกเล็กน้อย” บุญกุศลพุทธะกล่าว “อีกเดี๋ยวท่านไปหานะโมอมิตาภพุทธเจ้าเถอะ”
“อีกเดี๋ยวจะไปหาองค์พุทธเจ้า” ยุทธวิชัยพุทธะตอบ “สาเหตุที่มาหาอาจารย์ก่อนเพราะเรื่องอีกเรื่อง ท่านสมควรสัมผัสได้แล้วกระมัง”
บุญกุศลพุทธะพยักหน้า “ในที่สุดเขาก็ออกมาจากใต้ภูเขาเบญจคีรีแล้ว เพียงแต่ออกมาได้อย่างไรอาตมายังไม่อาจยืนยัน ถ้าท่านไปหาอมิตาภพุทธเจ้าก็ลองถามดูได้”
“อาตมารู้สึกแปลกๆ…” ยุทธวิชัยพุทธะพึมพำกับตัวเอง
ท่านหันไปทางบุญกุศลพุทธะ “ตราผนึกที่ท่านทิ้งไว้ในตอนนั้นถูกคนทำลายแล้ว?”
“ถูกทำลายแล้ว แต่ว่าช้ากว่าตอนเขาออกมาจากใต้ภูเขาเบญจคีรีเล็กน้อย” บุญกุศลพุทธะกล่าว “ผู้ทำลายตราผนึกของอาตมาคล้ายเขา แต่กลับไม่ใช่เขา”
ยุทธวิชัยพุทธะใคร่ครวญพร้อมกล่าว “คนที่ช่วยเขาได้การตอบแทนจากเขา”
บุญกุศลพุทธะยิ้ม “จะว่าไป หลังจากอาตมาถอนคำสั่งของพระศากยมุณีพุทธเจ้าอาจารย์ ตอนท่านออกมาจากใต้เขาเบญจคีรีก็มีพลังฝึกปรือพอประมาณแล้ว”
“การทำลายตราผนึกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปลดปล่อยคน เบื้องหลังจะต้องมีที่พึ่งแน่” ยุทธวิชัยพุทธะกล่าว “เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเกี่ยวข้องกับเหล่าจวิน บางที…”
ท่านก้มหน้ามองบาดแผลตรงหน้าอกของตัวเอง
“ไปพบอมิตาภพุทธเจ้าเถอะ” บุญกุศลพุทธะเอ่ยอย่างราบเรียบ
ยุทธวิชัยพุทธะยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ผละไป ในพุทธเกษตรเหลือบัวเขียวดอกเดียว บุญกุศลพุทธะนั่งอยู่ด้านบนไม่เคลื่อนไหว เนิ่นนานให้หลังก็หลับตาลง
กลางอากาศคล้ายมีเสียงถอนใจดังขึ้นอีกครั้ง
ในการศึกก่อนหน้า ยุทธวิชัยพุทธจู่โจมทำลายค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แต่ว่าถูกกดดันให้ถอยหลังเพราะเหตุนี้เช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดมารดินโบ่วก็ดับสูญอีกครั้ง พวกเยี่ยนจ้าวเกอจัดการเรื่องราวของสวีเฟย เฉินเฉียนหัว และสือจวินแข่งกับเวลา
ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน สงครามใหญ่ระหว่างยอดฝีมือจากขุมกำลังต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไป
เหล่ามารออกจากนพยมโลก ขุมกำลังอื่นๆ แม้นว่าจิตใจจะแฝงเล่ห์เพท์ทุบาย มีแผนการของตัวเอง แต่ว่าในด้านทิศทางใหญ่ ยังคงปรากฏการกลุ้มรุมมารร้ายแห่งนพยมโลก คิดทำให้ยอดฝีมือวิถีมารจำนวนมากไม่อาจกลับนพมโลกได้อีกตลอดกาลเท่าที่พอจะทำได้
พอรู้สึกได้ว่ามารดินโบ่วคืนชีพสำเร็จ หากแต่ดับสูญอย่างรวดเร็ว ย่อมทำให้จิตใจของยอดฝีมือจากนพยมโลกที่เพิ่งฮึกเหิมตกสู่ก้นเหวในชั่วพริบตา
พวกมันออกมาในครั้งนี้มีแผนการยิ่งใหญ่ ทว่าผลลัพธ์กลับผิดหวังครั้งใหญ่ ไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์อะไร กลับสูญเสียกองทัพ บาดเจ็บล้มตายมากมาย
ตอนนี้มารน้ำกุ่ยกับมารดินโบ่วต่างดับสูญ เหล่ามารย่อมเกิดความคิดถอยหนี เริ่มวางแผนกลับนพยมโลก
น่าเสียดายยอดฝีมือจากเต๋า พุทธ และปีศาจสามขุมกำลังยังคงไล่ตามไม่ลดละ
“สองทัพก่อนหน้าพ่ายแพ้ยับเยิน” มารจิตแรกเริ่มถอนใจ “เป็นพวกเราหวังสูงไป”
“สองทัพก่อน?” มารเงาตะหงิดกับถ้อยคำของอีกฝ่าย
มารจิตแรกเริ่มตอบ “มิผิด สองทัพก่อนหน้าในที่สุดพวกเราก็แพ้แล้ว วันนี้ต้องดูทัพที่สามแล้ว”
“ทัพที่สามมาจากที่ใด” มารเงาสอบถาม
“ข้าเองก็ไม่ทราบ” มารจิตแรกเริ่มตอบ “ทุกอย่างให้ทองแกจัดการเอง พวกเราเพียงจำเป็นต้องดึงดูดความสนใจให้เขาเท่านั้น”
ชายชรายิ้ม “บางทีแบบนี้อาจสำเร็จได้ง่าย เรียกว่าเสียตอนตะวันขึ้นได้ตอนตะวันตก นี่นับเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเราแล้ว”