ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1482 ผสานกระบี่คู่
คนทั้งสองเงียบงันไม่พูดอะไร แต่จู่อวี่เยี่ยพลันอุทานขึ้น
“เป็นอะไรหรือ” เนี่ยจิงเสินถาม
อวี่เยี่ยขมวดคิ้ว “ข้ารู้สึกเหมือนว่าฝักกระบี่ของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับกำลังอยู่ใกล้ๆ พวกเรานี้เอง…”
หลังจากได้รับมรดกของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ตัวนางเกิดความพิสดารขึ้นหลายส่วน สามารถสัมผัสได้ถึงฝักกระบี่ของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับที่อยู่บนมือจางปู้ซวี
กลับกัน จางปู้ซวีก็สามารถอาศัยฝักกระบี่สัมผัสตำแหน่งของนางได้เช่นกัน ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายยิ่งใกล้ ความรู้สึกก็ยิ่งรุนแรงแจ่มชัด
ขณะนี้อวี่เยี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม เป็นเพราะสัมผัสได้ว่าฝักกระบี่กำลังเข้าใกล้นางกับเนี่ยจิงเสิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจางปู้ซวีที่ถือฝักกระบี่เข้าใกล้ทั้งสองเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
อีกฝ่ายไม่ยอมตัดใจอย่างที่คิดไว้ ไล่ล่าค้นหาพวกเขามาโดยตลอด เป้าหมายไม่ต้องกล่าวก็เป็นที่ทราบได้
ในโลกนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญได้ อวี่เยี่ยชิงตำแหน่งนี้ได้ก่อนก้าวหนึ่ง จางปู้ซวีมีแค่คัมภีร์ลับอยู่ในมือกลับไม่อาจฝึกฝนได้ อวี่เยี่ยต้องหายไปจากโลกใบนี้เท่านั้น จางปู้ซวีจึงจะแทนตำแหน่งได้
ที่ว่าหายไปคือสามารถหลุดพ้นได้เหมือนเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ
ทั้งสามารถเป็น…ความตาย!
“พวกเราไป” เนี่ยจิงเสินไม่กล่าวอะไรมาก ฝืนกระตุ้นพลังของตัวเอง เพิ่มความเร็วขึ้นอีกขั้น
“ไปแบบนี้สลัดไม่หลุดแน่” อวี่เยี่ยว่า “แยกกันไปเถอะ เขาเพียงสัมผัสได้แค่ตำแหน่งของข้า แต่หาท่านไม่เจอ พวกเราแยกกันแบบนี้จะมีคนหนีพ้น อย่างน้อยก็ไปตามหาพวกท่านยายกับศิษย์น้องเยี่ยนมาแก้ไขวงล้อมได้”
เนี่ยจิงเสินไม่หยุดลง มุ่งหน้าต่อไป “ถึงอย่างไรจางปู้ซวีก็เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ อยู่ในระดับสูงสุดของเซียนลี้ลับ สี่ปราณรวมเป็นวายุ เซียนลี้ลับธรรมดาเทียบเคียงไม่ได้ ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัส ยากจะแสดงพลังออกมาทั้งหมด หากเจอเขาคนเดียว มีผลร้ายมากกว่าผลดี”
เขาไม่ยอมให้นางแย้ง “สองคนอยู่ด้วยกันบางทีอาจมีวิธีรับมือ หากถ่วงเวลาได้สักเล็กน้อย จ้าวเกอยังมีพวกผู้อาวุโสเกาคงจะหาเจอ”
อวี่เยี่ยมองใบหน้าที่เป็นเหลี่ยมเป็นสัน ทั้งยังเย็นชาแน่วแน่ของเขา สุดท้ายกล่าวเสียงเบา “ได้ อยู่ด้วยกัน”
คนทั้งสองทางหนึ่งหาวิธีทิ้งยันต์อาคมตราคาถาที่สร้างขึ้นพิเศษไว้ เพื่อให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอค้นหาเบาะแสที่พวกเขาเหลือไว้ ทางหนึ่งหลบซ่อนเคลื่อนไหวในความว่างเปล่า
การจะอ่านยันต์อาคมตราคาถาเหล่านี้ ต้องมีทักษะพิเศษ ไม่กลัวว่าจะตกไปอยู่ในมือของจางปู้ซวี
จางปู้ซวีออกจากมรกตท่องฟ้าไปนานแล้ว ไม่ทราบถึงทักษtที่เกี่ยวข้อง ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
เดินทางได้พักหนึ่ง สีหน้าของอวี่เยี่ยก็ยิ่งมายิ่งเคร่งขรึมขึ้น ครู่ต่อมานางพลันตวาดว่า “มาแล้ว!”
