ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1490 คุกเข่ารับความตาย
จางปู้ซวีพุ่งฝ่าหมอกสีดำหลายชั้น มาถึงเหนือบึงเลือดกลางเขากระดูก พอเห็นภาพตรงหน้าและรับรู้ได้ถึงปราณพิฆาตไร้ขอบเขตนั้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนแปลง
หลังจากใคร่ครวญชั่วครู่หนึ่ง จางปู้ซวีสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูถึงขีดสุด ‘…ในพวกเขาสองคนมีคนหนึ่งเป็นร่างสถิตของมารทองแก?’
เขาอาบฝนโลหิตทั่วฟ้า ปล่อยปราณกระบี่ออก กั้นเลือดสกปรกที่ตกลงมาจากนภา
จางปู้ซวีจิตใจเย็นเยียบครึ่งหนึ่ง เพียงไม่ยินยอม สายตามองทะลุม่านควันฝนโลหิต ทอดตามองไปด้านในบึงเลือด เขาเห็นอวี่เยี่ยหลับสองตา นอนอยู่ด้านในอย่างสงบ ทั่วตัวเป็นรอยแตก ยังคงเหมือนตุ๊กตากระเบื้องแตกสลายตัวหนึ่ง
ยามนี้กระดูกที่เปล่งแสงสีทองหลายท่อนนั้นพลันขยับพร้อมกัน จากนั้นก็ตั้งขึ้นมา แสงสีทองเข้มหลายสายตัดสลับ เหมือนกับประกายกระบี่นับพันนับหมื่นส่องแสง
ปราณพิฆาตในทะเลเลือดพุ่งสู่ระดับสูงสุด อวี่เยี่ยจมลงไปในน้ำเลือดแล้วหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเงาร่างของบุรุษสายหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นจากในน้ำเลือด
“เนี่ยจิงเสิน!” จางปู้ซวีมองดูใบหน้าที่เหมือนกับไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้า แต่ทราบว่าตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
อาการบาดเจ็บที่ก่อนหน้านี้สาหัสหายไปเป็นปลิดทิ้ง เจตจำนงกระบี่อันเย็นเยียบดุร้ายน่ากลัวยิ่งกว่าก่อน ปราณกระบี่สีดำหลายสายวนเวียนอยู่รอบตัวเขา
ในตอนที่เขาเงยหน้ามองจางปู้ซวี จางปู้ซวีรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วร่าง
จางปู้ซวีก็เป็นผู้ใช้กระบี่เช่นกัน ถึงแม้ปกติจะชอบท่วงทำนองบทเพลง ถึงแม้นิสัยจะเกียจคร้านอยู่บ้าง แต่เขายังคงเป็นผู้ใช้กระบี่
ทว่าในวินาทีนี้เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนกับเป็นกระบี่ปลอมที่แกะจากไม้ท่อนหนึ่ง กลับอยู่กลางดงศาสตราวุธที่เย็นเยือกอย่างแท้จริง
แสงสว่างสีทองเข้มหลายสายนั้นกลายเป็นเงาหลายสายกลางอากาศ มีหอก มีดาบ มีขวาน อาวุธมากมาย แน่นอนว่ายังมีกระบี่ด้วย
อาวุธที่อยู่ใกล้เนี่ยจิงเสินมากที่สุดก็คือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กระบี่ยาวที่เป็นสีดำสนิททั้งเล่ม
เงาแสงมายาเหล่านี้ล้วนเป็นแก่นแท้ที่ผนึกจากจิตจริงแท้วรยุทธ์ของยอดฝีมือมรรคายุทธ์ที่กลายเป็นมารทองแกแต่ละยุคสมัย
ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ผู้ใช้กระบี่ในยุคเดียวกันกับเยี่ยนซิงถาง พอจางปู้ซวีสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่ที่ซ่อนในกระบี่ยาวสีดำสนิททั้งเล่มเล่มนั้น เขาก็เกิดความเข้าใจขึ้น
กระบี่มารสวรรค์ กระบี่ของประมุขแห่งวิถีมารที่อินสือหยางใช้สู้กับกระบี่หยกเบิกนภาของเยี่ยนซิงถาง!
จิตวรยุทธ์เหล่านี้ล้วนหลอมรวมอยู่ด้านใน เนี่ยจิงเสินที่เป็นร่างแปลงของมารทองแกยุคใหม่ครอบครองวรยุทธ์ของผู้อาวุโสเหล่านี้พร้อมกัน
เนี่ยจิงเสินยื่นมือออกมาจับกระบี่ยาวที่เป็นสีดำสนิททั้งเล่มตรงหน้า จากนั้นก็ฟันขวางออก!
เงาแสงของศาตราวุธชิ้นอื่นๆ ตรงหน้าล้วนแหลกสลาย!
