ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1486 ประกระบี่บนชายฝั่งยมโลก
นักพรตหนุ่มจากไปได้ไม่นาน ความว่างเปล่าไกลออกไปไม่ทันไรก็โดนแหวกออก
เสียงพิณลอยอ้อยอิ่ง เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่นี่ เป็นกษัตริย์อนันต์จางปู้ซวี
ดวงตาที่มีความลังเลเล็กน้อยของเขากวาดมองรอบๆ หลังจากสัมผัสอย่างละเอียดสักพักก็เหมือนรู้สึกได้ถึงบางอย่าง มองไปยังทิศทางที่นักพรตหนุ่มจากไป
‘ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ แต่ไม่มีจิตของคัมภีร์โกลาหลสูญ…’
แต่ว่าไม่ทันไรจางปู้ซวีก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง แค่นเสียงคำหนึ่ง
จากนั้นในความว่างเปล่าค่อยๆ มีควันบางสายหนึ่งลอยขึ้น หมอกควันสลายไป เผยให้เห็นตราอาคมชิ้นหนึ่ง
จางปู้ซวีหยีตา ยื่นนิ้วออกมาแตะตราอาคมเบาๆ
ตราอาคมที่สูญเสียประสิทธิผลซ่อนเร้นไปแล้ว พลันเปิดออก กลายเป็นม่านแสงผืนหนึ่ง อักขระอาคมมากมายสว่างขึ้นบนม่านแสง ส่งข้อความ
ร่องรอยเบาะแสกับคำอธิบายอย่างง่ายๆ ที่เนี่ยจิงเสินทิ้งให้แก่พวกเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏขึ้นหมดสิ้น
จางปู้ซวีอ่านดู สีหน้าประหลาดใจ บนใบหน้าปรากฏความยินดีและความระวัง คล้ายกับสงสัยความน่าเชื่อถือของข้อความ เกรงว่ามีคนตั้งใจทำให้เขาเข้าใจผิด
ทว่าสุดท้ายแล้วจางปู้ซวียังลงมือเก็บลำแสง ทำให้มันกลับเป็นตราอาคม
จากนั้ เขาก็ควบคุมประกายกระบี่ให้พุ่งไปตามเบาะแสที่ตราอาคมมอบให้!
…
บริเวณขอบชายฝั่งยมโลก เนี่ยจิงเสินพาอวี่เยี่ยเหาะเหิน หลบอาณาเขตที่ถูกปราณมารจากนพยมโลกกัดกินอย่างระมัดระวัง
อาการบาดเจ็บของอวี่เยี่ยหนักหนาสุดขีด อย่าว่าแต่ควบคุมคัมภีร์โกลาหลสูญ แม้ว่าจะเป็นวรยุทธ์อื่นๆ ก็ใช้ไม่ได้ ไม่อาจต่อสู้กับผู้คน เนี่ยจิงเสินได้แต่พานางเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ต้องหลบหนีให้ได้
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ถ้าจางปู้ซวีกับคนของโถงเซียนหาพวกเขาไม่เจอ ก็อาจได้รับการช่วยเหลือจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าทันใดนั้น เสียงพิณที่เหมือนกับใบสั่งตายก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
เสียงพิณที่เดิมทีไพเราะเสนาะหู วินาทีนี้กลับกระชากวิญญาณเกี่ยวชีวิต ราวกับดังมาจากยมโลก
อวี่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้หลับตาพักผ่อน เวลานี้ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
เนี่ยจิงเสินมีใบหน้าเย็นชา ดวงตามองดูกลางอากาศไกลออกไปที่ค่อยๆ มีเงาคนลอยขึ้น
เป็นจางปู้ซวี กษัตริย์อนันต์!
เขามองเงาร่างของเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ย ดวงตาฉายแววซับซ้อนที่ปรากฏขึ้นแวบเดียวก็หายไป จากนั้นกลับคืนสู่ลักษณะเดิม ‘ลิขิตสวรรค์เช่นนี้เอง!’