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน ในความว่างเปล่าด้านหลังพวกเขาพลันมีเสียงพิณดังขึ้น ไพเราะเพราะพริ้ง
ทว่าเสียงพิณเหมือนกลายเป็นระลอกคลื่นที่จับต้องได้หลายผืน กระจายไปทั่ว ความว่างเปล่าในจักรวาลพังทลาย
ในระลอกคลื่นที่อยู่ในลักษณะโค้ง กลับเผยเจตจำนงกระบี่ที่คมกล้า ทำให้คนเกิดความรู้สึกวิญญาณถูกเจาะทะลวง
ระลอกคลื่นขยายตัว พร้อมพุ่งมาทางด้านหลังพวกเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยด้วยความเร็วสูง
อวี่เยี่ยสีหน้าเคร่งขรึม ในดวงตาสองข้างพลันปรากฏปรากฏการณ์พิสดารขึ้น สรรพเรื่องราวสรรพชีวิต ธรรมชาติทั้งหมด ความหลากหลายในโลกหล้าพังทลายลง สุดท้ายก็กลายเป็นความเงียบสงัด
ภาพ การดำรงอยู่ นิยาม และความหมายของความตาย การดับสูญและจุดสิ้นสุดล้วนเจอกับจุดจบร่วมกัน!
ทุกสิ่งกลับสู่ความไม่มี กลับสู่ความโกลาหล สูญเสียนิยามของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
ราวกับความโกลาหลและความว่างเปล่าไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล
นางหมุนตัวออกกระบี่ ประกายกระบี่ที่พร่าเลือนโกลาหล ขมุกขมัวไม่ชัดเจนสว่างขึ้น ตัดระลอกคลื่นหลายกลุ่มที่ไล่หลังมา
ราวกับคลื่นทะเลหลายกลุ่มที่เชื่อมกันไม่ขาดสายกลับถูกคนแหวกออก
น้ำทะเลแยกไปสองฟากข้าง ตรงกลางกลายเป็นท้องฟ้าและผืนดิน เห็นก้นทะเลได้โดยตรง
เสียงพิณที่ไพเราะเสนาะหูพลันหยุดชะงัก แม้แต่ปลายเสียงก็ไม่มี เหมือนกับถูกคนใส่ตัวหยุดลงไป มาถึงจุดสิ้นสุดในพริบตา
กระนั้น นี่เกิดขึ้นแค่แวบเดียว
อวี่เยี่ยสีหน้าพลันซีดขาว ครางเสียงหนักๆ ยากจะทนต่อ ปรากฏการณ์ประหลาดหายไปจากดวงตา คนกลับคืนสู่ลักษณะเดิม
นางก้มหน้ามองไป บนฝ่ามือที่ตนถือกระบี่ ถึงกับปรากฏลวดลายแสงหลายสายที่เหมือนบาดแผลขึ้น
อวี่เยี่ยพลังไม่พอเก็บกระบี่กลับ เสียงพิณก็ดังขึ้นในทันที
กลางความว่างเปล่าไกลออกไป มีเงาคนสายหนึ่งไล่ตามพวกเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยด้วยความเร็วสูง นั่นเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีใบหน้างามสง่าคนหนึ่ง ด้านหลังแบกหีบใส่พิณใบหนึ่ง ขณะก้าวเดินอย่างผ่อนคลาย เสียงพิณก็ดังไม่ขาดหู
เป็นจางปู้ซวี กษัตริย์อนันต์!
เขามีสีหน้าซับซ้อน สายตามองดูลวดลายอันแวววาวที่กระจายถี่ยิบบนมือของอวี่เยี่ย
“ในการช่วงชิงมหามรรคามีเจ้าไม่มีข้า ไม่มีการหลีกทางแก่กัน” จางปู้ซวีถอนใจคำหนึ่ง “อย่าโทษข้าว่าใจคออำมหิต สร้างความลำบากแก่ผู้เยาว์เช่นพวกเจ้า”
เนี่ยจิงเสินสายตาเย็นชา โบกกระบี่ตั้งรับการจู่โจม
พร้อมกับที่เขาออกกระบี่ กระแสปราณที่งดงามหลายสายก็พุ่งออกมา ขณะที่ตัดสลับก็ผนึกตัวกลายเป็นเงาลวงสายหนึ่งอย่างเลือนราง
ภายใต้การครอบคลุมของเงาลวง ประกายกระบี่เหมือนกับเปลี่ยนเป็นวัตถุคล้ายธงไม่คล้ายธง คล้ายขวานไม่คล้ายขวานชิ้นหนึ่ง!