จางปู้ซวีงงงันก่อน จากนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยน หมุนกายหนีไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยจิงเสินมองจางปู้ซวีอย่างเย็นชา แสงสีทองเข้มกะพริบในดวงตาแวบหนึ่ง
แสงทองทั่วฟ้าผนึกเขตมารแห่งนี้ ขัดขวางเส้นทางของจางปู้ซวี
“ทำลาย!” ในเสียงตวาด ประกายกระบี่สีเขียวหลายสายระเบิดออกมา จางปู้ซวีใช้เจตจำนงกระบี่ของกระบี่สังหารเซียนทำลายเขตผนึกแสงสีทองตรงหน้า
แสงสีทองนี้เกิดจากลมปราณของมารทองแก แม้นแข็งแกร่ง แต่มารทองแกยังไม่กลับสู่ระดับสูงสุด จางปู้ซวียังทำลายได้ อย่างมากสุดได้แต่ขวางเส้นทางของเขาเท่านั้น
เนี่ยจิงเสินเคลื่อนไหวในพริบตาเดียวกัน
เขากำกระบี่ยาวสีดำสนิทที่เกิดจากเจตจำนงกระบี่แห่งกระบี่มารสวรรค์เล่มนั้น เดินเข้าหาจางปู้ซวี
เนี่ยจิงเสินก้มหน้ามองกระบี่ยาวสีดำสนิทแวบหนึ่ง หัวเราะขึ้น ออกแรงบีบนิ้วทั้งห้า กระบี่ยาวแหลกสลายกลายเป็นประกายแสงสีทองเข้มใหม่
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นฟ้า ปราณกาลีอันน่ากลัวทั่วฟ้ารวมตัวกันกลางฝ่ามือของเขา!
กระบี่ยาวสีทองเข้มที่น่าครั่นคร้ามกว่ากระบี่มารสวรรค์เล่มหนึ่ง ผนึกกลายเป็นรูปร่าง!
ต่อจากนั้นก็ฟันใส่จางปู้ซวี!
จางปู้ซวีที่ถูกข่ายผนึกแสงสีทองขวางไว้ในพริบตา รีบร้อนทำลายข่ายผนึก กำลังจะหนีไป กระนั้นสัมผัสได้ว่าคมกระบี่ที่อยู่ด้านหลังบรรลุถึงศีรษะของตัวเองแล้ว!
แค่พริบตานี้ เขาก็ไปไม่ได้แล้ว
ถ้ามีเพิ่มอีกวินาทีหนึ่ง เขาผลักดันคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนฟันทำลายมิติเวลา ก็สามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ แต่พอขาดไปเพียงวินาทีนี้ เขาจำเป็นต้องป้องกัน ไม่อย่างนั้นก็คงถูกเนี่ยจิงเสินสังหารทิ้งคาที่!
จางปู้ซวีตะโกนขึ้น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ประกายกระบี่หลายสายรวมตัวด้วยกัน
“เช้ง” เสียงทิ่มแทงโสตแระสาทดังขึ้น เหมือนกับสายพิณขาด ประกายกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ที่ดุร้ายถึงขีดสุดพุ่งสู่ฟากฟ้า ต้านทานประกายกระบี่สีทองเข้มในมือเนี่ยจิงเสิน
การปะทะกันของสองฝ่ายฉีกท้องฟ้าเหนือเขตมารแห่งนี้ กวาดล้างปราณมารรอบๆ จนหมดจด กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง
แต่ไม่รอให้จางปู้ซวีตอบโต้เพิ่ม แสงสว่างสีทองเข้มตรงหน้าเขาก็กะพริบอีกครั้ง!
กระบี่ที่รวดเร็วหาใดเปรียบ!
กระบี่ที่เร็วกกว่ากระบี่ลวงเซียนสายเหนือพิสุทธิ์!
ร่างของจางปู้ซวียังไม่ทันมีความรู้สึก หางตาเหลือบเห็นแขนของตัวเองแยกออกจากร่างไปแล้ว!
ยอดมือกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ผู้นี้ ยามนี้แสดงความสามารถทั้งหมดออกมา ความพยายามตลอดพันปีปรากฏออกมาหมดสิ้น
จางปู้ซวีไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองโดยสิ้นเชิง อันดับแรกกระตุ้นแขนที่ขาดไปของตัวเองให้ระเบิดเป็นละอองแสงฝนโลหิตหย่อมหนึ่ง กลายเป็นคมกระบี่ทั่วฟ้าครอบคลุมเนี่ยจิงเสิน ขณะเดียวกันเขาก็พลิกอีกมือหนึ่งตบใส่หีบพิณด้านหลัง
ในนั้นมีปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ถูกเก็บไว้ราวกับธารดาว พอปล่อยออกมาก็ต้านทานศัตรูทันที
เนี่ยจิงเสินเผชิญแขนขาดที่จางปู้ซวีบดขยี้กลายเป็นคมกระบี่หลายสาย ยืนนิ่งกับที่ไม่ไหวติง ปราณกระบี่สีทองเข้มส่องลอดร่างกาย กอปรเป็นม่านกำบังครึ่งวงกลมตั้งอยู่ตรงหน้า ป้องกันกระบี่เลือดนับพันนับหมื่นหมดสิ้น
พร้อมกันนั้นตรงหน้าจางปู้ซวีพลันพร่ามัว เนี่ยจิงเสินบรรลุถึงด้านหลังเขาแล้ว
ประกายแสงสีทองเข้มกะพริบขึ้นอีก!
ไม่รอจางปู้ซวีตบมือใส่หีบพิณ กระบี่มารที่น่ากลัวก็เสียบฝ่ามือของเขากับหีบพิณ!
คมกระบี่แทงทะลุฝ่ามือ!
ทะลุหีบพิณ!
ทะลุร่างของจางปู้ซวี!
“จงคุกเข่ารับความตาย” เนี่ยจิงเสินกล่าวอย่างสงบนิ่ง
ประกายกระบี่สีทองเข้มทำลายหีบพิณ ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาจากด้านใน เชือดเฉือนตัวจางปู้ซวีเป็นคนแรก
จางปู้ซวีครางเสียงหนักๆ คำหนึ่ง โซเซพุ่งล้มไปด้านหน้า เขาเงยหน้ามองไปอย่างยากลำบาก บึงเลือดอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก
ทว่าด้านหลังเขา…เนี่ยจิงเสินยกมือขึ้นอย่างเย็นชา!
ปราณกระบี่สีทองเข้มเหมือนกับกระแสคลื่นคลั่ง รวมตัวกลายเป็นเสาแสงหยาบใหญ่ที่เหมือนมหานที กลืนกินจางปู้ซวีจนหายไป!
เซียนลี้ลับสงบนิ่งจากสำนักเต๋าสายหลักผู้หนึ่งสิ้นชีวิตลงเช่นนี้ และประกาศถึงการจุติของมารทองแกที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง…
ปราณพิฆารไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง นพยมโลกสั่นสะเทือน
เยว่เจิ้นเป่ยที่กำลังต่อสู้กับจ้าวสวรรค์โถงเซียนในชายฝั่งยมโลกที่อยู่ด้านนอกนพยมโลก สีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จ้าวสวรรค์โถงเซียนผู้นั้นหยุดมือ มองดูนพยมโลกอย่างระมัดระวัง
สุดท้ายเขาถอนตัวออกมา พุ่งเข้าไปในเขตมารแห่งนพยมโลกโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เขาค้นหาไปตามสถานที่ที่มีคุณสมบัติพิฆาตของปราณมารหนาแน่นที่สุด จากนั้นก็เห็นทะเลเลือดผืนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
ซากศพกองเกลื่อนบนชายฝั่งทะเลเลือด เป็นจอมยุทธ์จากโถงเซียนที่ไล่ตามเข้าใกล้ก่อนหน้า ล้วนตายอนาถ
ศีรษะข้างหนึ่งกลิ้งมาถึงข้างเท้า เยว่เจิ้นเป่ยก้มหน้ามองไป เห็นใบหน้าตายตาไม่หลับของจางปู้ซวี!
กลางอากาศเหนือทะเลเลือดยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง หันหลังให้เยว่เจิ้นเป่ย
เงาหลังที่เคยคุ้นคิดที่สุด วินาทีนี้กลับทำให้เยว่เจิ้นเป่ยรู้สึกแปลกหน้า
เสียงลมหวีดหวิว ร่างร่างหนึ่งลอยขึ้นมาจากในทะเลเลือดเบื้องล่าง เป็นอวี่เยี่ยที่กำลังหลับตา ถึงแขนจะขาดไปข้างหนึ่ง ทว่าในที่สุดรอยแตกหลายสายบนร่างก็ไม่แหลกสลายต่ออีก ลมหายใจของนางมั่นคงชั่วคราว
“จงพานางออกไป” เงาร่างที่หันหลังให้แก่เยว่เจิ้นเป่ยส่งเสียง
ร่างของอวี่เยี่ยลอยมาถึงตรงหน้าเยว่เจิ้นเป่ย เยว่เจิ้นเป่ยรับไว้ แล้วเงยหน้ามองไป “จิงเสิน…”
เงาร่างนั้นไม่ได้หันหน้ามา
เขาหันหลังให้เยว่เจิ้นเป่ย จากไปอย่างไร้สุ้มเสียง หายไปในส่วนลึกของนพยมโลก