เนี่ยจิงเสินจ้องมองฝ่ามือของจางปู้ซวี ตราอาคมชิ้นหนึ่งลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา เบาะแสที่เดิมทีสมควรทิ้งให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอสามารถมาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ผู้ใดคาดคิดว่า ถึงกับตกไปอยู่ในมือของจางปู้ซวี
ตามปกติแล้ว จางปู้ซวีไม่อาจค้นพบตราอาคมนี้ได้ ถึงแม้จะพบ ในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่สมควรไขความลี้ลับที่อยู่ด้านในได้
ถึงอย่างไรพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนที่สร้างตราอาคมขึ้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา หนำซ้ำวิชาลับที่สามารถค้นหาตราอาคมและเปิดมันออกมาอ่านได้ ก็เพิ่งจะเสร็จก่อนที่มารน้ำกุ่ยกับมารดินโบ่วจะก่อความวุ่นวายในครั้งนี้นี่เอง
ในจักรวาลฟ้าฟื้น ในฟ้าเหนือฟ้าและมรกตท่องฟ้าก็มีแค่ไม่กี่คนที่ทราบ
แต่ว่าในนี้ไม่รวมจางปู้ซวีที่อยู่เบื้องหน้าแน่นอน!
แม้แต่หลี่อิงก็ไม่ทราบเรื่องมาโดยตลอด เป็นเพราะก่อนหน้านี้ติดต่อไม่สะดวก ยิ่งอย่าว่าแต่จางปู้ซวีที่ออกจากมรกตท่องฟ้าไปนาน แยกไปเดินบนเส้นาทงของตัวเองมาหลายปี
น่าเสียดายตอนนี้เนี่ยจิงเสินไม่มีเวลาใคร่ครวญว่าจางปู้ซวีมีตราอาคมได้อย่างไร เขาเร่งความเร็วพาอวี่เยี่ยหนีไปในทิศทางตรงกันข้าม
จางปู้ซวีก็ไม่ได้พูดอะไร ดีดพิณออกกระบี่ ประกายกระบี่หลายสายพลันพุ่งเข้าหาพวกเนี่ยจิงเสิน
เนี่ยจิงเสินฝืนตั้งรับ แต่ทางหนึ่งต้องดูแลอวี่เยี่ย ทางหนึ่งตนได้รับบาดเจ็บสาหัส การรับมือจางปู้ซวีซึ่งเป็นเซียนลี้ลับที่สี่ปราณรวมเป็นวายุ สุดท้ายก็ยังมีพลังไม่พอ
โดยเฉพาะจางปู้ซวียังฝึกฝนคัมภีร์กระบี่ลวงเซียน เชี่ยวชาญการฟันทำลายมิติ มีความเร็วสูงสุดขีด
หากเขาหาไม่เจอ พวกเนี่ยจิงเสินยังสามารถหลบซ่อนตัวได้
ตอนนี้โผล่ให้เห็นในตาของเขาโดยสมบูรณ์ คิดหนีอีกก็ยากแล้ว นอกเสียจากจะเร็วกว่าจางปู้ซวี หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นใช้ขัดขวางฝีเท้าของจางปู้ซวีเหมือนอย่างก่อนหน้า
ตอนนี้เนี่ยจิงเสินคิดหาวิธีอื่นไม่ออก เห็นประกายกระบี่สีแดงก่ำชนิดมืดฟ้ามัวดินพุ่งลง ราวกับไม่มีที่ใดไม่คงอยู่ กอปรเป็นสภาวะแหฟ้าตาข่ายดิน ปิดคลุมทั้งสองคน เขาได้แต่พาอวี่เยี่ยหลบเข้าไปในชายฝั่งยมโลกที่อยู่ไม่ไกล
จางปู้ซวีเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น
ถ้าหากเข้าไปในนพยมโลก พวกเนี่ยจิงเสินที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะลำบากกว่าเดิม แต่เขาคิดไล่ล่าต่อก็จะได้รับการรบกวนเช่นกัน
ดังนั้นจางปู้ซวีไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลง ไล่ตามเข่นฆ่าเข้าไปในชายฝั่งยมโลกทันที
ชายฝั่งยมโลกบริเวณนี้กว้างใหญ่สุดขีด แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือในชั้นสูงสุดของระดับเซียนจริงแท้อย่างจางปู้ซวีเข้าไปก็เกิดความรู้สึกกว้างใหญ่ไพศาล ไร้ขอบเขตไร้ประมาณ