กระบี่พอฟันลง หลังจากความมืดขมุกขมัวถูกแสงสว่างพร่างพราวแบ่งแยก พายุไร้สิ้นสุดก็พาดขวางระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด ทั้งอ่อนโยน และทั้งเย็นเยียบ
ในความขัดแย้ง แฝงความลี้ลับไร้สิ้นสุดและอานุภาพอันน่าพรั่นพรึง
อวี่เยี่ยออกกระบี่พร้อมกัน แสงสีเขียวหลายสายส่องระยิบระยับ นางบาดเจ็บสาหัส ยากจะกระตุ้นคัมภีร์โกลาหลสูญ ทว่าขณะนี้ใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็ยังมีอานุภาพเต็มเปี่ยม
จางปู้ซวีเห็นดังนั้น ถอนใจชมเชยในใจ
ถึงจะอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ แต่ว่าอวี่เยี่ยคล้ายกับมีความเข้าใจต่อคัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียนล้ำลึกกว่าเขาที่เป็นเซียนลี้ลับ
ขณะถอนใจชมเชย จางปู้ซวีก็ไม่ปรานี ส่งประกายกระบี่สีเขียวสายหนึ่งออกไป ใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนฟันสะบัดไปตามใจ โจมตีใส่เนี่ยจิงเสิงกับอวี่เยี่ย
สองฝ่ายมีระดับต่างกันอยู่แล้ว พวกเนี่ยจิงเสินยังมีอาการบาดเจ็บติดตัว
การเปลี่ยนแปลงในประกายกระบี่ของจางปู้ซวีสามารถสะกดคู่ต่อสู้สองคนได้อย่างง่ายดาย จึงยึดครองความได้เปรียบ
ทว่าตอนที่เนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยออกกระบี่ ก็เกิดการสอดผสานไร้ช่องว่าง ถึงกับเกิดการประสานเสียง
“หือ?” จางปู้ซวีพลันตกใจ
ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ กระบี่เปิดผ่าฟ้าดินกับกระบี่ทำลายฟ้าดินรวมเข้าด้วยกัน ประสานเสียงหลอมรวม
เจตจำนงกระบี่ของสองฝ่ายผสมผสาน ถึงกับเกิดสภาพวัฏจักรตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนจบของการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติและฟ้าดิน
ธรรมชาติและฟ้าดินเปลี่ยนแปลง สภาวะยิ่งใหญ่ไม่อาจยับยั้ง ยากจะป้องกัน ราวกับกระแสคลื่นแห่งยุคสมัย ฝังกลบซัดทำลายอุปสรรคที่ขวางทางทั้งหมด
“พวกเจ้าสองคน…” จางปู้ซวีแตกตื่น ประกายกระบี่สีเขียวที่ตนปล่อยออกไป ถึงกับถูกการผสานคู่ของพวกเนี่ยจิงเสินพุ่งทะลวงเข้ามา
วิชากระบี่เช่นนี้ จางปู้ซวีคุ้นเคยดี แต่หากว่ากันจริงๆ นั่นเป็นวรยุทธ์ที่สำหรับใช้คนเดียว
เกาชิงเสวียนร่างจริงกับร่างแยกหนึ่งวิญญาณสองร่างราวกับคนคนเดียวกัน คนเดียวจึงใช้กระบี่หยกเบิกนภาและกระบี่ลงทัณฑ์เซียน แสดงจุดเริ่มต้นและจุดจบของธรรมชาติได้ ยามผสานกระบี่คู่มีอานุภาพไร้สิ้นสุด
เหมือนกับดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเท่า แต่ว่าร่างจริงกับร่างแยกของนางเมื่อผสานเจตจำนงกระบี่และปราณกระบี่ด้วยกัน ก็เทียบเท่ากับการเสริมพลังของตัวเองสองคน จึงยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ทว่าบนโลกมีแค่เกาชิงเสวียนคนเดียวเท่านั้นที่มีสถานการณ์ที่พิเศษโดยสมบูรณ์
หากแต่ในตอนนี้ ภายใต้การร่วมมือกันของคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ย ถึงกับกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกันขึ้นได้!