พวกเนี่ยจิงเสินเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน เปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ปราดเปรียวเป็นพิเศษราวกับปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
ทว่าสุดท้ายแล้วกษัตริย์อนันต์จางปู้ซวีก็ยังติดตามอยู่ด้านหลังพวกเขาติดๆ ไม่มอบโอกาสให้เนี่ยจิงเสินสลัดหลุด
สองฝ่ายเดี๋ยวสู้เดี๋ยวหนี สู้ๆ หยุดๆ พัวพันกันเป็นระยะเวลานาน
สุดท้ายพวกเนี่ยจิงเสินก็สลัดจางปู้ซวีไม่หลุด
เสียงร้องที่ล่อลวงจิตใจและดูดซับวิญญาณของผู้คนเริ่มดังขึ้นข้างหู ยิ่งมายิ่งดัง จนกระทั่งสุดท้ายทำให้หูแทบแตก
แสงสว่างที่มืดมิดตรงหน้าค่อยๆ สลายไป มีหมอกดำแผ่พุ่ง มีแสงสว่างสีเลือดที่ดูชั่วร้ายน่ากลัวกะพริบเลือนราง
ระหว่างที่ไล่ๆ หนีๆ คนทั้งสามก็เริ่มมาถึงขอบอีกชั้นหนึ่งของชายฝั่งยมโลก
เข้าใกล้นพยมโลกที่แท้จริง
เนี่ยจิงเสินสีหน้าเคร่งขรึม ขณะต้านรับสภาวะโจมตีที่เหมือนผลักภูเขาถมทะเลของจางปู้ซวี
ในตอนที่อยู่ในห้วงคับขัน เนี่ยจิงเสินสีหน้าสั่นไหว
จางปู้ซวีที่อยู่ตรงหน้าเขา สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด หัวใจตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม
ด้านหลังของเขา กลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งกำลังเข้าใกล้ที่นี่ด้วยความเร็วสูง
ในชายฝั่งยมโลกอันมืดสนิทพลันมีแสงสว่างขึ้น ราวกับประกายแสงสว่างขึ้นเป็นครั้งแรกในความมืดมิดบรรพกาล เปิดฟ้าผ่าดิน
ประกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่เกรี้้ยวกราดสายหนึ่งเข้ามาใกล้ ฟันถึงด้านหลังจางปู้ซวีในพริบตา
รอบตัวจางปู้ซวีมีประกายกระบี่หลายสายตัดสลับ วนเวียนอยู่รอบๆ ต้านทานกระบี่ที่ยิ่งใหญ่นี้
ผู้ออกกระบี่เป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมมงกุฎทรงสูงและอาภรณ์โบราณ คนเหมือนกระบี่เปิดฟ้า กลับไม่แสดงความคมกล้า เพียงแต่แค่ยืนตัวตรงอยู่ที่นั่นก็เหมือนกับยอดเขาแทงสู่หมู่เมฆ ทำให้ผู้คนต้องเงยหน้ามอง
เนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยระบายลมหายใจ
“ท่านอาจารย์!”
“กษัตริย์กระบี่!”
ผู้มาเป็นเยว่เจิ้นเป่ยที่ก่อนหน้านี้พลัดหลงกันนั่นเอง!
“จิงเสินไฉนเจ้าไม่ระวังขนาดนี้ ไม่ปลอมแปลงเครื่องหมายตามที่ได้นัดกันไว้ เจ้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการบอกร่องรอยของพวกเจ้ากับจางปู้ซวีหรอกหรือ” เยว่เจิ้นเป่ยทางหนึ่งกล่าวอย่างไม่พอใจ ทางหนึ่งโจมตีจางปู้ซวีไม่หยุด คลายวงล้อมให้แก่เนี่ยจิงเสิน
เขาเคลื่อนไหวอยู่คนเดียว แล้วค้นพบตราอาคมอีกชิ้นที่เนี่ยจิงเสินเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทราบสถานการณ์คร่าวๆ จากนั้นก็รีบมาตามหาตามเบาะแสที่อยู่
“ข้าอำพรางตราอาคมเร้นลับไปแล้ว” เนี่ยจิงเสินสีหน้าดูไม่ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน “ในนี้มีสาเหตุอื่น!”
เยว่เจิ้นเป่ยขมวดคิ้ว แต่ทราบว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาสืบสาว
“พวกเจ้าไปก่อน” เยว่เจิ้นเป่ยส่ายหน้า ประกายกระบี่ทั่วฟ้า ต้านรับจางปู้ซวีที่อยู่ตรงหน้า
เสียงกระบี่ดังเช้ง ฟันเสียงพิณขาดลง
………………..